หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 282

พอออกจากห้องทำงาน ลู่ป่ายถงก็เรียกฉันกะทันหัน “ซูยุ่น”

ฉันชะงักไปสักพัก แต่ก็เดินไปหาเขา”มีอะไรคะ ประธานลู่?”

เขายิ้มนิดๆ”ตอนเที่ยงนี้ว่างไหม? กินข้าวด้วยกันสักมื้อ?”

“ว่างสิ ตอนนี้ก็สิบเอ็ดโมงครึ่งแล้ว ถ้าประธานลู่ไม่มีอะไร เราไปร้านอาหารเลยก็ได้ และทำความเข้าใจเกี่ยวกับกิจกรรมนี้หน่อย ”

ลู่ป่ายถงพยักหน้าเล็กน้อย”ได้ ฉันรอเธอที่หน้าประตู”

ฉันมองไปของในมือ “ได้ ฉันไปเอากระเป๋า”

แต่ก่อนคิดว่าลู่ป่ายถงไม่ใช่คนดีอะไร แต่ตอนนี้ระหว่างการพูดคุยสื่อสารแล้ว ฉันกลับรู้สึกตัวเขาเป็นคนที่ดีเลยนะ อย่างน้อยก็ดีกับฉันมาก และจากบรรดาปวงพี่น้องของลู่จือสิงแล้ว เห็นได้อย่างชัดความสัมพันธ์ลู่ป่ายถงกับลู่จือสิงสนิทกันที่สุด

จำได้ว่าก่อนหน้านี้ลู่ป่ายถงเคยตักเตือนฉันว่าลู่จือสิงทำกับฉันไม่ใช่ธรรมดา

ตอนนั้นฉันคิดว่าเขากำลังยุให้รำ ตำให้รั่ว พอมาคิดคิดตอนนี้ ตัวเองอ่อนหัดไร้เดียงสาเกินไปจริงๆ

ปิดโน๊ตบุ๊ก เก็บกระเป๋า บอกกับถงเจียหลินแล้วฉันก็ลงไปเลย

กำลังเดินลงมาที่ข้างล่างตึกฉันก็เห็นรถของลู่ป่ายถงทันที เขาเอียงตัวมาเปิดประตูรอฉันแล้ว

ฉันรีบเข้าไป “ขอบคุณ”

ลู่ป่ายถงเลือกไปร้านอาหารญี่ปุ่นที่เปิดใหม่ใกล้ๆบริษัทฉัน สภาพแวดล้อมดีมาก แต่ได้ยินมาว่าค่าใช้จ่ายไม่เบาเลยนะ

ฉันพึ่งว่างกระเป๋าลง เขาก็รินชาให้ฉันทันที “กิจกรรมเธอมีความคิดอะไรก็ทำตามที่เธอคิดเลยนะ เธอไม่ต้องกังวลฝั่งฉัน ถ้ามีปัญหาอะไรละก็ติดต่อฉันโดยตรงได้”

ขณะที่เขาพูด ก็ยื่นชาที่รินมาให้”เออนี่ เธอมีเบอร์ฉันหรือยัง? ”

พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ ฉันรู้สึกอึดอัดใจนิดๆ “เหมือนจะไม่มี”

ลู่ป่ายถงยิ้มๆ ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร “งั้นเธอจดสะหน่อยแล้วกัน จากนั้นฉันจะให้ผู้จัดการที่รับผิดชอบโปรเจกต์นี้ติดต่อเธอ ฉันจะให้เขาร่วมมือกับเธอให้สุดกำลัง ถ้าเขาไม่เห็นด้วยกับเธอที่ไหนละก็ เธอติดต่อฉันมา”

ขณะเขาพูดก็ยื่นเมนูมาให้ฉัน “ดูสิว่าอยากกินอะไร”

ฉันพยักหน้ารับ”ขอบคุณ พี่สาม”

“นี้เป็นครั้งแรกที่เธอเรียกฉันว่าพี่”

เขาไม่พูดเรื่องนี้ยังดี พอพูดฉันรู้สึกอายขึ้นมาเลย พูดลงไปไม่ได้ ทำได้แค่ก้มหน้ามองเมนูไป สั่งอันที่ตัวเองชอบกินไปไม่กี่อย่าง “แค่นี้”

