หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 274

ฉันไม่กล้ากวนโมโหเขา จะกล้าขยับที่ไหนล่ะ

เดาว่าเขาคงจะหิวแล้ว กินเร็วมาก โจ๊กสองถ้วย เวลาไม่ถึงสิบนาที ฉันก็มองเห็นว่าเขากินหมดแล้ว

มองเห็นเขาเป็นเช่นนี้ ฉันอดไม่ได้ที่จะถามไปหนึ่งประโยค “คุณยังหิวอีกไหม? หรือว่าพวกเราจะสั่งอาหารผ่านแอพพลิเคชัน?”

เขามองฉัน“ไม่หิวแล้ว คุณควรจะคิดว่าทำยังไงให้ไข้ลดลงเถอะ!”

เขาพูดเช่นนี้ ฉันก็ไม่กล้าจะพูดอะไรแล้ว

ไข้ไม่ลด ฉันก็ไม่มีความสามารถที่จะทำได้

พักผ่อนอยู่สักพัก ลู่จือสิงก็ให้ฉันกินยา

ฉันก็รู้ ถ้าไม่กินยาไข้ก็คงไม่ลด ถ้าหากว่าพรุ่งนี้ไข้ยังไม่ลด ฉันเดาว่ายังต้องให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลอีกหนึ่งวัน

นึกถึงเรื่องนี้ ฉันก็กระตือรือร้นในการกินยามาก

หลายวันแล้วที่ฉันไม่ได้เจอเป้ยเปย คิดถึงเขามากจริงๆ แต่ว่าฉันป่วย ได้เห็นเป้ยเปยก็คาดเดาว่าคงจะกอดไม่ได้ ฉันทำได้เพียงรักษาตัวให้หายดี จึงจะสามารถกลับไปกอดลูกชายสุดที่รักของฉันได้!

ยานั้นมีผลให้นอนหลับ แต่ว่าก่อนหน้าที่ฉันจะนอนหลับไปหลายชั่วโมง ตอนนี้เพิ่งจะกินยา ประสิทธิภาพของยายังไม่กำเริบ ชั่วเวลานี้เพียงเดี๋ยวเดียวที่นอนไม่หลับ

นอนไม่หลับ คิดถึงลูกชาย มองลู่จือสิงที่อยู่ข้างๆ ฉันอดไม่ได้ที่จะดึงเสื้อของเขา “คุณไปหาเป้ยเปยหรือยัง?”

ฉันเพิ่งจะพูดจบ ลู่จือสิงก็แสดงความไม่พอใจ “คุณแค่คิดถึงเป้ยเปย ไม่คิดถึงผมสักนิดเหรอ?”

“คุณเป็นอะไร? หรือว่าโครงการพบปัญหาอะไร?”

เขามองฉัน เห็นได้ชัดว่าความรู้สึกไม่ดีมากๆ “โครงการไม่มีปัญหาอะไร!”

“ถ้า——”

ช่วงห้าโมงกว่าผมเพิ่งจะถึงเมืองA กลับไปประชุม เพิ่งจะได้กินข้าวไม่กี่คำ ก็ได้ยินเพื่อนร่วมงานคุณพูดว่าคุณล้มสลบไป ส่งโรงพยาบาลแล้ว คุณรู้สึกว่า ผมมีปัญหาอะไร?”

เขาพูดเช่นนี้ ทันใดนั้นฉันก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เหมือนกับว่าพูดอะไรก็ไม่ถูก จะพูดอย่างไร ก็มีเพียงไม่กี่คำ “ขอโทษ”

เขาไม่ได้พูดจา เพียงแต่ว่าน้ำเสียงผ่อนคลายลง “กำลังป่วยอยู่ อย่าพูดเยอะ นอนหลับเยอะไป”

ฉันงงงวยไปเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นคุณล่ะ นี้ก็ตีสามกว่าแล้ว ใกล้จะตีสี่แล้ว คุณ——”

“ผมไปอาบน้ำ”

ลู่จือสิงมีนิสัยรักความสะอาดเกินไป ทั้งวันนี้เขาวุ่นอยู่สามเมืองที่ยังไม่ได้อาบน้ำ ถึงแม้ว่าจะเป็นฤดูหนาว คาดเดาว่าก็ทนไม่ไหว

ถึงแม้ว่าเขาอาบน้ำไม่ช้า แต่นอนอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ประสิทธิภาพของยาก็มาแล้ว

ในผ้าห่มอุ่นๆ ฉันหลับตาลงสัปหงก โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็นอนหลับไป

