ฟังคำพูดของเซี่ยงฉิงแล้ว ฉันก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ ยกมือขึ้นลูบๆผมของเธอ: "คุณไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านให้มาขนาดนั้น นั่งลงพูดคุยกับเขาดีๆ รู้ไหม?"
"อื้อๆ ฉันรู้แล้ว!"
ครั้งนี้ เธอเธอเชื่อฟังขึ้นมาก
เวลาเข้าผ่านมาสิบกว่านาทีแล้ว ฉันกับเซี่ยงฉิงรีบกลับไป
เวลากลางวันฉันและเซี่ยงฉิงแล้วก็ถงเจียหลินสามคนวางแผนจะไปทานหม้อไฟกัน สุดท้ายพอออกมาจากหน้าประตูบริษัท พวกเราก็เห็นฉีซิ่วหราน
ฉันตกตะลึงเล็กน้อย เซี่ยงฉิงที่ก่อนหน้านี้มุ่งตรงไปข้างหน้าตอนนี้ก็รู้สึกประหม่า ฉันก็ไม่มีปฏิกริยาตอบสนอง เธอก็ได้แต่หลบอยู่ด้านหลังของฉัน
ฉีซิ่วหรานมองฉันแล้วพยักหน้า สายตามองตรงไปยังตัวเธอ: "เซี่ยงฉิง พวกเราต้องคุยกัน"
"ฉัน ฉันกับคุณ——"
เธอเพียงเอ่ยปาก ฉันก็รู้เลยว่าเธอจะพูดอะไร คนๆนี้ ไม่ได้ฟังคำพูดที่ฉันพูดเข้าไปเลย
ฉันรีบเอ่ยปากจัดบทคำพูดของเธอ: "เมื่อเช้าคุณไม่ได้พูดว่าจะคุยกันดีๆหรอ? พอดีเลย กลางวันนี้มีเวลาสองชั่วโมง พวกคุณคุยกันดีๆ!"
ถงเจียหลินก็เฉลียวฉลาด พอฉันพูดจบ เธอก็ดึงเซี่ยงฉิงที่อยู่ด้านหลังฉันออกมา
ฉันรีบส่งสายตาไปยังฉีซิ่วหราน เขามองฉันทีนึง หลังจากนั้นก็ยื่นมือมาจูงเซี่ยงฉิง: "ไม่ว่าคุณจะคิดยังไง ฉันก็หวังว่าพวกเราจะพูดคุยกันอย่างจริงจัง"
มองออกว่า ฉีซิ่วหรานสำหรับเรื่องของเซี่ยงฉิง หลายวันนมานี้เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว
หาคนไม่เจอ หาเจอแล้วตนเองก็ไม่ยินยอมพบเขา
ดึงเวลาอยู่แบบนี้ บางทีกลางคืนก็นอนไม่หลับ
ฉันจงใจรีบถามเขาว่า: "หลายวันมานี้คุณพักผ่อนไม่เพียงพอหรอ? ขอบตาถึงได้คล้ำมากขนาดนั้น?"
ผลเป็นไปตามที่ฉันคาด คำพูดของฉันเพิ่งจะพูดจบ เซี่ยงฉิงเงยหน้ามองไป
"งั้นก็แถวๆนี้แล้วกัน ตอนบ่ายฉันต้องทำงาน"
มองเซี่ยงฉิงที่ในที่สุดก็เอ่ยปากอย่างเงียบสงบ ฉันก็คือถอนหายใจอย่างโล่งอก
คนทั้งสองเข้าลิฟต์ตามๆกันไป ฉันกับถงเจียหมิงก็รู้จักวางตัวมาไม่เข้าไปเป็นก้างขวางคอ วางแผนที่จะรอลิฟต์อีกตัวนึง
ประตูลิฟต์เพิ่งจะปิด ก็มีเพื่อนร่วมงานไม่น้อยที่เข้ามาถามพวกฉัน: "ซูยุ่น เจียหลิน ผู้ชายคนเมื่อกี้มีความสัมพันธ์อะไรกับเซี่ยงฉิงหรอ?"