ลู่ป่านถงยื่นมือมารับไป และก็สั่งเพิ่มไปไม่กี่อย่าง จากนั้นก็สั่งเลย

“ฉันได้ยินมาว่าโปรเจกต์ทางเมืองJ เธอรับผิดชอบทั้งหมด ได้ยินมาว่าเขาไว้ใจเธอมาก ส่วนมากเป็นความคิดของเธอหมดเลยนิ และฉันก็ดูแล้ว ดีมากจริงๆ ความน่าสนใจและการร่วมงานสูงมาก การแพร่กระจายก็ยิ่งไม่ต้องพูด ฉันได้ยินอีกมาว่า เบื้องหลังผู้ชมวันหนึ่งเพิ่มขึ้นสองแสนกว่าคน ครั้งนี้ฉันปล่อยให้เธอไปทำ มันก็มีความล้มเหลวของคนรุ่นเก่าย่อมเป็นข้อเตือนใจอยู่ แต่เธอไม่ต้องกังวลและรู้สึกเคร่งเครียดเกินไป ทำให้เต็มทีก็พอ ”

ฉันทำงานทางการว่างแผน ความเชื่อใจทางฝั่งอีกฝ่ายเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ตั้งแต่ฉันทำงานมาไม่มีสิบปีก็ห้าปีได้แล้ว ระหว่างนี้ก็รับผิดชอบโปรเจกต์มา มีทั้งโปรเจกต์ที่ใหญ่และเล็ก ไม่ต่ำกว่า20โปรเจกต์

แต่ได้รับความไว้วางใจเหมือนเมืองJยังไม่เคยมีมาก่อน ตอนนี้เพิ่มลู่ป่ายถงมาคนหนึ่ง ฉันก็รู้สึกซึ่งใจ

“พี่สามไว้ใจเลยค่ะ อย่างอื่นฉันทำไม่ได้ แต่ทางด้านนี้ ยังถือว่าพอได้”

“ถ้าอย่างเธอยังว่าพอได้ละก็ ฉันคิดว่าหลายคนในอาชีพนี้คงไม่ต้องทำแล้วละ”

ฉันยิ้มๆ”พี่สามวันนี้ขับรถมา กินเหล้าไม่ได้ และตอนบ่ายฉันก็ทีงานต้องทำ งั้นเราก็ไม่ดื่มเหล้าละกัน วันนี้ฉันขอใช้น้ำชาแทนเหล้า ขอบคุณพี่สามที่ไว้ใจ”

“เธอทำตัวเกรงใจกับคนอื่นแบบนี้ทุกคนเลยหรอ?”

คำพูดของเขาทำให้ฉันรู้สึกอึ่งไปสักพัก ยังไม่ทันตั้งตัว”หืม? ”

“เธอก็เรียกฉันพี่แล้ว ฉันก็ต้องเชื่อใจเธออยู่แล้ว”

พูดอยู่ เขาก็เงยหัวดื่มชาไปหมด ฉันตั้งตัวได้ก็เงยหัวดื่มชาให้หมด

ลู่ป่ายถงไม่ใช่คนว่างอะไร เขาสั่งคนอื่นว่าร่วมงานกับฉันแล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นต้องรีบที่ถามเรื่องโปรเจกต์

“เป้ยเปยจะสองขวบแล้วใช่ไหม?”

ฉันพยักหน้า”กำลังค่ะ อีกไม่กี่วัน”

เขายิ้มๆ“ว่าไปแล้ว เหมือนว่าฉันจะเคยเจอเป้ยเปยแค่ครั้งเดียวนะ”

“พี่สามว่างๆมาเที่ยวบ้านได้คะ นิสัยเป้ยเปยเหมือนลู่จือสิงไม่มีผิด ไม่ค่อยชอบพูดเท่าไหร่”

“เมื่อก่อนจือสิงก็ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ พอขึ้นอนุบาลเพราะเรื่องนี้ ทำให้เด็กผู้หญิงในห้องตกใจร้องไห้ไปหลายคน”

ฉันยังไม่เคยฟังเรื่องแบบนี้ อดไม่ได้ที่จะถามทันที”เขาเป็นแบบนี้ งั้นผู้หญิงที่บอกชอบเขา เขาก็ทำแบบนี้ใช่ไหม?”

