หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 267

วันรุ่งขึ้นฉันแทบจะตื่นขึ้นมาไม่ไหว พอลุกขึ้นมาดูนาฬิกาแล้วเห็นว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว ฉันก็อยากจะถีบลู่จือสิงไปสักที

เขาเป็นถึงผู้อำนวยการของบริษัทแต่ฉันไม่ใช่ ถ้าฉันไปทำงานสายขึ้นมาละก็ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

เนื่องจากพรุ่งนี้ต้องเดินทางไปทำงานต่างเมืองกันแล้ว ฉันต้องอยู่ที่เมือง J อย่างน้อยสี่วัน ดังนั้นจึงต้องจัดการงานต่างๆ ทางนี้ให้เรียบร้อยเสียก่อน

วันนี้ฉันสั่งอาหารจากข้างนอกมาทานและเร่งทำงานต่อ และอยู่ทำงานล่วงเวลาจนถึงหนึ่งทุ่มกว่า

คืนนี้ลู่จือสิงต้องไปงานเลี้ยงอาหารค่ำ ฉันขี้เกียจกลับไปกินข้าวที่บ้านจึงสั่งอาหารมากินก่อนจะกลับบ้านเสียเลย

กว่าฉันจะกลับถึงบ้านก็ตอนสองทุ่มครึ่ง พอกำลังคิดว่าจะไปอาบน้ำ ลู่จือสิงก็กลับมาพอดี

ฉันได้กลิ่นเหล้ามาจากตัวเขาจึงเงยหน้ามองโดยอัตโนมัติ แต่ท่าทางเขาดูไม่เหมือนคนเมา

ฉันอดเลิกคิ้วด้วยความสงสัยไม่ได้ “คุณไม่ได้เมาใช่ไหม?”

“ไม่เมา”

เขาส่ายหน้าปฏิเสธ ทว่าเดินซวนเซ

ฉันหัวเราะออกมา รู้แล้วว่าเชื่อถือคำพูดของเขาไม่ได้... เวลาที่ดูไม่ออกว่าใครเมาหรือเปล่าต้องลองถามแบบนี้แล้วดูว่าเขายังตอบได้ชัดเจนดีหรือเปล่า

หากไม่ใช่เพราะฉันรู้จักนิสัยใจคอของเขามานาน ฉันคงคิดว่าเขาไม่ได้เมาอย่างที่พูดจริงๆ

กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ตัวของเขาแรงมากจนฉันได้กลิ่นทันทีที่เปิดประตู

เมื่อเห็นเขาเมาแบบนี้ฉันจึงรีบเข้าไปช่วยพยุงจนเดินไปถึงโซฟา “คุณหิวไหม”

“หิว”

เขาเงยหน้ามองฉันด้วยแววตาที่น่าสงสาร

ฉันรู้ว่าเขาหิวแต่ดูเหมือนจะไม่ได้เมามากนัก

ฉันไม่ได้ทำอาหารกินเองที่บ้านมาหลายวัน ของในตู้เย็นจึงยังพอมีอยู่บ้าง

โชคดีที่ในช่องแช่แข็งยังมีบะหมี่เกี๊ยว ฉันจึงหาขนมปังแฟลตเบรดมาเพิ่มและนำไปให้เขากินพร้อมกับบะหมี่หนึ่งถ้วย

พอฉันออกมาก็เห็นเขากำลังหลับตาเอนหลังพิงพนักโซฟาอยู่ แต่ไม่รู้ว่าเขาหลับไปแล้วหรือเปล่า

ฉันลองเรียกอย่างไม่แน่ใจ “ลู่จือสิง?”

ตอนแรกเขาไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ฉันจึงโน้มตัวเข้าไปใกล้ๆ “ลู่...”

ยังพูดไม่ทันจบ อยู่ๆ เขาก็ดึงฉันเข้าไปไว้ในอ้อมกอด

ขณะที่ฉันพยายามจะผละออกเขากลับกอดฉันแน่นขึ้นไปอีก “อย่าดิ้น ขอผมกอดสักพักนะ”

พอเขากอดฉันได้สักพัก ฉันก็ส่งเสียงงึมงำขึ้นมาเบาๆ “พอใจหรือยัง”

“ขอกอดอีกแป๊บนะ พรุ่งนี้เราต้องเดินทางกันแล้ว จะไม่ได้เจอกันอีกอย่างน้อยก็ตั้งสามวัน”

ที่เขาพูดนั้นก็ถูก พอได้ยินแบบนี้ฉันก็รู้สึกอาลัยขึ้นมาจนต้องยกมือขึ้นโอบรอบคอของเขาและซุกหน้าลงบนแผ่นอกกว้าง “ฉันจะคิดถึงคุณ”

“อย่าลืมโทรหาผมด้วยนะ”

ได้ทีเอาใหญ่เลยรึ?

