หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้ นิยาย บท 281

วันงานแต่งของเซี่ยงฉิงและฉีซิ่วหรานมาถึงอย่ารวดเร็ว เซี่ยงชิงไม่ใช่คนเมืองA ฉีซิ่งหรานก็ไม่ใช่คนเมืองA แต่ญาติพี่น้องที่มากันไม่น้อย เพราะฉีซิ่วหรานเหมาร้านอาหาร และเหมาค่าเครื่องบินไปมาทั้งหมด ดังนั้นญาติพี่น้องทั้งสองฝ่าย คนที่ว่างอยู่เกือบจะมาทั้งหมด

งานเลี้ยงมีตอนกลางคืน รับเจ้าสาวประมาณบ่ายโมงกว่าๆ

ไม่นานนี้ฉีซิ่วหรานซื้อที่ตกแต่งสวยงานบ้านใกล้ๆบ้านฉัน และซื้อบ้านร้อยกว่าตารางวาอีกหลังที่ชุมชนฉันตกแต่งอย่างสวยงามถือว่าเป็นบ้านแม่ของเซี่ยงฉิง

ฉันอุ้มเป้ยเปยมาบ้านเซี่ยงฉิงตั้งแต่เช้าแล้ว เพื่อนเจ้าสาวเป็นเพื่อนเก่าในมหาลัยเซี่ยงฉิง และอีกคนคือเพื่อนสนิทตอนเด็กๆ

เพื่อนสนิทที่เล่นกับฉีซิ่วหรานได้ก็มีไม่เยอะ มีอยู่สองสามคน แต่โชคดีที่เขามีลูกพี่ลูกน้องสองคน เพื่อนเจ้าบ่าวเลยครบไปด้วยดี

พูดความจริง เมื่อก่อนฉันไม่มีวาสนาคบเพื่อน ดังนั้นมีชีวิตจนถึงตอนนี้แล้ว ยังไม่เคยเข้าร่วมงานแต่งจริงๆจังๆสักครั้งเลย

เป้ยเปยปกติไม่ค่อยพูดสักเท่าไหร่ วันนี้ยิ่งไม่พูดไปใหญ่ ลู่จือสิงอุ้มเขาไว้ เขาก็อยู่ในอ้อมกอดพ่อเขาอย่างเงียบๆ

ฉันเห็นเขาเป็นเด็กดีขนาดนี้ เลยเดินไปดูเพื่อนเจ้าสาวแกล้งเจ้าบ่าว

ฉีซิ่วหรานสีหน้าไร้อารมณ์มาตลอด งานวันแต่งก็ไม่ยกเว้น เพื่อนเจ้าสาวเห็นเขาแบบนี้ เลยบังคับให้เขายิ้มให้กับเจ้าสาว

ฉันรู้คนอย่างฉีซิ่วหราน เขาคุ้นชินกับสีหน้าตัวเอง ให้เขายิ้มมันก็ดูลำบากใจเข้าน่าดู

แต่ว่าวันนี้เป็นวันแต่งงาน ถ้าเขาอยากที่จะเอาเซี่ยงฉิงกลับบ้านละก็ ยากขนาดไหน ก็ต้องยิ้มออกมา

รอยยิ้มแรก ไม่ยิ้มยังดีกว่า ขนาดฉันยังรู้สึกไม่ผ่านเลย เพื่อนเจ้าสาวก็ยิ่งไม่ต้องพูด

รอยยิ้มที่สอง ก็แค่มุมปากดิ้นไปแปบหนึ่ง ก็ไม่รู้ว่า ดูออกได้ไงว่ายิ้ม

ยิ้มไปไปมามากว่าห้านาที สุดท้ายเซี่ยงฉิงอ้าปากพูด โบกมือให้ฉีซิ่วหราน ไม่รู้ว่าพูดอะไร เขายิ้มทันที

ฉันมองเขา ตกใจไปสักแป๊บ

มีคนมาตบไหล่แล้วครั้งหนึ่ง หันหลังกลับพบว่าเป็นเป้ยเปยเเละลู่จือสิง

“ยิ้มอะไร?”

ฉันหันไปมองลู่จือสิง เล่าเหตุการณ์เมื่อกี้ให้เขาฟัง

พอพูดจบ ฉันก็นึกขึ้นได้กะทันหัน “ประธานลู่ ดูเหมือนว่าคุณก็ไม่ค่อยชอบยิ้มให้กับคนอื่นนะ ใช่ไหม?”

