ร่างบางรีบขับรถไปโรงพยาบาลทันทีเมื่อรู้ข่าวของเพื่อนรัก ฉันรีบจอดรถก่อนวิ่งไปยังห้องโถง พลันสายตากลับมองไปเห็นดิกสันที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ด้านนอกของระเบียงทางเดิน มือหนาบี้ก้นบุหรี่ทิ้งเมื่อสังเกตเห็นฉัน พลางเอ่ยเสียงเรียบ “ตอนนี้ซัมเมอร์ปลอดภัยแล้ว แต่ว่าคนที่ขับรถคนนั้นคือคนที่เธออยากเจอมาโดยตลอด”
ฉันถามกลับเพื่อความแน่ใจ “อย่าบอกนะว่าเป็นชาร์ลส คอนเนอร์?”
แต่ดิกสันรู้ได้อย่างไรว่าซัมเมอร์สนใจในตัวชาร์ลสกันล่ะ?
ร่างสูงไม่ตอบทว่าถามฉันกลับ “คุณตรวจสอบเรื่องของชาร์ลสเพื่อซัมเมอร์เหรอ?”
แคโรพยักหน้าตอบ ดิกสันเป็นคนฉลาด เขารู้ถึงความตั้งใจของซัมเมอร์ได้โดยไม่ต้องเอ่ยปากถาม เสียงเข้มเอ่ย “ผมคิดว่าเธอวางแผนเรื่องนี้เอาไว้แล้ว และยอมเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอันตรายเพียงเพราะต้องการจะแก้แค้น! เพื่อต้องการก้าวเข้าไปในตระกูลคอนเนอร์ เธอถึงกับเสี่ยงชีวิตของตัวเองแลกกับการจับตัวชาร์ลสให้อยู่หมัด”
คำพูดของดิกสันทำให้รู้ว่าเขาเองก็คงกำลังคิดโยงสถานการณ์ตรงหน้ากับการตายของโจเซฟ ซึ่งมีแค่เราและอีกไม่กี่คนที่คิดแบบเดียวกัน
ดิกสันรู้ว่าซัมเมอร์จะไม่มีวันปล่อยให้ตัวการของเรื่องลอยนวล
ร่างเล็กจ้องมองร่างสูงพลันขมวดคิ้ว “แล้วชาร์ลสล่ะ?”
ชาร์ลสชนแล้วหนีไปเหรอ?
“หมอนั่นทิ้งเลขาไว้ที่นี่แทน”
ฉันยังคงตกใจกับการกระทำของซัมเมอร์ ทว่าก็อยากรู้ว่าเพื่อนสนิทคนนี้จะทำอย่างไรต่อ “ดิกสัน คุณคิดว่าซัมเมอร์จะทำยังไงต่อหลังจากนี้?”
ชาร์ลสไม่มีทางลงมาดูดำดูแดงรับผิดชอบคนป่วยแบบซัมเมอร์เพียงเพราะอุบัติเหตุเช่นนี้เป็นแน่
มุมปากของดิกสันยิ้มเหยียดพลางเอ่ยหนักแน่น “คงได้เวลาต่อรองกันอย่างจริงจังแล้ว”
ฉันไม่เข้าใจเกี่ยวกับโอกาสในการต่อรองที่ว่า จึงเลือกเดินไปดูอาการของซัมเมอร์แทน ภาพที่เห็นตรงหน้าทำนัยน์ตาฉันรื่นน้ำ ซัมเมอร์ยังไม่สลบอยู่ นอกจากใบหน้าแล้ว ส่วนอื่นของร่างกายล้วนปกคลุมไปด้วยเผือกพร้อมโดนดามไว้เกือบทุกจุด ฉันมองเธอด้วยความเจ็บปวด
ชีวิตของซัมเมอร์นั้นช่างยากลำบาก เธอรอคอยโจเซฟมาตลอดชีวิต เมื่อเธอรู้ว่าเขายังมีชีวิต กลับมีใครบางคนดับความหวังของเธอลงอย่างเลือดเย็น เธอไม่เหลืออะไรอีกแล้วในชีวิต
หัวใจของเธอยังคงเต้นอยู่เพื่อรอวันแก้แค้นให้โจเซฟเท่านั้น
ทว่าตอนนี้ ความจริงเรื่องการตายของโจเซฟก็ยังไม่เปิดเผย
ฉันเดินเข้าไปนั่งตรงเก้าอี้ข้างเตียง ก่อนหันไปพูดกับดิกสัน “คุณกลับไปทำงานก่อนเถอะ ฉันจะอยู่ดูเธอเอง”