ฉันมองตากันกับถงเจียหลิน คนทั้งสองก็ได้คำตอบเดียวกันว่า: "แฟน"
ผู้หญิงซุบซิบนินทากัน ฉันกับถงเจียหลินถูกพวกเธอดึงมาถามตลอดทาง
ฉันกับถงเจียหลินไม่อยากพูดมาก พื้นฐานขั้นตอนทั้งหมดล้วนหุบปากแน่นไม่รู้จะพูดยังไง
ในที่สุดก็รอจนกระทั่งประตูลิฟต์เปิด ฉันกับถงเจียหลินรีบเป่าปากโล่งอก ก็ไม่สนใจเพื่อนร่วมงานเหล่านั้นที่อยู่ด้านหลัง คนทั้งสองรีบเดินไปข้างหน้า
โชคดีที่ ถึงโรงอาหารแล้ว ไม่มีคนมาไล่ตามฉันกับเธอมาถามเรื่องของเซี่ยงฉิงกับฉีซิ่วหรานอีก
"เมื่อเช้าคุณคุยอะไรกับเธอ ทำไมเธอถึงเปลี่ยนความคิดได้เร็วขนาดนี้?"
ฉันรับน้ำชาที่ถงเจียหลินรินให้ ยิ้มๆ: "ขอบคุณ ไม่ได้พูดอะไร ก็บอกเธอว่าฉีซิ่วหรานก็ไม่ใช่ไม่มีความหมายกับเธอ"
"เธอก็ชอบทุ่มเมเรื่องไม่เป็นเรื่อง เวลาไล่ตามคนไม่อยากคิดมากขนาดนั้น เมื่อหลบหนีก็คิดเพียงแค่หลบหนี"
ฉันพยักหน้า เห็นด้วยอย่างมาก: "ใช่ เมื่อเช้ายังรับปากฉันว่าตนเองจะคุยกันดีๆอยู่เลย สุดท้ายคุณดูสิท่าทีเมื่อกี้ของเธอ เหมือนจะอยากจะคุยกันดีๆไหม? ถ้าไม่รีบเอ่ยปาก บางทีเธอก็อาจจะปฏิเสธอีกครั้ง"
พวกฉันสองคนคุยกันเล็กน้อยเรื่องของเซี่ยงฉิงและฉีซิ่วหราน ก็ไม่พูดอีก
"คุณจะวางแผนไปเมืองJเมื่อไร?"
ฉันมองมือถือเล็กน้อย: "อาจจะอีกสองอาทิตย์ วันนี้เพิ่งวันที่สิบแปด กิจกรรมนั้นวันที่แปดเดือนมีนาคม ฉันอาจจะไปล่วงหน้าก่อนสักสองสามวัน"
เธอพยักหน้า "คุณกับประธานลู่จดทะเบียนแล้ว ยังไม่เคยคิดว่าจะจัดงานแต่งงานเมื่อไหร่หรอ?"
ถงเจียหลินไม่ถาม ฉันก็คงลืมเรื่องนี้ไปแล้วจริงๆ
ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ครั้งนี้ พิธีแต่งงานสำหรับฉันแล้ว ไม่ได้ปรารถนามากเหมือนเมื่อก่อน
อาจจะสภาพจิตใจเปลี่ยนไป ชีวิตตอนนี้ก็ดีมาก ก็ไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องเหล่านี้ให้มากนัก
"ไม่ได้คิดน่ะ ครึ่งปีนี้ยุ่งมาก คุณก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้"
ถงเจียหลินยิ้มๆ เธอความคิดละเอียดรอบคอบกว่าเซี่ยงฉิงมาก
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ วินาทีต่อมา เธอก็เอ่ยกับฉันอย่างตรงประเด็นว่า: "คือคุณไม่คิด?"
ฉัยก้มมองถ้วยชาในมือ เงียบเล็กน้อย
จริงๆแล้วเธอก็ไม่ได้พูดผิด ฉันไม่อยากทำจริงๆ แล้วก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร อาจเป็นเพราะงานแต่งงานครั้งแรกไม่ได้นับว่ามีความสุข ดังนั้นตอนนี้สำหรับงานแต่งงานคือไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะทำ
ทันทีถงเจียหลินก็ยิ้ม: "ซูยุ่น ปกติก็ดูคุณค่อยข้างเฉลียวฉลาดนี่ ทำไมมาสับสนกับเรื่องเล็กน้อยนี่ล่ะ?"
ฉันไม่ค่อยเข้าใจความหมายเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงฮึดฮัด: "หือ?"