เขามองมาทางฉัน อุ้มเป้ยเปยเดินมาที่ข้างตัวฉัน แนบตัวเข้ามาพูดข้างหู “ถ้าเป็นฉันที่แต่งกับเธอละก็ ทั้งวันนี้ฉันจะยิ้มตลอด”

หน้าฉันแดงวูบขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าลู่จือสิงรู้ดีเรื่องมุขแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันรับมือกับมุขพวกนี้ไม่ได้เลยจริงๆ

ข้างในไม่รู้เกิดอะไรขึ้น หัวเราะขึ้นมากะทันหัน ฉันมองไปที่ข้างใน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

เพื่อนเจ้าสาวก็หาเรื่องได้จริงๆ เพื่อนเจ้าบ่าวเจอพวกเธอเข้าไปละสนุกสนานจริงๆ

โววายไปกว่าครึ่งชั่วโมง สุดท้ายคือหา รองเท้าแต่งงาน ก็ไม่รู้ว่าฉีซิ่วหรานหาเจอยังไง แค่พูดก็พูดออกมาว่ารองเท้าแต่งงาน อยู่ไหนแล้ว

เพื่อนเจ้าสาวเห็นว่าถูกเปิดเผย ถามเซี่ยงฉิงว่าแอบกระซิบบอกใช่ไหม เซี่ยงฉิงรีบส่ายหัว “ที่ไหนละ! ฉันไม่ได้พูดสักหน่อย!”

รองเท้าแต่งงานหาเจอแล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นอีกแล้ว

ท้ายสุดฉีซิ่วหรานก็ได้ตัวเซี่ยงฉิงจนได้ เซี่ยงฉิงมีพี่ชายคนหนึ่ง ตอนออกจากประตูเป็นพี่ชายเขาที่แบกเธอ

พอมาถึงโรงแรมก็สามโมงกว่าแล้ว พักผ่อนสักหน่อย พอเจ็ดโมง งานเลี้ยงเริ่มแล้ว

เซี่ยงฉิงเค้าจัดโต๊ะร้อยยี่สิบแปดโต๊ะ เกือบเต็มไปหมด นกเว้นสองโต๊ะที่ว่างอยู่

ฉันกับลู่จือสิงนั่งโต๊ะเดียวกับถงเจียหลิน พอเห็นพ่อของเซี่ยงฉิงจับมือเธอเดินไปที่ฉีซิ่วหราน ฉันรู้สึกอยากจะร้องไห้

ฉันรู้สึกอิจฉาเธอนะ ไม่เหมือนฉัน ในโลกนี้ นอกจากเป้ยเปยและลู่จือสิงก็ไม่มีญาติที่ไหนอีกแล้ว

ลู่จือสิงเหมือนรับรู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่ ตอนเดิน เขาจับมือฉันไว้กะทันหัน

เขาก็ไม่ได้พูดอะไร แค่จับมือฉันไว้แน่นๆ

เป้ยเปยกำลังง่วงนอน พอเดินไปถึงรถ ลู่จือสิงก็ยื่นเป้ยเปยมาให้ฉัน

พอกลับถึงบ้านก็ประมานเก้าโมงครึ่งกว่าแล้ว อาบน้ำให้เป้ยเปยเสร็จ ก็ไม่ต้องให้เรากล่อม เป้ยเปยก็นอนด้วยตัวเองแล้ว

วุ่นวายมาทั้งวัน ความจริงฉันก็เหนื่อยมาก

พออาบน้ำออกมาพึ่งจะรู้สึกสบายเนื้อสบายตัว นอนอยู่บนเตียงก็รู้สึกง่วงแล้ว

ลู่จือสิงอาบน้ำเร็วมาก เขาออกมาจากห้องอาบน้ำเร็วมาก

เขาไปตัดผมมาเมื่อวันก่อน ตอนนี้ผมสั่นลงไม่น้อย แต่ตอนอาบน้ำเขาชอบใช้ผ้าขนหนูแค่เช็ดๆก็พอแล้ว ก็ไม่ได้ทำให้แห้งอย่างจริงจัง

ฉันยื่นมือไปจับ ปรากฏว่าน้ำเต็มหัว

จ้องไปที่เขา ฉันจำต้องลุกจากเตียงไปเอาผ้าขนหนู

แต่ว่าโชคดีที่ผมลู่จือสิงสั่น แห้งได้เร็ว ฉันใช้ผ้าขนหนูเช็ดประมานห้านาทีก็แห้งพอดีแล้ว

วันนี้ตามเซี่ยงฉิงพวกเธอมาทั้งวัน ถึงแม้ว่าไม่ได้ทำอะไร แต่ว่าใส่ส้นสูงยื่นเฉยๆ ก็รู้สึกเหนื่อยนะ

ฉันยกมือเขวี้ยงผ้าขนหนู นอนลงบนเตียงเตรียมตัวจะนอน “ประธานลู่ รบกวนปิดไฟหน่อย”

ไฟในห้องนอนมือลงทันที ฉันรู้สึกได้ถึงว่าเตียงข้างๆยุบลงไป วินาทีต่อมา ลู่จือสิงก็ยื่นมือมา

ฉันรู้ตัวเลยเอามือบังมือเขาไว้ แต่มือเขาแค่ยื่นมาดึงฉันเข้าไปในอ้อมกอด ใช้คางล็อกหัวฉันไว้ “ซูยุ่น”

“อื้ม?”

