เดิมทีวันนี้ก็คิดจะถามเซี่ยงฉิงสักเล็กน้อยว่ามีกีวางแผนอะไร ถึงแม้ว่าฉันจะไม่สามารถไปก้าวก่ายเรื่องราวระหว่างพวกเขาได้ แต่แผนการของเซี่ยงฉิง ฉันฟังสักเล็กน้อย ก็ไม่ถือว่ามากเกินไป
เด็กโง่อย่างเซี่ยงฉิงนั้นพอมีเรื่องบางอย่าง ง่ายมากที่จะเป็นคนหัวดื้อ คิดไม่รอบคอบชัดเจนก็ทำไปแล้ว
พูดง่ายๆก็คือ ใจร้อนง่าย
กลางวันทานข้าวด้วยกันกับถงเจียหลิน ช่วงเวลาก่อนหน้านี้เธอยุ่งมาก กับเซี่ยงฉิงก็ไม่มีเวลาไปช้อปปิ้งกันเลย ต่อมาก็มาเจอตรุษจีนอีก คนทั้งสองจึงไม่ได้พูดคุยกันมาเป็นเดือนแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ค่อยเข้าใจกับสถานการณ์ของเซี่ยงฉิงมากนัก
ฉันก็ไม่ชอบแสดงความคิดเห็นมากเกินไป ก็เลยจำต้องถามเธอ: "เธอมีพูดเรื่องฉีซิ่วหรานกับคุณบ้างไหม?"
"มีนะ ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะไปไล่ตามเขา เพียงแต่ช่วงต่อมาฉันยุ่งมาก เธอก็คงไม่อยากรบกวนฉัน ก็เลยไม่พูดกับฉันต่อ"
ฉันคิดๆแล้ว พูดคาดการณ์ได้ว่า: "ฉันก็ไม่ถือว่ารู้ชัดเจน เพียงแต่ก่อนตรุษจีนเธอถามฉันว่าจะตามจีบผู้ชายยังไง เธอบอกว่าเธอไม่อยากปล่อยฉีซิ่วหรานไป จากนั้นหลังกลับมาจากตรุษจีนก็เป็นอย่างนี้ เมื่อวานฉีซิ่วหรานโทรศัพท์มาหาฉัน ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกเธอเป็นยังไงบ้าง"
ถงเจียหลินพยักหน้า: "เรื่องราวของเซี่ยงฉิงตรงเกินไป ถ้าพรุ่งนี้เธอมาทำงาน พวกเราจะได้เข้าใจเรื่องราวสักเล็กน้อย ไม่เช่นนั้นคนที่จะต้องกลับมาเสียใจในภายหลังก็คือเธอ!"
นึกไม่ถึงว่าเธอจะคิดไม่เหมือนกันกับฉัน ตอนนี้พวกเราสองคนก็รอเซี่ยงฉิงกลับมาในวันพรุ่งนี้ หลังจากนั้นก็ถามเธอว่าเกิดอะไรขึ้น
เพียงแต่ฉันยังไม่ทันรอทันท่วงที ฉีซิ่วหรานก็มาหาฉันก่อน
เมื่อฉันรับโทรศัพท์ก็ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน เขาถามว่าตอนเย็นทานข้าวด้วยกันสักมื้อนึงได้ไหม
เขาพูดแบบนี้ ฉันก็พอเดาออกได้ว่า บางทีเขามาหาฉันอาจจะเป็นเพราะเรื่องของเซี่ยงฉิง
ฉันคิดๆแล้ว สุดท้ายก็ไม่ได้ปฏิเสธ ถึงแม้จะเป็นการไม่ดีที่จะเข้าไปแซกแทรงเรื่องราวระหว่างพวกเขา แต่ในฐานะผู้ฟังคนนึงด็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้
หลังจากนัดกับฉีซิ่วหรานแล้ว ฉันก็ส่วข้อความไปบอกลู่จือสิง ให้เย็นนี้เขาไม่ต้องมารับฉัน
ถึงเวลาเลิกงาน ฉันก็ปิดคอมพิวเตอร์ เก็บของเล็กน้อย ทักทายกับถงเจียหลินแล้วฉันก็เดินลงจากตึกไป
เวลานี้เป็นเวลาเพิ่งเลิกงาน คนเยอะมาก
ฉีซิ่วหรานก็ไม่รู้ว่าไปยืมรถมาจากที่ไหน คนหน้าตาหล่อเหลา ใบหน้าแบบนี้ ถึงแม้จะเย็นชา ก็สามารถดึงดูดสาวๆให้มองได้ไม่น้อย
ฉันยากที่จะออกไปจากลิฟต์ เพียงออกไปหน้าประตูก็พบว่าเขาถูกสาวสองคนบุกเข้าขอเบอร์โทรศัพท์
ฉันกำลังจะเอ่ยปากเรียกเขา คิดๆแล้ว ก็ถ่ายรูปสักรูปนึง ส่งให้เซี่ยงฉิง จึงยกเท้าเดินเข้าไป: "มานานแล้วหรอ?"
