หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 238

ฉันกัดฟันกรอดด้วยความโมโห จากนั้นก็ไม่สนใจเขา รอจนไฟเปลี่ยนสีแล้วถึงหันข้างไปมองเขา: “ไฟเขียวแล้วค่ะ!”

ตกดึกฉันอาบน้ำเพิ่งจะออกมา ส่วนลู่จือสิงเพิ่งออกมาจากห้องของเป้ยเปย ฉันมองไปทางเขา: “เป้ยเปยหลับแล้วหรือคะ?”

“หลับแล้วครับ ผมไปอาบน้ำก่อนล่ะ ภรรยาอย่าลืมอยู่รอผมด้วยนะครับ!”

คนผู้นี้เริ่มเหลาะแหละอีกล่ะ!

ฉันมองตามจนเขาหันหลังกลับเข้าห้องแล้วถึงจะเข้าไปในห้องของเป้ยเปย เป้ยเปยหลับไปแล้วจริงๆ ช่วงฤดูหนาวเป้ยเปยมักจะหลับลึกมาก ถ้าหลับแล้วจะตื่นยากมาก

แต่แบบนี้ก็ดี จะได้ไม่ต้องลุกขึ้นมาตอนดึกๆ เพื่อกล่อมเขาให้หลับ

ฉันนั่งเหม่ออยู่ในห้องเป้ยเปย ไม่รู้ทำไมเอาแต่คิดถึงคำพูดที่ลู่จือสิงพูดกับฉันเมื่อสักครู่นี้

เขาบอกให้ฉันรอเขา ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเขาให้ฉันรอทำอะไร!

นายลู่จือสิงคนนี้เหลือเกินจริงๆ พอเหลาะแหละขึ้นมาก็ทำให้คนอยากจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันยิ่งนัก!

แม้เขาจะอาบน้ำเร็ว แต่คงไม่ออกมาในสองสามวินี้หรอก

คิดได้อย่างนี้ฉันก็รีบออกจากห้องของเป้ยเปยไป

เมื่อกลับเข้าห้องมาฉันก็พบว่าลู่จือสิงยังไม่กลับเข้ามาจริงๆ จึงรีบขึ้นเตียง ห่มผ้าห่ม แล้วสะกดจิตตัวเองให้รีบนอนหลับโดยเร็ว

ไม่นานนักลู่จือสิงก็ออกมาจากห้องอาบน้ำ เสียงเดินของเขาค่อนข้างดัง “ตึก ตึก ตึก” ครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันรู้สึกว่าแต่ละย่างก้าวที่เดินมาราวกับเหยียบขึ้นมาบนหัวใจฉัน

บนตัวเขามีกลิ่นเจลอาบน้ำเหมือนกันกับฉัน และเมื่อเข้ามาใกล้ก็ยังมีไอร้อนจากห้องอาบน้ำติดมาด้วย

ฉันหดมือเข้าไปโดยไม่รู้ตัว จู่ๆ เขาก็เข้ามากอดฉันผ่านผ้าห่ม

“ซูยุ่น คุณยังไม่นอนสินะ?”

เขาพูดพร้อมกับเอามือล้วงเข้าไปในชายเสื้อของฉัน

ฉันหลับตาตั้งใจว่าจะอย่างไรก็จะไม่เปิดปากเด็ดขาด

ผ่านไปสักพัก ลู่จือสิงก็หยุดการเคลื่อนไหว

ฉันอึ้งไปชั่วขณะ ทันใดนั้นเขาก็ดึงผ้าห่มขึ้นแล้วเอาตัวสอดเข้ามา จากนั้นก็กอดฉันและพูดอยู่ข้างหูว่า: “ซูซู คุณจำเอาไว้นะว่าคุณคือคุณหญิงลู่ ส่วนผมจะช่วยคุณแก้ปัญหาทุกอย่างให้ครับ”

ฉันไม่คาดคิดว่าจู่ๆ เขาจะพูดประโยคนี้ขึ้นมา จะบอกว่าไม่ประทับใจก็คงเป็นไปไม่ได้

อันที่จริงหลายวันมานี้หลี่ฮุ้ยหรูทำให้ฉันกลัดกลุ้มใจอยู่บ้าง แต่เพราะที่แผนกขาดคนอยู่ ช่วงแรกที่สัมภาษณ์ยังมีอยู่สองสามคน แต่ท้ายที่สุดก็เหลือหลี่ฮุ้ยหรูแค่คนเดียว