ฉันยิ้มให้เขา “ฉันรู้แล้วน่ะ แต่ถ้าคุณยังไม่ปล่อยฉัน หน้าคุณได้เละเป็นโจ๊กแน่”

ลู่จือสิงยังไม่ได้เมาถึงขนาดขาดสติจึงยังจำใบหน้าของเขาได้

พอเขายอมปล่อยมือฉันจึงตั้งใจจะลุกไปทำซุปให้เขากินแก้เมาค้าง

ทันทีที่ฉันยืนขึ้นเขาก็เอื้อมมือมากดฉันให้ลงนั่งตามเดิม “จะลุกไปไหน นั่งลงก่อน”

ฉันรู้สึกจนปัญญาหน่อยๆ “ฉันจะไปทำซุปให้คุณกินแก้เมาค้าง”

“ผมไม่ได้ดื่มมาเยอะ”

เขาเงยหน้ามองฉันก่อนจะคีบบะหมี่เข้าปากแล้วหันกลับมามองฉันอีก “คุณมองผมไว้นะ ไม่อย่างนั้นผมกลัวว่าคุณจะลืมแม้แต่หน้าของสามีตัวเอง”

“...”

ฉันทั้งขำทั้งโกรธเขาจริงๆ แต่เขาโอบฉันไว้ฉันจึงไปไหนไม่ได้ ส่วนเขาก็กินบะหมี่ไม่สะดวก

คิดๆ ดูแล้วฉันจึงยอมประนีประนอม “ก็ได้ๆ คุณปล่อยฉัน ฉันจะนั่งดูคุณกินบะหมี่อยู่ตรงนี้ไม่หนีไปไหน ตกลงไหม”

เขาเงยหน้ามองฉันอยู่สองวินาทีราวกับจะยืนยันให้แน่ใจว่าฉันพูดจริง

สุดท้ายก็ยอมปล่อยมือจากฉันและกินบะหมี่ต่อ

แม้ลู่จือสิงจะไม่ได้เมามากแต่ถึงอย่างไรเขาก็ดื่มมา ฉันกลัวว่าพรุ่งนี้เขาจะเมาค้างจึงไปทำซุปมาให้เขาดื่ม

คืนนั้นเขารู้งานตัวเองดีและไม่กล้าทำอะไรฉันเพราะรู้ว่าพรุ่งนี้ฉันต้องขึ้นเครื่องตอนสิบโมงเช้า

เขาทำเพียงแค่โอบเอวฉันไว้แน่นมากจนฉันต้องดึงมือเขาออก “คุณอย่ากอดแน่นอย่างนี้สิ เอวฉันแทบจะหักอยู่แล้ว!”

ในที่สุดเขาก็คลายมือออกเล็กน้อยและยกมืออีกข้างลูบผมของฉัน “นอนเถอะนะ”

ฉันรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร จึงกุมมือเขาเพื่อสร้างความมั่นใจ “ฉันจะโทรหาคุณอย่างน้อยวันละครั้ง งานเสร็จเมื่อไหร่ฉันจะรีบกลับทันที!”

ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยสังเกตว่าลู่จือสิงพยายามทำตัวติดกับฉันขนาดนี้ ไม่รู้เลยว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ดูเหมือนไม่ว่าฉันจะไปที่ไหน เขาก็จะตามไปที่นั่นเสมอ

ครั้งนี้แค่เดินทางไปทำธุระไม่กี่วัน แต่เขาทำราวกับว่าจะต้องพรากจากกันไปตลอดกาล

แต่เมื่อนึกถึงตอนที่เขารีบกลับมากลางดึกก่อนวันปีใหม่เพราะห่วงใยฉัน ฉันก็มีความสุขมาก

ไม่ใช่ว่าคนเป็นสามีทุกคนจะติดภรรยาขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าเขามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำ แต่ก็ยังพยายามหาเวลามาอยู่กับฉัน

ต้องบอกว่าตลอดหกเดือนที่ผ่านมาลู่จือสิงพยายามทำเพื่อฉันอย่างมาก

“ขอบคุณนะ คุณสามี”

“เมื่อกี้คุณเรียกผมว่าอะไรนะ”

ฉันรู้สึกมาตลอดว่าการเรียกเขาว่า “สามี” เป็นเรื่องที่น่าอาย ดังนั้นฉันจึงไม่ค่อยเรียกนอกเสียจากบางครั้งที่เขาเร่งรัดฉัน