เขาส่ายหน้า ช่วยเปิดประตูให้ฉัน: "ไม่นาน"
สาวสองคนนั้นมองฉัน เดินออกไปอย่างหน้าเหยเกเล็กน้อย
บนถนน เขาไม่พูดอะไรเลย
ฉันดูกล่องของความตอบโต้กับเซี่ยงฉิงแล้ว เธอก็ไม่ได้ตอบกลับฉัน
สองคนนี้ ช่างทำให้คนปวดหัว
รถขับไปเกือบยี่สิบนาทีจึงจอดลง ฉันเอียงมองเล็กน้อย ปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วลงจากรถ
ฉีซิ่วหรานจองที่นั่งไว้แล้ว พอพวกเราสองคนเข้าไปก็มีคนมานำทาง
เป็นที่นั่งพิเศษ ฉีซิ่วหรานถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก: "สั่งอาหารก่อน พวกเราทานข้าวแล้ว ฉันค่อยพูดกับคุณ"
ฉันพยักหน้า หยิบรายการอาหารมาสั่งไปสองชนิด
เสร็จแล้วเขาก็สั่งอีกสองชนิด ก่อนเสิร์ฟอาหารฉันก็คิดว่าเขาคงจะพูดอะไรบ้าง เขากลับก้มหน้ามองแต่เพียงบนโต๊ะ ไม่พูดจา
ถึงแม้ฉีซิ่วหรานจะไม่พูดมาก แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเขาเงียบแบบนี้ ถึงอย่างไรก็ไม่ชินเล็กน้อย เลยคิดที่จะเอ่ยปากเองก่อน: "ฉีซิ่วหราน คุณ——"
เวลานี้ ประตูห้องวีไอพีกำลังถูกเปิด อาหารสองชนิดเสิร์ฟขึ้นมา
เขารินน้ำชาให้ฉันจนเต็ม "ทานข้าวก่อนเถอะ"
คาดไม่ถึงว่าเขาจะยืนกรานแบบนี้ ฉันก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก
นี่คาดได้ว่าน่าจะเป็นการทานข้าวมื้อที่กดดันที่สุดของฉันกับฉีซิ่วหรานทั้งสองคน ขั้นตอนทั้งหมดก็ไม่ยาวนาน ประมาณยี่สิบนาที
เขาทานไปไม่มาก ในเวลาอันรวดเร็วก็วางตะเกียบลง
ฉันทานอิ่มพอประมาณแล้ว ก็วางตะเกียบลง ดื่มชาอึกนึง หลังจากนั้นก็หยิบทิชชู่มาเช็ดปาก เงยหน้ามองเขา: "เอาล่ะ คุณมีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะ ลังเลอยู่แบบนี้ นี่เหมือนไม่ใช่คุณเลย"
ฉันพูดจบ ฉีซิ่วหรานก็เงยหน้ามองฉัน สายตาสับสนเล็กน้อย
"ฉันและเซี่ยงฉิงมีอะไรกันแล้ว"
เขาพูดตรงแบบนี้ ฉันอดไม่ได้ที่จะร้อนผ่าวๆเล็กน้อย กำลังคิดที่จะพูดอะไร เขาก็โยนระเบิดออกมาอีกหนึ่งลูก: "เธอท้องแล้ว แต่เธอไม่ยอมอยู่ด้วยกันกับฉัน"
ฟังคำพูดเขาแล้ว ฉันก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว: "คุณแน่ใจนะว่าเธอท้อง?"