ตอนที่ติงหยวนส่งคนมาได้บอกสถานการณ์นี้ให้ฟังอยู่ ดังนั้นฉันจึงอดทนมาตลอด รอให้ทนไม่ไหวค่อยว่ากัน

ถ้าจะบอกว่าน้อยใจ อันที่จริงก็ไม่ถึงกับน้อยใจนักหรอก ก็แค่หลี่ฮุ้ยหรู เธอจะทำให้ฉันรู้สึกน้อยใจได้อย่างไรกัน

แต่พอลู่จือสิงพูดอย่างนี้กลับรู้สึกเหมือนตัวเองถูกคนรังแกอย่างไรอย่างนั้น

หลังจากนั้นไม่นานฉันก็ลืมไปว่าตัวเองแกล้งหลับอยู่ จึงพลิกตัวไปเผชิญหน้ากับเขา: “ฉันไม่เป็นไร แล้วก็ไม่ได้ทุกข์ใจด้วยค่ะ”

“คุณนอนไปแล้วไม่ใช่หรือครับ?”

พอได้ยินคำพูดของเขาฉันถึงรู้ว่าตัวเองติดกับแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะกัดคางเขาไปที

ลู่จือสิงมองฉันอย่างขำๆ: “โอเค ผมไม่หยอกคุณแล้ว รีบนอนเถอะครับ”

ฉันมองเขาไปอีกสักพักหนึ่งจนเห็นว่าเขาไม่เคลื่อนไหวอะไรแล้วจริงๆ จึงปิดตาพร้อมจะหลับ

เดิมทีช่วงเวลานี้ฉันจะไม่ยุ่งมาก แต่เนื่องจากมีหลี่ฮุ้ยหรู จึงทำงานของสองคนในคนๆ เดียว และยุ่งขึ้นมาในเวลาไม่นานนัก

บังเอิญเหลือเกินที่หลี่ฮุ้ยหรูก็ยังขุนไม่ขึ้นดั่งอาโต่ว หลายวันมานี้ฉันเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจจนถึงขีดสุด จึงตั้งใจว่าหลังจากนี้อีกสองวัน หากหลี่ฮุ้ยหรูยังเป็นเช่นนี้อยู่อีก ฉันคงต้องพูดกับติงหยวนเสียแล้ว ฉันไม่อยากจะเสียเวลามากไปกว่านี้

เมื่อคืนลู่จือสิงไม่ได้กวนฉัน วันนี้ฉันจึงลุกขึ้นมาแต่เช้า ตั้งใจต้มโจ๊กหมูขึ้นมาเป็นพิเศษ

ด้วยความที่ตื่นเช้า ฉันจึงไม่รีบร้อน และถึงปากทางเข้าบริษัทแต่เช้าตรู่

“พี่ซูยุ่นคะ”

นึกไม่ถึงว่าฉันจะได้มาเจอหลี่ฮุ้ยหรูโดยบังเอิญที่ปากทางเข้าบริษัท

อันที่จริงหลี่ฮุ้ยหรูเป็นคนที่ปฏิบัติตัวได้ดี ดูจากภายนอกจะพบว่าเธอวางตัวดีมากเป็นพิเศษ แม้ว่าหลายวันมานี้ทัศนคติในการทำงานของเธอจะทำให้ฉันอัดแน่นไปด้วยความโกรธ แต่ทุกวันเธอจะมาบริษัทก่อนเวลาสิบนาทีเป็นอย่างน้อย

“พี่ซูยุ่น เมื่อวานต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ ไม่รู้ว่าพี่ทานอาหารเช้ามาหรือยัง วันนี้หนูเตรียมอาหารเช้ามาสองชุดเลยนะคะ”

ฉันมองอาหารเช้าในมือเธอด้วยรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้า: “ไม่ต้องหรอก ฉันทานมาแล้วล่ะ”

อ้า น่าเสียดายจังเลยคะ ถ้าอย่างนั้นหนูไปถามเพื่อนร่วมงานดูเผื่อจะมีคนที่ยังไม่ได้ทานนะค่ะ”

ฉันไม่อยากจะเสวนากับเธอมากไปกว่านี้ จึงพยักหน้าแล้วไม่พูดอะไรต่อ

“ซูยุ่น”

ฉันกำลังจะก้าวเท้าเดินเข้าไป ลู่จือสิงที่ไม่รู้ลงมาจากรถตั้งแต่เมื่อไหร่ก็เดินมาอยู่ข้างกายฉัน

ฉันอึ้งแบบที่ไม่สามารถอธิบายได้: “ทำไมหรือคะ?”

