ลู่จือสิงยืนถือถุงใบหนึ่งอยู่ที่หน้าประตู พอสบตากับฉันแววตาของเขาก็เข้มขึ้นทันที
ฉันรีบดึงกระโปรงขึ้นโดยอัตโนมัติ แต่กระโปรงทำงานเป็นทรงแคบแถมยังเปียกแบบนี้จึงยิ่งดึงขึ้นยาก ฉันพยายามดึงอย่างสุดชีวิต ทว่าวินาทีถัดมาก็ได้ยินเสียงผ้าขาดดัง “แควก...”
ฉันหน้าชาทันที ในขณะที่ลู่จือสิงปิดประตูแล้วเดินเข้ามา
เขาวางถุงในมือลงบนพื้นแล้วดิ่งเข้ามาหาฉัน จนฉันต้องรีบดึงผ้าห่มที่อยู่บนเตียงมาพันตัวไว้ “คุณ...”
ลู่จือสิงยกมือขึ้นดึงเนคไทโดยไม่พูดอะไร ในแววตาสีเข้มนั้นดูราวกับมีไฟลุกโชน
ฉันคุ้นเคยกับสายตาแบบนี้ของเขาดี แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อกระโปรงของฉันขาดไปแล้ว ตอนนี้ถึงอยากหนีก็หนีไม่พ้น
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ เพราะวินาทีต่อมาเขาก็คว้าทั้งฉันและผ้าห่มโยนลงไปบนเตียง
“ลู่จือสิง ตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะ...”
เขาล็อกมือฉันไว้แล้วดึงผ้าห่มออกโดยไม่ฟังฉันเลยสักนิด แถมกระโปรงของฉันขาดไปแล้วจึงทำให้เขาทำอะไรได้ง่ายขึ้น
“ลู่จือสิง! ฉันกำลังโกรธ!”
เขาตะคอกอย่างเย็นชา “ฉันก็โกรธเหมือนกัน ซูยุ่น” เขาพูดและหยุดไปนิดหนึ่งก่อนจะพลิกตัวฉันคว่ำลง จากนั้นจึงฉีกเสื้อเชิ้ตของฉันออก “และจุดจบความโกรธของฉันก็รุนแรงมาก”
คำพูดไร้เหตุผลของเขาทำให้ฉันโกรธยิ่งกว่าเดิมจนน้ำตาที่กลั้นเอาไว้พลันไหลออกมา “ลู่จือสิง คุณไม่คิดว่าตัวเองทำเกินไปหน่อยเหรอ คุณเพิ่งทำร้ายจิตใจฉันไปแบบนั้น... ฮือ... มันเจ็บ!”
ฉันรู้สึกแย่มากๆ เมื่ออยู่ๆ เขาก็เข้ามาจากด้านหลังอย่างไม่ให้ทันตั้งตัวใดๆ
ลู่จือสิงกดตัวลงมาคร่อมฉันไว้ แล้วโน้มศีรษะลงมาข้างหูของฉันก่อนจะตอบว่า “ฉันไม่คิดว่าตัวเองทำเกินไปเลย”
ขณะที่พูด อยู่ๆ เขาก็ตีลงมาที่สะโพกของฉันหนึ่งที
แปะ! ฉันงงงวยไปหมดและเริ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวด ฉันพยายามต่อสู้ดิ้นรน แต่เขาตรงเข้ามาโอบฉันไว้แล้วโน้มศีรษะลงมาหยุดคำพูดของฉันที่อยากจะด่าทอเขา
น้ำตาของฉันไหลลงมาไม่ขาดสายเพราะไม่เคยรู้สึกน้อยใจมากเท่านี้มาก่อน ลู่จือสิงหยุดไปชั่วขณะ เขาจูบซับน้ำตาบนใบหน้าของฉันพลางถามว่า “ร้องไห้ทำไม”
“คุณรังแกฉัน!”
เขาเสียงดังใส่ฉัน “เธอก็รู้ไม่ใช่หรือ? คอยดูว่าหลังจากนี้เธอจะยังเชื่อใจฉันไหม”
“แล้วที่คุณแสดงออกเมื่อกี้นี้ฉันควรเชื่อคุณไหม? คุณไม่แม้แต่จะพูดอะไรสักคำ!”
ฉันพยายามจะหลบหนีจากเขา แต่เขายื่นมือมารวบเอวฉันไว้ “สายตาของเธอมันฟ้องว่าเธอไม่เชื่อว่าฉันจะเชื่อใจเธอ”
“คุณไม่ถามอะไรเลย แค่พาจ้าวชิงหราน... อา!”
ทันใดนั้นเขาก็เริ่มออกแรงอีกจนร่างกายของฉันสั่นสะท้าน การรุกรานของลู่จือสิงยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนฉันพูดอะไรต่อไม่ได้ ทำได้แค่ใช้สองมือจับผ้าปูที่นอนไว้แน่น
จนกระทั่งเราทั้งคู่ต่างบรรลุถึงจุดสูงสุด ลู่จือสิงจึงลุกออกจากตัวฉันแล้วใช้มือข้างหนึ่งกดฉันลงบนเตียง “วันนี้ฉันขอให้จ้าวชิงหรานมาหาก็เพราะมีธุระจะคุยกับเธอ”
ตอนแรกฉันคิดว่าลู่จือสิงจะมีคำอธิบายอะไรบ้าง แต่ไม่คิดว่าเขาจะพูดเพียงแค่นี้ จึงยกมือขึ้นปัดมือเขาออก ตั้งใจจะลงไปจากเตียงแต่กลับถูกเขาฉวยกลับไปอีก “ซูยุ่น เธอไม่มีความอดทนเลยหรือไง? ใครสอนให้เธอคุยแค่ครึ่งๆ กลางๆ?!”
ฉันมองเขาแล้วหัวเราะเยาะ
เขาไม่ตอบฉันและพูดต่อไปว่า “จ้าวชิงหรานไม่ใช่ธรรมดาๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่เพื่อน ฉันคงจัดการเธอไปนานแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หากได้พบเจออีก ฉันอาจจะลืมเธอได้