เขาพยักหน้า ท่าทีอิดโรยเล็กน้อย: "วันนั้นฉันดื่มเหล้าหนักไปหน่อย ไม่แน่ใจ เดิมทีวางแผนว่าหลังจากตื่นขึ้นมาจะปรึกษาหารือกับเธอว่าจะจัดการอย่างไร แต่ทางด้านประธานบริษัทนั้นจู่ๆก็ต้องการประชุมกะทันหัน ฉันจึงออกไปห้องข้างๆเพื่อประชุม สุดท้ายพอออกมา ก็ไม่พบเธอแล้ว ฉันโทรไปหาเธอก็ไม่รับ วีแชทอะไรก็ถูกเธอบล็อกทั้งหมด"
เขาพูดพลาง มองมาที่ฉัน: "ช่วงนั้นก็จะเป็นวันตรุษจีนแล้ว ฉันจึงคิดว่าจะไปหาเธอที่บ้าน ดังนั้นฉันจึงบินมา เมื่อเข้าไปที่บ้านของเธอ ฉันก็เห็นชุดตรวจการตั้งครรภ์ ฉันบอกว่าฉันสามารถแต่งงานกับเธอได้ แต่เธอปฏิเสธ"
ประเด็นนี้ค่อนข้างใหญ่ ฉันคิดว่าฉันต้องประมวลผลมันสักเล็กน้อย
ฉีซิ่วหรานพูดจบ เขาก็ยกมือขึ้นลูบหน้า
น้อยมากที่ฉันจะเห็นเขาทำแบบนี้ เห็นท่าทีของเขาตอนนี้แล้ว ก็รู้เลยว่าเรื่องนี้ทำให้เขาหนักใจและกดดันอย่างมาก
คิดๆแล้ว ฉันก็ถามเขาไปตรงๆว่า: "คุณมีความคิดยังไงกับเซี่ยงฉิง?"
"ความคิด?"
เขาขมวดคิ้ว คล้ายกับไม่ค่อยเข้าใจในความหมายของฉัน
ฉันเปลี่ยนวิธีพูด: "คุณชอบเซี่ยงฉิงไหม?"
"ไม่เกลียด"
ฉันตกใจเล็กน้อย: "ไม่เกลียดหรอ? ฉีซิ่วหราน คุณคิดให้ละเอียดรอบคอบอีกครั้ง! คุณอยู่คนเดียวมาตั้งหลายปีแบบนี้ คุณจะไปมีอะไรตามอำเภอใจกับผู้หญิงที่ไม่ได้เกลียดคนนึงก็ได้หรอ?"
เขานิ่งเงียบ ฉันก็ไม่บังคับเขา ก็รอให้เขาคิดให้เข้าใจเองไปแบบนี้
อย่างรวดเร็ว เขาก็เอ่ยปาก: "ฉันก็ไม่แน่ชัด เพราะแต่ก่อนเป็นเพื่อนของคุณ ดังนั้นฉันก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรโดยสิ้นเชิง อีกทั้งเธอก็เป็นคนที่น่ารักมาก ต่อมามีช่วงนึง จู่ๆเธอก็ไม่ได้ติดต่อฉัน ฉันก็รู้สึกไม่ค่อยชินเล็กน้อย แต่ด้วยงานของฉันที่ยุ่งมาก ความรู้สึกเล็กๆน้อยๆนี้ฉันก็ไม่ได้มีอารทณ์ไปใส่ใจ เวลาต่อมาอีก วันนั้นฉันดื่มค่อนข้างหนัก จู่ๆเธอก็ปรากฎออกมา รับฉันต่อจากมือผู้ช่วยฉัน ฉันก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ก็มำไปแบบนั้นแล้ว คล้ายกับรู้สึกว่าก็ไม่เลว ถ้าต้องการหาคนแต่งงานด้วยสักคนนึง คิดว่าเธอก็ไม่เลว"
ฟังคำพูดของฉีซิ่วหราน ฉันก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเล็กน้อย "คุณพูดแบบนี้ อันที่จริงคุณก็รู้สึกรักและผูกพันธ์กับเธอเล็กน้อย เพียงแต่คุณไม่ค้นพบเองก็เท่านั้น!"
เขาเงียบ ไม่พูดจา ฉันตัดสินใจยกตัวอย่างความเป็นจริงสักเล็กน้อยเพื่อให้เขาเข้าใจ: "ฉีซิ่วหราน ฉันถามคุณนะ ถ้าวันนั้น คนที่ประคองคุณไม่ใช่เซี่ยงฉิง เป็นคนอื่น คุณจะไม่มั่นใจไหม?"
เขามองฉัน ไม่ได้เอ่ยปาก ฉันก็ไม่ได้รีบร้อน ถามเขาต่อคำถามที่สอง: "อย่างนั้นถ้าเซี่ยงฉิงไม่ได้ท้อง พวกคุณไม่ได้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ตอนนี้เธออยู่ด้วยกันกับคนอื่นแล้ว คุณจะทุกข์ไหม?"
มุมปากของเขาขยับเล็กน้อย ครู่นึง จึงเอ่ยปาก: "ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณคุณนะ ซูยุ่น"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้