หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 252

พูดตามตรง ฉันไม่รู้จริงๆว่าหลี่ฮุ้ยหรูคิดยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากมาย เธอสงบจิตใจแล้วออกมายืนตรงหน้าฉันได้ยังไง และยังจะมาพูดกับฉันด้วยใบหน้าที่น่าสงสาร “ก็แค่อยากเชิญพี่ไปทานข้าวเท่านั้น!”

ดูเหมือนว่าถ้าฉันไม่ไปกินข้าวกับเธอ ฉันก็จะเป็นคนเลวที่ไม่อาจอภัยให้ได้!

“หลี่ฮุ้ยหรู คุณรังแกคนจนเกินจะอดทน ซูยุ่นเป็นคนใจอ่อน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าถ้าคุณร้องไห้หรือทำตัวเหมือนเด็ก เธอก็จะเชื่อฟังคุณ!คุณเดินไปไกลเกินไปแล้ว เป็นที่ประจักษ์ชัดเจนในแก่สายตาของทุกคน!ตอนนี้คุณบอกว่าอยากเชิญซูยุ่นไปทานข้าว คุณคิดว่าอาหารมือนี้ซูยุ่นจะทานลงไหม?”

ถงเจียหลินทำให้ฉันประทับใจ ปกติเธอเป็นคนอ่อนโยน คิดไม่ถึงว่าเธอจะด่าคนเป็น และไม่ได้ใช้คำหยาคาบ ทำให้หลี่ฮุ้ยหรูสะอิดสะเอียนกับคำด่า

ฉันเหลือบมองไปที่เธอแล้วหันไปมองหลี่ฮุ้ยหรู:“หลี่ฮุ้ยหรู คุณกับแม่ของคุณไม่ต้องทำเรื่องไร้สาระนี่แล้ว คุณทำผิดก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา!อีกไม่กี่วันก็ต้องขึ้นศาลแล้ว คุณเก็บแรงไว้เถอะ!ถึงตอนนั้นไม่แน่ว่าเธอร้องไห้กับผู้พิพากษา เขาอาจจะตัดสินให้คุณไม่มีความผิดก็ได้นะ!”

“แต่ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจนะ ฉันก็แค่อยากล้อเล่นกับคุณ”

ล้อเล่น?

หลี่ฮุ้ยหรูคนนี้กลัวว่าฉันจะโง่ใช่ไหม?

ฉันไม่อยากจะพูดอะไรอีกแล้ว จึงดึงถงเจียหลินแล้วเดินไป

ตอนนี้หลินเจี่ยวที่ยืนอยู่ข้างๆหลี่ฮุ้ยหรู จู่ๆก็พูดขึ้นมา:“คุณซู หรูหรูเธอเพิ่งออกมามีสังคม ด้วยนิสัยเอาแค่ใจหลายเรื่องจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เธอทำผิด พวกเราก็ไม่ได้ปกป้องคนผิด ที่มาวันนี้พวกเราก็ไม่ได้มีอะไร วันนี้เด็กคนนี้บอกฉันว่าเธอเสียใจมาตลอด ทุกคืนเธอจะฝันถึงเรื่องที่ทำให้คุณต้องเจ็บปวดทรมาณ ไม่อยากอาหาร หลายวันที่ผ่านมาเธอน้ำหนักลดลงไปหนึ่งกิโล!”

การ์ดความรู้สึก?

ฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะ:“คุณเตือนสติฉัน สามวันที่ผ่านมาฉันก็น้ำหนักลดไปหนึ่งกิโลครึ่ง!”

สีหน้าของหลินเจี่ยวดูไม่ได้เลย แต่เธอก็ยังยิ้ม:“คุณซูแค่ก็แค่ไปทานอาหารเท่านั้น คุณก็คงไม่ถึงกับว่าไม่ไว้หน้ากันใช่ไหม?”

ฉันกำลังจะพูดก็ไม่คิดว่าเสียงของลู่จือสิงจะดังขึ้น:“ขอโทษนะ ภรรยาของฉันจะไม่ไว้หน้า พวกคุณมีความคิดว่าไง?”