“ใช่สิ ตอนเขามัธยมต้น ผู้หญิงไม่น้อยที่ส่งซองจดหมายรักให้เขา แต่ว่าเขาไม่เคยเปิดดู ทิ้งซองจดหมายไปเลย”

ฉันทนไม่ไหวจนหัวเราะออกมา คิดไม่ถึงว่าคนอย่างลู่จือสิงก็มีเรื่องราวแบบนี้มาก่อน

พูดถึงเรื่องเก่าๆของลู่จือสิง ฉันกับลู่ป่ายถงคุยกันสนุกสนานดี

เวลาเดินไปอย่างไม่รู้ตัว พอรู้ตัวก็หนึ่งโมงกว่าแล้ว

ลู่ป่ายถงเป็นคนรู้ตัว เขามองไปที่นาฬิกา “เธอยังต้องทำงานตอนบ่าย ตอนนี้ก็ไม่เช้าละ ค่อยคุยกันทีหลัง ฉันส่งเธอกลับก่อน”

ฉันมองไปที่โทรศัพท์ เวลาตอนนี้บ่ายโมงสิบห้านาทีแล้ว รู้สึกอายนิดๆ”คิดไม่ถึงว่าเวลาจะเดินเร็วขนาดนี้ งั้น พี่สามว่างเมื่อไหร่มาเที่ยวหาเป้ยเป้ยที่บ้านนะคะ”

“ไว้ใจเหอะ ฉันว่างเมื่อไหร่ไปแน่ๆ”

ลู่ป่ายถงปีนี้สามสิบห้าแล้ว แต่ไม่เคยได้ยินข่าวเรื่องแต่งงานเลย

ถึงแม้ว่าวันนี้คุยกับลู่ป่ายถงแล้วรู้สึกเขาไม่แย่ แต่ความรู้สึกเป็นทางส่วนตัว ฉันก็ไม่กล้าเอ่ยปากถามเขา

“พี่สาม ที่นี้ใกล้บริษัท ฉันเดินไปเองได้ พี่ไม่ต้องส่งฉันแล้ว”

ลู่ป่ายถงไม่ได้พูดอะไร ปิดประตูรถทันที”ขึ้นรถ ฉันผ่านทางนี้”

เขาพูดขนาดนี้แล้ว ฉันก็ไม่กล้าที่จะไม่ขึ้นรถ

แต่ว่าไม่กี่นาทีที่นั่งรถ พอรถจอด ฉันปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะลงจากรถ กลับนึกถึงเรื่องเก่าๆ รู้สึกละอายใจนิดๆ แต่พอนึกถึงเรื่องที่คุยกันตอนกินข้าวกลางวันแล้ว รู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดลู่ป่ายถงมากๆ กัดฟันกรอดและก็เปิดปากพูดจนได้ “พี่สาม เรื่องของเมื่อก่อนพี่ไม่ต้องจำไว้ในใจนะ ฉันไร้เดียงสามากไปเอง”

ลู่ป่ายถง มองฉันแล้วขมวดคิ้วนิดๆ “เรื่องเมื่อก่อน?”

ฉันตะลึง และเขาก็พูดต่อว่า”พอแล้ว กลับไปเหอะ”

พอลงจากรถ ฉันถึงจะรู้ตัว มองรถลู่ป่ายถงที่เล่นไปไกลๆ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

เขาไม่จำเรื่องเมื่อก่อนในสายเลยสักนิด แล้วฉันจะไปกังวลทำไมละ

พอถึงบริษัท ฉันรีบติดต่อ ผู้จัดการที่ลู่ป่ายถงบอกมา

เอาเอกสารออกมาศึกษาข้อมูล ก่อน

เซี่ยงฉิงไปฮันนีมูน อย่างน้อยครึ่งเดือนถึงจะกลับมา ถึงเวลาเซี่ยงฉิงกลับมา โปรเจกต์ทางบริษัทลู่ป่ายถงคงเสร็จแล้ว

บริษัทเขาให้ความร่วมมือกับฉันมาก แค่ฉันพูดความคิดเห็นในเวลาที่พอเหมาะ ก็จะไม่คัดคานความคิดฉันมากเท่าไหร่

เซี่ยงฉิงกลับมาแล้ว ตะโกนโวยวายในโทรศัพท์ว่ามีซุปเปอร์เซอร์ไพรส์ให้ฉัน

ฉันรู้สึกตลกเล็กหน่อย เธอจะให้ซุปเปอร์เซอร์ไพรส์ฉันยังไง แต่กลับคิดไม่ถึง หลังจากนี้ก็มีซุปเปอร์เซอร์ไพรส์จริงๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้