เขาดูตื่นเต้นมากเมื่อฉันเรียกเขาแบบนี้

ทันใดนั้นฉันก็คิดได้ว่าการเรียกแบบนี้ก็ไม่มีอะไรน่าเสียหายถ้ามันทำให้เขามีความสุข

“ราตรีสวัสดิ์คุณสามี”

“ราตรีสวัสดิ์คุณภรรยา”

เขาโน้มศีรษะลงมาจุมพิตฉันอย่างแผ่วเบา

เนื่องจากเครื่องบินจะออกตอนสิบโมง ต้องใช้เวลาเดินทางจากบ้านไปสนามบินสี่สิบนาที พอคำนวณเวลาที่ต้องเช็คอินก่อนขึ้นเครื่องแล้ว ฉันจึงต้องไปถึงสนามบินก่อนเก้าโมงเช้า

เมื่อคืนฉันนอนเร็วจึงตื่นตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า

หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จและตั้งใจจะออกไปทำอาหารเช้า ลู่จือสิงก็ออกกำลังกายเสร็จพอดี

ฉันยังไม่ทันขยับตัวทำอะไรทันใดนั้นเขาก็เดินเข้ามาจูบฉัน “อรุณสวัสดิ์คุณภรรยา”

ฉันยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่ถึงจะรู้สึกตัวและยิ้มออกมา “อรุณสวัสดิ์คุณสามี”

ในเมื่อเขาชอบแบบนี้ ต่อไปฉันก็จะเรียกเขาแบบนี้เรื่อยๆ

เป็นไปอย่างที่คิด ทันทีที่สิ้นเสียงของฉันเขาก็ยิ้มออกมาและเอื้อมมือมากุมใบหน้าฉันไว้ “ผมออกไปซื้ออาหารเช้ามาให้แล้ว”

พอฉันหันไปมองที่โต๊ะอาหารก็เห็นว่ามีอาหารอยู่บนนั้นแล้ว

ในเมื่อเป็นอย่างนี้ฉันเองก็ขี้เกียจทำอาหารเหมือนกัน

เห็นได้ชัดว่าลู่จือสิงเพิ่งซื้อมาไม่นานเพราะอาหารยังอุ่นๆ อยู่

ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง แม้ว่าจะเป็นเดือนมีนาคมแล้วแต่ก็ยังคงหลงเหลือบรรยากาศของฤดูหนาว และวันนี้อากาศก็หนาวมากด้วย

ลู่จือสิงไม่ลงไปวิ่งข้างนอกแล้ว เพราะที่ห้องหนังสือมีลู่วิ่งอยู่และยังมีเครื่องออกกำลังกายอีกสองสามอย่าง ทุกวันเวลาหกโมงเช้าเขาจะลุกขึ้นมาวิ่ง พอตกเย็นก็ออกกำลังกายที่นี่อีกเมื่อมีเวลา

กว่าฉันจะจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็เกือบแปดโมง ฉันลากกระเป๋าเดินทางเตรียมไปบอกลาลู่จือสิง ทว่าเขาก็ลากกระเป๋าเดินทางออกมาพร้อมกับฉัน

ฉันชะงักไปนิดหนึ่ง “คุณก็ต้องบินเที่ยวบินตอนเช้าเหมือนกันหรือ”

“ช้ากว่าคุณสิบนาทีน่ะ”

ฉันพยักหน้า “งั้น...”

“เราไปสนามบินพร้อมกัน เดี๋ยวผมให้คนไปขับรถกลับมา”

การขับรถไปเองดีย่อมดีกว่านั่งรถรับส่งไปอยู่แล้ว พอเขาบอกแบบนั้นฉันจึงไม่ปฏิเสธ

“งั้นไปกันเถอะ กว่าจะไปถึงก็เกือบเก้าโมงแล้ว”

“อื้ม”

เขาตอบรับและเอื้อมมือมาลากกระเป๋าเดินทางของฉันไป ส่วนมือที่ว่างอีกข้างอ้อมมาข้างหลังฉัน

ฉันมองมือนั้นและแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ “ทำไมยังไม่ไปอีกล่ะ”

ลู่จือสิงจ้องมองฉันพลางกุมมือฉันไว้ “ไปกันเถอะคุณหญิงลู่!”

ฉันปล่อยให้เขาจูงฉันไปโดยไม่ขัดขืน แล้วเปิดประตูด้วยมืออีกข้างยังที่ว่างอยู่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้