ฉันรู้ว่าตัวเองพูดแบบขอไปที...
แต่มันเป็นความจริงที่ฉันกับแลนซ์ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอะไรแบบนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะรักฉัน หรือเคยถามเพื่อให้ฉันเปลี่ยนใจ
เขาบอกว่าตัวเองสามารถรอฉันได้ทั้งชีวิต
มันทำให้ฉันเข้าใจเลยว่าลอเรน กรีน จะเจ็บปวดขนาดไหน
เราทั้งคู่ต่างไม่พูดอะไรกันอีก จนกระทั่งฉันขับรถมาส่งเธอที่บ้านเพื่อน
แคโรจอดรถก่อนจะหยิบร่มคันหนึ่งออกมาให้ลอเรน เธอรับมันไว้พลางเอ่ยขอบคุณ พลันใบหน้าสวยนั่นกลับสลดขึ้นมาอีกครั้ง “ฉันขอโทษที่รบกวนเธอนะ ฉันแค่ต้องการคุยกับใครซักคน”
ความจริงแล้วลอเรนไม่ได้ทำอะไรผิดเลย คนที่ผิดคือฉันต่างหาก
เมื่อเห็นว่าลอเรนรู้สึกแน่ขนาดไหน ฉันก็เอื้อมมือไปจับข้อมือของเธอไว้ พลางเอ่ยเสียงเบา “ฉันไม่สามารถบังคับแลนซ์ได้ แต่ฉันสัญญาว่าจะไม่เข้าใกล้เขาอีก”
ลอเรนกลับส่ายศีรษะเร็วควันเมื่อฉันพูดแบบนั้น “ฉันไม่ได้ขอให้เธอทำแบบนั้น...”
มือเรียวจับที่ไหล่ทั้งสองข้างของเธอไว้ ก่อนเอ่ย “ลอเรน”
ดวงตาแดงเรื่อยอมสบตากับฉัน
“ฉันเคยรักดิกสันมากจนกระทั่งมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาปั่นหัวจนทำให้ฉันหึงเขาแทบบ้า” ฉันเล่า
ฉันไม่ได้พูดส่งเดช แต่เกวน เวิร์ท แทบทำให้ฉันบ้าจริง ๆ
“แคโรไลน์ ฉันไม่ได้อิจฉาเธอแบบนั้น”
ฉันพยักหน้า “ฉันเชื่อเธอ แต่ฉันเข้าใจความรู้สึกของการที่โดนคนอื่นเข้ามาแทรกกลางระหว่างเราและคนที่รักได้ดี”
เพราะฉันเคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกัน ฉันเข้าใจดีเลยล่ะว่าตอนนี้ลอเรนรู้สึกยังไง ลอเรนกางร่มพลันลุกยืนขึ้นพร้อมน้ำตาที่ไหลรินออกมา
ฉันพูดในสิ่งที่ต้องพูดไปหมดแล้ว และไม่นานก็ได้รับสายจากแอนดรู ชอว์ ปลายสายขอพบฉัน แต่เอาเข้าจริงฉันก็ไม่อยากจะไปเจอเขาในสภาพอากาศแบบนี้ ทว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนบ่ายยังคงวนเวียนอยู่ในใจ ดังนั้นจึงตอบไป “รอฉันอยู่นั่น ฉันจะไปถึงในอีกชั่วโมง”
ร่างบางขับไปตามถนนช้า ๆ เนื่องจากฝนที่ตกหนักจนมองแทบไม่เห็นทาง อีกทั้งสถานที่นัดที่ไกลขนาดนี้ ทำให้ต้องใช้เวลามากกว่าชั่วโมงกว่าจะมาถึง
มันคือเมืองเล็ก ๆ นอกเมืองอู๋ แคโรจอดรถไว้ในตรอกแห่งหนึ่งเพื่อรอแอนดรู ทว่าจนแล้วจนเล่าอีกฝ่ายก็ไม่ปรากฏตัวซักที
ฝนเริ่มตกหนักขึ้นจนมองไปเห็นภายนอก แต่ก่อนที่ความอดทนจะหมดลง ก็มีมือของใครบางคนเคาะลงที่กระจกรถเสียก่อน
เธอเป็นแค่เด็กสาว
ทำไมถึงมีเด็กสาวมาเดินอยู่คนเดียวในคืนที่ฝนตกหนักแบบนี้?
ข้างนอกนั่นเปียกแฉะเกินกว่าจะเปิดกระจก อีกทั้งฝนยังตกหนักจนกลบเสียงภายนอกไปหมด เด็กสาวพยายามพิมพ์ข้อความลงบนโทรศัพท์มือถือด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกข้างก็พยายามประครองร่มไม่ให้หยาดน้ำเหล่านั้นโดนตัวเธอมากไปกว่านี้ เธอยื่นหน้าจอมาใกล้ ๆ กับกระจก : “ขอโทษ แต่ฝนตกหนักมาก และฉันเดินมานานกว่าสองชั่วโมงแล้ว คุณช่วยไปส่งฉันที่บ้านได้ไหม?”