ขณะที่พูดเขาก็เดินมาข้างๆฉัน จับมือฉันและบีบเบาๆ หลินเจี่ยวกับหลี่ฮุ้ยหรูท่าทางเคร่งขึม

ถงเจียหลินส่งสายตาให้ฉัน หลังจากนั้นเธอก็เดินไป

ใบหน้าของฉันร้อนผ่าว ลู่จือสิงมาแล้ว งั้นฉันก็ไม่ต้องพูดแล้ว

“คุณลู่ พวกเราไม่ได้มีเจตนาไม่ได้ ก็แค่อยากเชิญคุณหญิงลู่ไปทานข้าว ให้หรูหรูได้ขอโทษเธอ!”

ลู่จือสิงปฏิเสธอย่างเย็นชา:“ไม่ต้องหรอก ภรรยาของฉันทานอาหารของพวกคุณไม่ลง!เพราะว่าสะอิดสะอียน!”

เขาพูดจบ สีหน้าของหลินเจี่ยวก็ดูไม่ได้เอามากๆ

ลู่จือสิงจับมือฉันเดินไปข้างหน้า ไม่ว่าหลี่ฮุ้ยหรูหรือหลินเจี่ยวทั้งสองคนจะยังไม่ได้พูดเลยอะไรก็ตาม

เดินมาถึงประตูทางเข้าบริษัท จู่ๆหลี่ฮุ้ยหรูก็พูดออกมา ไม่ได้เรียกฉัน แต่เรียกลู่จือสิง:“ประธานลู่!”

ลู่จือสิงไม่หยุดเดิน จับมือฉันและเดินต่อไปข้างหน้า แต่หลี่ฮุ้ยหรูยังไม่ยอมแพ้:“ประธานลู่ ภรรยาของคุณกับผู้จัดการแผนกแอบคบชู้กันในสำนักงาน คุณรู้หรือเปล่า?”

ฉันตกตะลึงและโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

เมื่อหันไปมองลู่จือสิง เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธมากขึ้น สีหน้าของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็งพันปี

เขาหันกลับไปมองหลี่ฮุ้ยหรู ดวงตาสีดำเหมือนลูกธนูที่เย็นเฉียบแทงเข้าไปที่ตัวเธอ:“คุณหลี่ ค่าปรับข้อหาทำลายชื่อเสียง คุณรู้ไหม?”

เขากัดฟันพูดออกมาทีละคำ ฉันยื่นอยู่ข้างๆเขาได้ยินแล้วก็อดที่จะตัวสั่นไม่ได้

นานแล้วที่ฉันไม่ได้เห็นลู่จือสิงโกรธมากขนาดนี้ จู่ๆวันนี้เขาก็โกรธและฉันก็รู้สึกตกใจ

หลี่ฮุ้ยหรูเป็นคนไร้สมอง แต่โชคดีที่หลินเจี่ยวยังมีไอคิว และรีบดึงหลี่ฮู้ยหรูไว้

ลู่จือสิงจ้องมองพวกเขาอยู่สักพัก และจับมือฉันเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง

จนกระทั่งขึ้นรถ สีหน้าของลู่จือสิงก็ยังเยือกเย็นอยู่

อันที่จริงไม่ต้องพูดถึงลู่จือสิงเลย แม้แต่ฉันในตอนนั้นก็แทบอยากจะเข้าไปตบหลี่ฮุ้ยหรู

ตอนนี้เห็นเขาเป็นอย่างนี้แล้ว อารมณ์ของฉันก็สงบลงทันที ยื่นมื่อออกไปดึงมือเขาไว้เป็นครั้งคราว:“เอาล่ะ ประธานลู่ อย่าโกรธเลย หลี่ฮุ้ยหรูคนนี้ประหลาด!”

ลู่จือสิงหันหน้ามามองฉัน:“คนในบริษัทของพวกคุณสายตาเป็นอะไร ถึงปล่อยให้คนแบบนี้เข้ามาได้?!”

ฉันไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี:“ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของฉัน?!”

เขาทำเสียงฮึ และไม่ได้พูดอะไรอีก

พอกลับมาถึงบ้าน สีหน้าของลู่จือสิงก็ดีขึ้นหน่อย

เมื่อนอนตอนกลางคืนจู่ๆลู่จือสิงก็กอดฉัน:“ฉันรู้สึกว่าค่าเสียหายสำหรับพวกเขาแล้วมันถูกเกินไป!”

