ฉันหันกลับไปมองเขาและยิ้มอย่างอิ่มเอม
เป้ยเปยเหมือนลู่จือสิงมากจริงๆ แต่ฉันไม่ได้หมายความว่าเขาซึมซับบุคลิกมาจากพ่อของเขา... เป้ยเปยเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ตอนเป้ยเปยยังเด็กฉันคิดว่าเขากลัวคนแปลกหน้า พอโตขึ้นมาจึงพบว่าเขาเพียงแค่ทำตัวขรึมและเย็นชากันคนที่ไม่คุ้นเคย ไม่ได้กลัวคนแปลกหน้าอย่างที่คิด
ทว่าแม้ตอนนี้เขาจะยังเด็กมาก แต่กลับถูกซื้อใจได้ง่ายเหลือเกิน เพียงแค่ซื้อของมาให้นิดๆ หน่อยๆ เขาก็ยอมเล่นด้วยง่ายๆ แล้ว
แต่นั่นก็จำกัดแค่ชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น พอถงเจียหลินจะกอดเขา อยู่ๆ เขาก็หันหน้าหนีและเบะปากเหมือนจะร้องไห้
ฝีมือการแสดงระดับนี้ ถ้าไม่ได้เข้าวงการบันเทิงคงน่าเสียดายจริงๆ
การกินข้าวด้วยกันหลายๆ คนนั้นสนุกครึกครื้น เนื่องจากผู้ชายทั้งสามคนต้องขับรถ เราจึงไม่ได้สั่งเหล้ามาดื่ม เราคุยกันด้วยหัวข้อที่สบายๆ และน่าสนใจ ไม่ได้คุยกันเรื่องที่เคร่งเครียด บรรยากาศบนโต๊ะอาหารจึงเป็นกันเองมาก
เรื่องที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือเรื่องของเซี่ยงฉิงและฉีซิ่วหราน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นไปอย่างก้าวกระโดด พอรู้ว่าพลาดท้องปุ๊บก็แต่งงานกันปั๊บ
นับๆ ดูแล้วเพิ่งผ่านมาแค่หนึ่งเดือนกว่าๆ ยังไม่ถึงสองเดือนเลยด้วยซ้ำ
ต้องบอกเลยว่าความสามารถในการจัดการของฉีซิ่วหรานนี่สุดยอดจริงๆ
ทุกคนต่างรับประทานอาหารไปคุยไป จนเมื่อรับประทานอาหารกันเสร็จเวลาก็ล่วงมาจนถึงสามทุ่มกว่าแล้ว
พอฉันเหลือบไปมองเป้ยเปยก็เห็นว่าเขากำลังสัปหงกอยู่อย่างที่คิด
เซี่ยงฉิงก็เห็นเช่นกันจึงเบาเสียงลง
พรุ่งนี้ทุกคนยังต้องไปทำงานจึงไม่อยากปล่อยให้ดึกเกินไป จึงตัดสินใจแยกย้ายกันกลับบ้าน
ทั้งนี้ฉีซิ่วหรานเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารมื้อนี้อย่างที่ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก
กว่าเราจะกลับถึงบ้านก็สี่ทุ่มเข้าไปแล้ว เป้ยเปยหลับไปตั้งแต่อยู่ในรถ
คืนนี้ไม่จำเป็นต้องมีคนกล่อม เขาก็หลับไปเองเรียบร้อย
วันรุ่งขึ้นเซี่ยงฉิงหอบหิ้วของมากมายมาให้เมื่อฉันไปถึงที่ทำงาน พอเปิดออกดูจึงเห็นว่าทั้งหมดคือของเล่น
“คุณเอาของเล่นมาจากไหนเยอะแยะ?”
“สำหรับเป้ยเปย! ลูกชายทูนหัวของฉัน!”
ฉันหัวเราะ “ทำไมคุณถึงซื้อให้เขาเยอะขนาดนี้? เด็กโตเร็วจะตาย ไม่กี่วันก็เปลี่ยนไปชอบอย่างอื่นแล้ว!”
“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงฉีซิ่วหรานก็เป็นคนจ่ายให้!”
ฉันเข้าใจแจ่มแจ้งและมองเธออย่างมีความหมาย “ไม่เลวเลยนี่สหายเซี่ยงฉิง ถึงขนาดกุมอำนาจทางการเงินไว้เรียบร้อยตั้งแต่ตอนนี้เลยเชียว”
“อำนาจทางการเงินอะไรหรือ?”
ทันทีที่ฉันพูดจบ ถงเจียหลินก็เดินเข้ามาพลางถามฉันกับเซี่ยงฉิง
ฉันยกของเล่นให้ดู “เซี่ยงฉิงนะสิ ใช้เงินของฉีซิ่วหรานซื้อของเล่นพวกนี้ให้เป้ยเปย”
“ความจริงฉันก็ซื้อของเล่นมาเหมือนกัน”
ถงเจียหลินพูดพลางหอบกล่องใบหนึ่งออกมา
ฉันเห็นแล้วไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “พวกคุณเป็นกันขนาดนี้เลยหรือ?”
“เป้ยเปยน่ารักมากนี่นา!”
“ใช่ น่ารักมาก! นี่ๆ แล้ววันเสาร์อาทิตย์นี้คุณมีธุระอะไรไหม? ถ้าไม่มี ฉันอยากจะพาเป้ยเปยออกไปออกไปเที่ยวซะหน่อย!”
ฉันไม่คิดว่าแค่เจอกันครั้งเดียว ทั้งสองคนจะหลงเป้ยเปยมากขนาดนี้
พอคิดได้ว่าไม่ได้ไปช้อปปิ้งกับทั้งคู่มานานแล้วฉันจึงตอบตกลง เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีแพลนจะไปไหนอยู่แล้ว
วันพรุ่งนี้เซี่ยงฉิงต้องไปถ่ายภาพสำหรับงานแต่งที่ถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้วเป็นวันที่ 24 เดือนหน้าซึ่งใกล้จะถึงเต็มที
แต่ถ้ามีเงินซะอย่างก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้ เพราะในสังคมทุกวันนี้เงินสามารถบันดาลให้ได้ทุกอย่าง
จะพูดว่าเหลือเวลาอีกแค่หนึ่งเดือนเพื่อเตรียมตัวก็ไม่ได้ แค่แจกบัตรเชิญงานแต่งและอื่นๆ เวลาแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว!
พริบตาเดียวเวลาก็ล่วงผ่านเดือนกุมภาพันธ์จนมาถึงเดือนมีนาคม
วันที่ 2 เป็นวันเสาร์ หลังผ่านสุดสัปดาห์นี้ วันอังคารหน้าฉันก็ต้องไปเมือง J แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้