เขาก้มศีรษะมามองฉัน: “ลืมบอกคุณไปว่ากลางวันทานข้าวด้วยกันนะครับ”

เรื่องนี้จริงๆ สามารถบอกทางมือถือก็ได้ ไม่จำเป็นจะต้อง——

“พี่ซูยุ่น ท่านนี้คือ?”

ฉันมัวแต่สนใจในคำพูดของลู่จือสิงจนลืมไปว่ายังมีหลี่ฮุ้ยหรู พนักงานเด่นดังอันดับหนึ่ง

เธอมองลู่จือสิงไม่นาน จากนั้นก็ถอนสายตากลับมามองฉันอย่างมีมารยาท

แต่หลายวันมานี้ทำให้ฉันพอมองคนชื่อหลี่ฮุ้ยหรูออก สิ่งที่เธอชอบทำที่สุดก็คือ ภายนอกแบบหนึ่ง ลับหลังอีกแบบหนึ่ง

เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็น ฉันจึงประกาศให้ทราบด้วยสิทธิ์อันชอบธรรมว่า: “ลู่จือสิง สามีพี่เองจ้ะ”

“อ้า ที่แท้ก็ประธานลู่หรือคะ!”

หลี่ฮุ้ยหรูมีดวงตาที่โตมาก เวลานี้เธอกำลังทำตากลมแป๋วใส่ลู่จือสิงอยู่ เขามีความรู้สึกอย่างไรฉันไม่อาจรู้ หากมองรวมๆ ฉันก็เห็นว่าน่ารักดี

แต่คนที่เธอมองไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นลู่จือสิง สามีตามกฎหมายของฉัน ถึงจะน่ารักมากกว่านี้ฉันก็ยังรู้สึกขัดหูขัดตาอยู่ดี

โชคดีที่สายตาของลู่จือสิงไม่ได้มองไปทางเธอ ฉันผลักลู่จือสิงไปที: “โอเค รู้แล้วค่ะ ฉันขึ้นไปทำงานก่อนนะคะ ไม่งั้นจะสายแล้ว!”

จู่ๆ ลู่จือสิงก็ดึงฉันเข้าไปกอดแน่นๆ แล้วก้มศีรษะมาพูดข้างหูให้ได้ยินกันแค่สองคน: “ภรรยา สายตาที่เขามองผมอย่างกับจะกลืนผมเข้าไปเลยนะครับ!”

ฟังจากที่เขาบรรยายฉันก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ จึงผลักเขา จากนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรเขาอีกแล้วเดินขึ้นหน้าไป

“พี่ซูยุ่น!”

บังเอิญคนมีตาหามีแววไม่ รู้ๆ อยู่ว่าฉันไม่ชอบเธอก็ยังจะตามมาให้ได้

แต่จะอย่างไรหลี่ฮุ้ยหรูก็เป็นคนที่อยู่ในการดูแลของฉัน คงไม่ดีนักที่จะแสดงสีหน้าไม่พอใจใส่ จึงพยักหน้าส่งๆ กลับไป: “ไม่มีเวลาแล้ว เรารีบเข้าไปกันเถอะ”

เธอรีบแทรกตัวเข้ามาเหมือนอยากจะคุยด้วย แต่ในลิฟต์มีคนเยอะมาก และมีสองสามคนคั่นกลางระหว่างเราสองคนอยู่ เธอจึงหมดโอกาสที่จะพูด

จนกระทั่งลิฟต์เปิดขึ้น เธอเดินออกมาก่อน แต่ยืนรอฉันอยู่ตรงหน้าลิฟต์: “พี่ซูยุ่น พี่กับประธานลู่ดูมีความรู้สึกที่ดีต่อกันจริงๆ เลยนะคะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ฉันก็อดไม่ได้ที่จะมองหน้าเธอ แล้วนึกถึงคำพูดของลู่จือสิงเมื่อสักครู่นี้ จากนั้นก็แสร้งยิ้มตอบไปว่า: “ฉันกับเขาก็ต้องมีความรู้สึกที่ดีต่อกันอยู่แล้ว พวกเราผ่านอะไรมาด้วยกัน แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะรู้นะค่ะ”

“น่าอิจฉาจริงๆ เลยนะคะ!”

ฉันยิ้ม แต่ไม่ตอบ

เธอบอกว่าอิจฉา แต่ใครจะรู้ว่าเป็นความอิจฉา หรือริษยากันแน่!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้