ในเวลาที่ลู่จือสิงกลับมา ฉันก็ตื่นขึ้นมา เขาลูบใบหน้าของฉัน “นอนเถอะ”

ฉันง่วงนอนมาก พูดเสียงต่ำออกไปหนึ่งเสียง และนอนหลับไป

ในเวลาที่คนเราป่วย กินยาแล้วนอนหลับเต็มอิ่มเป็นพิเศษ

นอนหลับครั้งนี้ ฉันนอนหลับจนถึงสามทุ่มกว่าของวันที่สอง ในเวลาที่พยาบาลเข้ามาตรวจฉันเพิ่งจะตื่นขึ้นมา

พยาบาลพูดว่าจะตรวจวัดอุณหภูมิให้ฉัน ฉันมองไปที่ลู่จือสิงที่ยังหลับอยู่ พูดกับพยาบาลด้วยเสียงที่เบา “ฉันใช้ปรอทวัดอุณหภูมิของร่างกาย”

เธอมองไปที่ลู่จือสิง เห็นได้ชัดว่าเข้าใจฉันกลัวเสียงดังจนทำให้ลู่จือสิงตื่น ก็ไม่ได้ทำให้ฉันลำบากใจ หลังจากนั้นก็ออกไป

ประตูถูกพยาบาลปิดลงอีกครั้ง ฉันเอียงหน้าไปมองลู่จือสิงก็ยังหลับสนิท

เมื่อคืนถูกเขาดุว่า ฉันก็ไม่ได้ดูเขาอย่างละเอียด

ตอนนี้ตื่นขึ้นมา เขาก็ยังนอนหลับอยู่ ฉันจึงมีความกล้าที่จะไปดูเขา

ผิวของลู่จือสิงถ้าเป็นเพศชายก็ถือว่าขาวมากแล้ว ดังนั้นใต้ตาดำด้านล่างของดวงตาก็เห็นได้อย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าพักผ่อนไม่เพียงพอ

คิดไปคิดมาก็เป็น ไม่พูดถึงเรื่องก่อนหน้านี้เขามีโครงการที่ตึงเครียดมาก ก็พูดเรื่องของเมื่อวาน เขาเพิ่งจะกลับไปเมืองA ยังต้องประชุม ประชุมเสร็จก็อยากจะโทรศัพท์มาหาฉัน อยากจะคุยกับฉัน แต่ทว่าผลลัพธ์คือได้ยินเพื่อนร่วมงานของฉันพูดว่าฉันเป็นล้มสลบไปจนเข้าโรงพยาบาล

หลังจากนั้นเขาก็ตะลุยทำงานและยังลากกระเป๋าเดินทางจากเมืองAกลับมา นั่งเครื่องบินใช้เวลาสองชั่วโมงกว่า จากสนามบินมาถึงโรงพยาบาลอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง

คิดขึ้นได้ว่าเขายุ่งมาก ในใจฉันก็รู้สึกผิดและเจ็บปวดใจจริงๆ หากว่าฉันระวังให้มากกว่านี้ เขาก็ไม่ต้องเป็นเช่นนี้

ฉันมองเขาอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าเขารู้สึกถึงหรือเปล่า ในช่วงเวลาฉับพลันนั้นก็ลืมตาขึ้นมามองฉัน

ลู่จือสิงมองฉันอยู่ชั่วครู่หนึ่ง เพิ่งจะเปิดปากพูด “ตื่นแล้วเหรอ?”

ฉันพยักหน้า “คุณยังง่วงนอนไหม?”

เขาไม่ได้พูด ยื่นมือมากดท้ายทอยของฉัน หลังจากนั้นก้มหน้าผากเข้ามา

ในเวลาที่ปล่อย เขาก็ขมวดคิ้วขึ้น “ทำไมผมรู้สึกว่าคุณยังมีไข้อยู่เล็กน้อย?”

ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองมีไข้หรือไม่มีไข้ “ฉันกำลังวัดอุณหภูมิอยู่ น่าจะไม่มีไข้แล้ว ฉันรู้สึกว่าตัวเองดีกว่าเมื่อวานมากแล้ว”

เขาไม่ได้พูด พลิกตัวลงจากเตียง “คุณให้พยาบาลเข้ามาตรวจคุณสักหน่อย”

ฉันพยักหน้า และกดกระดิ่ง

พยาบาลเข้ามาเร็วมาก พอดีกับที่ปรอทวัดอุณหภูมิของร่างกายที่อยู่บนรักแร้ของฉันถึงเวลาพอดี ยื่นไปให้พยาบาล

เดิมทีฉันนึกว่าลู่จือสิงจะเข้าใจคิด ผลลัพธ์คือหลังจากพยาบาลเห็นปรอทวัดอุณหภูมิของร่างกายของฉันก็ขมวดคิ้วขึ้น “คุณยังสามสิบแปดจุดเจ็ดองศา ก็ยังตัวร้อน ซุยุ่น วันนี้คุณอาจจะต้องอยู่ที่โรงพยาบาลอีกหนึ่งวัน”

ฉันเพิ่งอยากจะพูด ลู่จือสิงก็ออกมาจากห้องน้ำ “พยาบาล ภรรยาผมเธอมีอุณหภูมิกี่องศา?”

“สามสิบแปดจุดเจ็ดองศา

คุณพยาบาลมีนิสัยตรงไปตรงมา ฉันอยากจะขัดขวางก็ขัดขวางไม่อยู่แล้ว

สีหน้าของลู่จือสิงทันใดนั้นก็มืดครึ้มขึ้นมา แต่ฉันก็ไม่มีความผิด อุณหภูมิมันไม่ลดลง ก็ไม่ได้เป็นความผิดของฉัน

“ฉันแนะนำว่าให้ซูยุ่นติดตามดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาลอีกหนึ่งวัน เมื่อวานตอนที่ถูกส่งเข้ามาก็มีไข้สูงมาก เมื่อคืนวัดแล้วหนึ่งครั้ง เหมือนกับว่ายังไม่ลดลง กลัวว่าไข้จะสูงขึ้นอีก”

“ได้ค่ะ”

“ดื่มน้ำเยอะกว่าปกติ พักผ่อนเยอะๆ อย่ามั่วแต่คิดเรื่องงาน”

พยาบาลพูดเช่นนี้ ฉันก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเป็นพิเศษ ทั้งหมดรู้ว่าเธอเหนื่อยจนต้องเข้าโรงพยาบาล

“ได้ ผมจะดูแลเธอดีดี”

“ฉันไปถามหมอเรื่องน้ำเกลือให้ก่อน คุณไปหาของให้เธอกิน กินยาก่อน ไม่อย่างนั้นไข้ขึ้นอีก

ลู่จือสิงเห็นด้วยกับคำพูดของพยาบาล เธอพูดว่าอะไรก็ควจจะทำ

พยาบาลไปแล้ว ลู่จือสิงจึงจะมองมาที่ฉัน :คุณอยากกินโจ๊กอะไร?”

“อะไรก็ได้”

จริงๆแล้วฉันก็ไม่ได้มีความอยากอาหาร แต่ว่าคิดขึ้นได้ว่าต้องกินยา ก็คงต้องกินอะไรไปก่อน ไม่อย่างนั้นไม่ดีกับกะเพาะอาหาร

ลู่จ่อสิงรินน้ำใส่แก้วให้ฉัน น้ำในกาน้ำนั้นวางไว้เมื่อคืน เย็นนิดหน่อยแล้ว ฉันเพิ่งคิดจะยื่นมือออกไปรับ ลู่จือสิงรู้ยื่นมือดึงมือของฉัน “อย่าดื่ม ผมจะไปเปลี่ยนน้ำร้อนมาให้คุณใหม่”

พูดพลาง เขาก็นำกาน้ำกับแก้วน้ำเดินออกไปแล้ว

ฉันกระหายน้ำมาก แต่ว่าลู่จือสิงไม่ให้ฉันดื่มน้ำเย็น ฉันทำได้แค่อดทนเอาไว้

เพียงแต่โชคดีที่ เขากลับมาเร็วมาก เปลี่ยนแก้วน้ำอุ่นให้ฉัน “อีกสักครู่ผมจะออกไปซื้อโจ๊ก คุณอย่าเดินไปเดินมา เข้าใจไหม?”

ฉันรู้สึกว่าน่าขันเล็กน้อย “ฉันเข้าใจแล้ว ฉันไม่ใช่เด็กดื้อ!”

เขาถลึงตาใส่ฉัน “คุณดื้อกว่าเด็กดื้อ!”

พูดจบ เขาก็หันตัวเดินออกไป

จ้องมองแผ่นหลังของเขา ถึงแม้จะรู้สึกว่าเขาพูดว่าฉันดื้อก็เด็กน้อยไม่ค่อยดี แต่ว่าในใจก็ยังรู้สึกหวานชื่น

ถึงอย่างไรก็คือยิ่งรักก็ยิ่งใส่ใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้