“คุณอยู่คนเดียวได้ซักพักได้ใช่ไหม?” เขาถามอย่างเป็นห่วง
“ได้สิ ถ้าเธอฟื้นแล้ว เดี๋ยวฉันจะกลับบ้านเอง”
เมื่อร่างสูงเดินออกไป ซัมเมอร์ก็ตื่นก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ทว่ายามที่เธอเห็นฉัน สายตานั้นกลับแปรเปลี่ยนเป็นสิ้นหวังทันตา
แคโรคิดว่าคนที่เพื่อนเธออยากเจอคงเป็นชาร์ลส เพราะนี่เป็นโอกาสเดียวที่ซัมเมอร์จะได้ใกล้ชิดผู้ชายคนนั้น
ฉันเดาความคิดของซัมเมอร์ก่อนเอ่ย “เลขาของชาร์ลสอยู่ด้านนอกนั่น”
ได้ยินแบบนั้นซัมเมอร์ก็ผ่อนลมหายใจออกมาพลางยิ้มเบา ๆ “ก็ยังดีที่เขาไม่ได้ใจดำขนาดนั้น”
ใบหน้าของซัมเมอร์ซีดเผือดราวกับวิ่งผ่านความตายมาอย่างนั้น ฉันขบริมฝีปากก่อนถามด้วยความเป็นห่วง “มันคุ้มค่าเหรอ? เธอต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงขนาดนี้เลยเหรอไง?”
“มันไม่เกี่ยวว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม แต่มันเป็นสิ่งที่ฉันต้องทำแค่นั้น”
ซัมเมอร์ตอบเสียงเรียบนิ่ง
ฉันไม่อยากเข้าไปยุ่งกับการตัดสินใจของเธอ แต่การกระทำวันนี้มันอันตรายเกินไป
ฉันกลัวว่าเธอจะดำดิ่งกับการแก้แค้นจนลืมความสำคัญของการมีชีวิตอยู่ “เธอจะเข้าใกล้ชาร์ลสด้วยวิธีไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่เอาตัวเองไปเสี่ยงตายแบบนี้! ซัมเมอร์ ผู้ชายเป็นเพศที่ตั้งการ์ดพร้อมสู้เสมอ และพวกเขาชิงชังผู้หญิงที่เต็มไปด้วยมารยาเหล่เหลี่ยม เธอจะต้องไม่ท้าทายเขา ไม่งั้นวันหนึ่งเกิดเขาหมดความอดทนขึ้นมา ฉันกลัวว่าจะไม่มีใครปกป้องเธอได้นะสิ”
“ฉันรู้ขีดจำกัดของตัวเอง” ซัมเมอร์ตอบเสียงเรียบอีกครั้ง
ฉันไม่ได้พูดอะไรอีกหลังจากนั้น
มันไม่มีประโยชน์ที่จะมาถกเถียงกันเรื่องนี้ ฉันดูอาการซัมเมอร์อีกพักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเดินออกมาเพื่อให้เธอพักผ่อน
ขาเรียวก้าวเท้าเดินลงบันไดไปเรื่อย ๆ จนถึงล็อบบี้ของโรงพยาบาล ก่อนจะสังเกตเห็นใบหน้าอันคุ้นเคยของใครบางคน
เธอคนนั้นคือเกวน และฉันไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่อีกเป็นครั้งที่สอง
ดูเหมือนว่าเธอมาทำธุระอะไรบางอย่างมากกว่ามาเยี่ยมใคร
ตอนแรกฉันไม่คิดจะใส่ใจเธอ ทว่าเมื่อเห็นเธอคุยกับหมอคนหนึ่งด้วยท่าทางจริงจังทำให้ฉันชะงักก่อนจะหาที่หลบแอบดูเธอ พอเกวนหันหลังจากไปฉันก็พุ่งตอนออกมาแล้วเดินไปถามข้อมูลจากหมอทันที “หมอคะ ช่วยอะไรฉันซักอย่างแล้วฉันจะจ่ายห้าแสนดอลลาร์! ฉันแค่ต้องการความช่วยเหลือและมีแต่คุณเท่านั้นที่ทำได้!”