ฉันรู้สึกง่วง เเค่กระหึ่มเบาเบากลับ

“คุณภรรยา”

เขาเปลี่ยนสรรพนามในการเรียก ฉันเเค่หื้มเบาเบา

ลู่จือสิงเรียกชื่อฉันตามหลังมาอีกฉันตอบไปตอบมาก็หลับลงไปเลย

ไม่ใช่วันหยุด ต้องทำงาน

เซี่ยงฉิงไปฮันนีมูนแล้ว โปรเจกต์ของบริษัทจินเฉิงเริ่มขึ้นเดือนกว่าแล้ว ถึงช่วงเวลาที่ยุ่งที่สุดแล้ว

ฉันพึ่งจัดเอกสารเสร็จ ติงหยวนเรียกฉันกระทันหัน “ซูยุ่น เข้ามานี้หน่อย”

ฉันชะงักไปสักพัก แล้วตอบกลับ ปิดหน้าจอโน้ตบุ๊ค เอาสมุดจดบันทึกแล้วเข้าไปที่ห้องทำงานเขา

ฉันเคาะประตู คิงหยวนเรียกฉันเข้าไป

ฉันดันประตูเข้าไป ตอนที่เห็นลู่ป่ายถง ฉันพึ่งจะนึกขึ้นได้ เรื่องเมื่อเดือนก่อนที่เขาพูดกับฉัน

“ซูยุ่น คุณชายลู่ ไม่ต้องให้ฉันแนะนำแล้วมั้ง?”

ฉันยิ้มเก้อๆ”ประธานลู่”

อยู่ในบริษัทยังไงก็เรียกเขาพี่ชายคงดูไม่ดีเท่าไหร่

ลู่ป่ายถงพยักหน้ารับ”ครั้งนี้ฉันมาเพื่ออะไร ฉันเชื่อว่าเธอก็รู้แล้ว”

“ฉันรู้ เดิมคิดว่าจะพูดกับผู้จัดการติงสองสามวันนี้ แต่ดันลืมไปก่อน”

“ยังจำได้ก็ดี เธอยุ่งขนาดนี้ ฉันละกลัวเธอลืม”

เขากำลังล้อฉัน ฉันรู้สึกอายนิดๆ

ติหยวนที่อยู่ข้างๆเสริม”ถ้างั้นซูยุ่นรู้เรื่องแล้ว ฉันก็ไม่พูดอะไรมากมายแล้ว ประธานลู่อยากให้เธอเป็นผู้รับผิดชอบกิจกรรมทั้งหมดในครั้งนี้ ซูยุ่น โปรเจกต์ทางเมืองJเธอก็ทำจบไปแล้ว โปรเจกต์ของบริษัทจินเฉิงเสี่ยวซินเป็นผู้ดูแลอยู่ ถ้าเธอไม่มีปัญหาอะไรละก็ เราก็ตัดขั้นตอนที่ไม่สำคัญไปเลย ”

ขั้นตอนที่ไม่สำคันที่พูดคือ การ”แนะนำ” ที่ไม่มีความหมายอะไรเลย

ลู่ป่ายถงเข้ามาหา แน่นอนว่าถ้าฉันไม่มีปัญหา ก็เซ็นสัญญาได้เลย

และแน่นอน ฉันไม่มีปัญหาหาใดใดอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้เกิดการเข้าใจผิดลู่ป่ายถงนิดหน่อย คำขอโทษยังค้างคาใจมาโดยตลอด แต่ว่าเรื่องทั้งหมดก็ผ่านไปแล้ว มาพูดถึงตอนนี้ ก็ยากที่จะเอ่ยปากขึ้นอีก ดังนั้นกิจกรรมครั้งนี้ฉันต้องรับเป็นอย่างแน่นอน

“ฉันไม่มีปัญหาอะไร ประธานลู่?”

เขายิ้มแล้วมองมาทางฉัน “ไม่มีปัญหา งั้นเราเซ็นสัญญาร่วมงานเลย”

นี้เป็นครั้งแรก ที่ฉันเซ็นสัญญาร่วมงานได้เร็วขนาดนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้