ฉันคิดไม่ถึงว่าความโกรธของเขาจะยังไม่ลดลง แต่คิดถึงเรื่องเมื่อตอนบ่ายแล้ว ฉันก็รู้ว่าหลี่ฮุ้ยหรูกำลังมองหาทางที่จะชนะ

ลู่จือสิงเป็นคนที่มีทัศนวิสัย เรื่องคราวนี้หลี่ฮุ้ยหรูแตะแผ่นเหล็กเข้าแล้ว!

ฉันยิ่งไม่คิดว่า หลี่ฮุ้ยหรูคนนี้จะพูดว่าฉันกับติงหยวนแอบคบชู้กัน?

ฉันอยากจะหัวเราะเยาะเธอจริงๆ ช่างเป็นคนที่ในใจมืดมน คิดเรื่องอะไรก็มืดมน!

เขาพูดอย่างนี้ ฉันก็รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรบางอย่าง “ คุณคิดว่ายังไง?”

ลู่จือสิงพูดอย่างเย็นชา:“รอให้ฉันคิดก่อนนะ”

ทันใดนั้นฉันก็รู้สึกว่าหลี่ฮุ้ยหรูนั้นร้ายกาจ สามารถทำให้ลู่จือสิงต้องคิดว่าจะรับมือกับเธอยังไง!

เรื่องเมื่อวานฉันไม่รู้ว่ามาถึงที่บริษัทได้ยังไง ตอนเช้าเซี่ยงฉิงก็วิ่งมาถามฉันว่าเกิดอะไรขึ้น

ฉันพูดคราวๆ แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องหลี่ฮุ้ยหรูปลุกปั่น

หลังจากเซี่ยงฉิงได้ยินเรื่องนี้เธอก็โกรธมากจนแทบอยากจะตบหลี่ฮุ้ยหรูตอนนี้เลย ฉันหัวเราะ แล้วก็บอกเธอว่าอย่าคิดมาก อีกไม่นานก็ขึ้รศาลแล้ว!

และก็ไม่รู้ว่าเมื่อวานลู่จือสิงทำให้หลี่ฮุ้ยหรูกับแม่ของเธอตกใจหรือเปล่า แต่หลายวันมานี้พวกเขาค่อนข้างสงบ

วันอังคารคือวันขึ้นศาล ฉันลางานแล้ว

ทนายที่ลู่จือสิงจ้างมานั้นเก่งมาก ฉันนั่งอยู่ตรงนั้น ได้ยินไม่ค่อยชัด ฉันรู้สึกฝืนใจ แต่เขาพูด ฉันรู้สึกว่ามันค่อนข้างสมเหตุสมผล

ขณะที่พูดจู่ๆทนายความก็พูด:“จำเลยบอกว่าได้ขอโทษลูกความของผมไปแล้ว แต่ว่าในเอกสารนี้ เพื่อนของจำเลยมอบหลักฐานการบันทึกเสียงเพื่อพิสูจน์ความจริง ว่าจำเลยไม่มีอะไรต้องสียใจ และยังปล่อยข่าวลือปลุกปั่นลูกความของผม!”

เขาพูดจบ หลักฐานการบันทึกเสียงก็ถูกเปิดขึ้น

“คุณไม่รู้ ซูยุ่นคนนั้นทำเกินไปแล้ว ต้องการค่าเสียหายสองแสนกว่า ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆที่ทำไมฉันไม่วางยาเธอให้ตายตั้งแต่ทีแรก!นังสารเลว เป็นความผิดพลาดของฉันจริงๆที่ปล่อยให้เธอมีชีวิตอยู่!เดินเข้าไปในห้องทำงานของผู้จัดการทั้งคืน ใครจะรู้ว่าเธอทำอะไรอยู่ข้างในล่ะ!มันน่าขยะแขยง……”

หลังจากบันทึกจบลงฉันมองไปที่หลี่ฮุ้ยหรู เธอกำลังร้องไห้และบอกว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้น

แต่ผู้พิพากษาจะเชื่อเธอ ถ้าเธอนำมอบหลักฐานในศาล ประเมินดูคราวๆแล้วก็น่าจะไม่มี!

ผลคือไม่ต้องมีเรื่องให้กังวลแล้ว หลังจากจบเรื่อง จู่ๆพ่อของหลี่ฮุ้ยหรูก็เรียกลู่จือสิงไว้:“ประธานลู่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้