แต่หมอกลับปฏิเสธ “ขอโทษนะครับ แต่มันเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ผมทำไม่ได้จริง ๆ”
“ยัยนั่นวางแผนจะทำอะไรอีกล่ะ?”
ริมฝีปากบางเม้มแน่นก่อนจะเดินออกมาจากล็อบบี้ ฉันหยุดยืนจ้องมองเกวนที่กำลังก้าวขึ้นรถตาไม่กระพริบ พลันหมุนตัวกลับเข้ามาในโรงพยาบาลเพื่อตามหาหมอคนนั้นอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้กลับเจอหมออีกคนโชคดีที่เขาเป็นเพื่อนของหมอที่เป็นเข้าของไข้ฉัน
ฉันถามเขาด้วยเสียงสุภาพ “เธอขอให้พวกคุณช่วยเรื่องอะไรเหรอคะ?”
อีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างเปิดเผย “เธอต้องการข้อมูลสูติบัตรของคุณครับ”
เกวนอยากรู้ข้อมูลในสูติบัตรของฉันไปทำไม?!
แล้วฉันเกิดที่โรงพยาบาลนี้เหรอ?
คิ้วสวยขมวดเป็นปม “เธอจะเอามันไปทำอะไร?”
ทว่าหมอกลับไม่ตอบคำถามของฉัน ฉันจึงเอ่ยขอสูติบัตรของตัวเองเช่นกัน หากฉันที่เป็นถือสิทธิ์อย่างถูกต้องขอร้องละก็ ย่อมได้มันมาอย่างง่ายดายอยู่แล้ว
ฉันเก็บเอกสารทั้งหมดไว้ในกระเป๋าก่อนจะขับรถกลับบ้าน
แต่เมื่อก้าวเท้าเข้าบ้านกลับได้รับสายจากชัคเสียก่อน
ปลายสายรายงาน “ประธานชอว์ ผมพึ่งกลับมาถึงเมืองอู๋ ปัญหาที่เกิดขึ้นที่เมืองเอได้รับการแก้ไขแล้วเรียบร้อย และเป็นอย่างที่คิดครับ เจนนิเฟอร์ เยล โดนตัดสินจำคุก ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เจอจะอยู่ในนั้นไปอีกสามเดือน! รวมทั้งหุ้นของตระกูลเยลที่ล่วงลงอีกเจ็ดเปอร์เซ็นต์เมื่อเช้านี้ นายท่านของตระกูลเยลพึ่งโทรมาขอโทษเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นไปเมื่อครู่ และยังมีอีกหนึ่งเรื่องที่ผมอยากให้คุณรู้”
ท่านประธานของตระกูลเยลเป็นชายที่ซื่อตรง ซื่อสัตย์และน่าเชื่อถือ เวนดี้คงจะเข้าหาพ่อของเธอไม่ติดแน่ ๆ เพราะครั้งนี้คำขอโทษของพ่อเธอคงไม่มีผลอะไรกับฉัน
มือเรียวหยิบเอกสารที่ได้จากโรงพยาบาลออกมาพลางเอ่ย “เรื่องอะไรชัค?”
“ตอนที่ผมกำลังจะเดินออกจากคฤหาสน์ตระกูลเยล ผมบังเอิญไปเห็นการถกเถียงกันระหว่างเวนดี้กับเจนนิเฟอร์ที่สวนด้านหลัง เจนนิเฟอร์ถามเวนดี้ว่าทำไมหล่อนถึงเอาโทรศัพท์ตัวเองมาใส่ในกระเป๋าของเธอ หรืออีกนัยหนึ่ง เวนดี้พยายามยัดเยียดข้อกล่าวหาให้เจนนิเฟอร์โดยสัญญาว่าจะยกหุ้นของตระกูลเยลให้เจนนิเฟอร์หากเธอยอมเป็นแพะรับบาป”
ฉันเดาถูกจริง ๆ สินะ ตัวปัญหาของเรื่องก็คือเธอเลยเวนดี้
เพราะเธอไม่คิดว่าฉันจะมุ่งไปที่คฤหาสน์ตระกูลเยลด้วยตัวเอง ทำให้เธอไม่ได้เตรียมตัวรับมือหรือแม้กระทั่งซ่อนโทรศัพท์ และไม่คิดว่าฉันกับเลขาจะอดทนรออยู่แถวนั้นเพื่อจับเธอโดยเฉพาะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัวใจ ฉัน เป็น ของ เธอ