"เรื่องอดีตก็คืออดีต พวกเราไม่สามารถมีชีวิตอยู่อยู่กับในอดีตไปได้ตลอด ยิ่งไปกว่านั้นสถานะตอนนี้ของคุณและประธานลู่ ก็แตกต่างจากเมื่อก่อนมากไม่ใช่หรอ? งานแต่งงานก็เป็นความรู้สึกทางใจอย่างนึง ที่ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ต้องการ งานแต่งงานครั้งแรกของคุณก็ไม่ค่อยประทับใจมากนัก ก็เพราะแบบนี้ คุณจึงควรจะทำครั้งที่สองให้ยิ่งกว่า แบบนี้ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องนึกถึงครั้งแรกในภายหลัง นี่คือโชคดีมากนะ!"
คำพูดของเธอทำให้ฉันนิ่งเงียบไปเล็กน้อย อันที่จริงฉันไม่ได้คิดมากขนาดนี้ ฉันก็มีความคิดคล้ายๆกันกับเซี่ยงฉิง ต้องการจะหลบหนี
อาหารที่สั่งมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว ถงเจียหลินไม่ได้พูดปัญหานี้อีก: "เอาล่ะ พวกเราทานข้าวกันเถอะ"
เพียงแต่คำพูดของเธอทำให้ฉันคิดอยู่นานมาก เพียงแต่เพราะโครงการทางด้านบริษัทจินเฉิงนั้นเริ่มดำเนินการแล้ว ตอนนี้ฉันก็แยกร่างไม่ได้ เพียงแค่คิดครู่นึง ก็ไม่มีเวลา
ส่วนเซี่ยงฉิง ตอนบ่ายก็ลาหยุด
ฉันส่วนข้อความไปถามเธอว่าเป็นยังไง ครั้งนี้เธอตอบกลับฉัน บอกว่ามีธุระนิดหน่อย
รู้ว่าถามจากปากเธอไม่ได้คำตอบ คิดๆแล้ว จึงส่งข้อความไปถามฉีซิ่วหรานเสียเลย
เมื่อไรรับข้อความจากฉีซิ่วหราน ฉันก็ทึมทื่อไปเลย: "คุณพระ!"
เพื่อนร่วมงานข้างๆได้ยินเสียงตกใจของฉัน ก็ถามฉันว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันส่ายหน้า ยิ้มกับเธอเล็กน้อย: "ไม่มีอะไร"
ส่งสายตาไปบนมือถืออีกครั้ง มองคำสองคำด้านบน ตอนนี้ฉันยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่ออย่างมาก
ฉีซิ่วหรานตอบตอบข้อความกลับมาสั้นมาก เพียงแค่สองคำ: "แต่งงาน"
ฉันไม่คิดเลยว่าคนทั้งสองจะแต่งงานกันเร็วขนาดนี้ สงบสติอารมณ์ลงเล็กน้อยแล้ว ฉันบอกข่าวนี้กับถงเจียหลินในออนไลน์
เธอแสดงอารมณ์ตกตะลึงกลับมา ฉันกำลังจะตอบกลับ จู่ๆหวางเสี่ยวซินก็เรียกฉัน: "ซูยุ่น มาประชุมหน่อย!"
ฉันรีบพยักหน้า จำเป็นต้องปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไปประชุม
โครงการบริษัทจินเฉิงวางแผนการโครงการสำเร็จแล้ว การประชุมครั้งนี้ยังคงเป็นการปรึกษาหารือรายละเอียดปลีกย่อยอย่างเป็ยรูปธรรมและมอบงานความร่วมมือเล็กน้อย
แผนงานคือฉันเป็นคนเขียน ฉันมีความคิดเห็นของตัวเอง หวางเสี่ยวซินให้ฉันพูดความคิดของตัวเองก่อน
ฉันก็อธิบายความคิดของตนเองอย่างง่ายๆจากนั้นก็ถึงตาของเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ การประชุมนี้ค่อนข้างยาวนาน เมื่อจบลงฉันก็ดูเวลา ก็หกโมงครึ่งแล้ว
เห็นเวลา ฉันจึงรีบกลับไปหยิบมือถือ เป็นอย่างที่คาดไว้ สายที่ไม่ได้รับของลู่จือสิงห้าสาย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้