สาบานเลยว่าฉันไม่ใช่คนดีขนาดนั้น
อีกทั้งโลกนี้ก็ไม่ได้สวยงามและน่าอยู่อย่างที่คิด
ฉันกลัวว่าตัวเองจะตกอยู่ในอันตรายหากเปิดประตูออกไป แต่เด็กคนนั้นก็ไม่ยอมไปไหนเสียที
ความรู้สึกลำบากใจกลับมาอีกครั้ง
ฉันพยายามกดโทรออกหาแอนดรู ทว่าปลายสายกลับไม่ว่างรับ ฉันจึงตัดสินใจขับรถออกมาจากตรอกนั่น
ฉันขับห่างออกมาจากที่นั้นประมาณสิบเมตร วิวภายนอกเริ่มเปลี่ยนไป แต่ทว่าเด็กคนนั้นยังคงยืนมองฉันอยู่ที่เดิม ฉันถอนหายใจก่อนจะหักพวงมาลัยกลับไปยังจุดเดิม มือบางกดปุ่มเปิดประตูฝั่งข้างคนขับก่อนจะตะโกนแข่งกับเสียงฝน “ขึ้นมา บ้านของเธออยู่ที่ไหน? ฉันจะขับไปส่งเธอเอง”
พลันในจังหวะที่ฉันเปิดประตู ร่างของเด็กสาวก็กอดตัวเองไว้ก่อนจะส่งเสียงกรีดร้องออกมา ทันใดนั้นกลุ่มคนมากมายต่างพากันพุ่งออกมาจากตรอกซอย ชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ต่างลากฉันออกจากรถพร้อมยึดกุญแจของฉันไป ท่ามกลางสายฝนเปียกชื้น ร่างทั้งร่างของฉันเริ่มสั่นสะท้าน
ฉันจ้องมองไปยังเด็กสาวคนนั้นด้วยความโกรธ เธอมองฉันกลับด้วยความหวาดกลัว “ฉันไม่ได้ตั้งใจ พวกเขาบังคับฉัน พวกเขาขู่ว่าจะข่มขืนฉันถ้าฉันไม่ทำ”
ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของเธอ
เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง
เธอทำเพื่อปกป้องตัวเอง
พวกเขาจับฉันยกขึ้น ก่อนชายที่ดูเหมือนหัวหน้าจะเดินเข้ามาใกล้ “แกมาหาไอ้แอนดรูใช่ไหม?”
ทำไมเขาถึงรู้จักแอนดรูล่ะ?
หรือว่าพวกเขาเป็นคู่อริกัน?
ฉันไม่ควรบอกอะไรคนพวกนี้
แคโรส่ายศีรษะ “ไม่ ฉันไม่รู้จักเขา”
ชายตรงหน้าเบนสายตามามองฉัน พลันหันกลับไปมองที่รถพร้อมรอยยิ้มเหยียด “จุ๊ จุ๊ นี่มันโรลส์ รอยซ์รุ่นล่าสุดนี่หว่า แจ่มใช่เล่นเลย แกคงจะกระเป๋าหนักมากซิท่า ฉันอยู่ในวงการนี้มานาน กฏบอกว่าเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เราควรจะอยู่ห่างจากพวกคนรวยเอาไว้ อันที่จริงฉันควรปล่อยแกไป แต่มันเกี่ยวกับไอ้แอนดรูเนี่ยสิ เพราะฉะนั้นช่างหัวกฏมันปะไร ฉันจะฆ่ามัน! ถ้ามันไม่ยอมออกมา ฉันก็ทิ้งเศษกระดูกของแกไว้เป็นมันดูต่างหน้าแล้วกัน”
คนคนนี้มีใบหน้าที่ดุร้าย ทั้งคู่ดูเหมือนจะเป็นศัตรูตัวฉกาจของกันและกันมาแต่ชาติปางก่อน ฉันเลือกที่ตะเงียบไม่กระโตกกระตากโวยวาย ฉันกลัวจนแทบคุมสติไม่อยู่
ชายร่างยักษ์ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาแอนดรู ทว่าอีกรอบเดิม ปลายสายยังคงไม่ว่างรับ มือหนากดวางสายอย่างฉุนเฉียวก่อนจะตบหน้าฉันดังฉาด “มันกำลังโทรคุยกับใคร?”
ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวและเริ่มมึนเพราะแรงตบ ตลอดชีวิตฉันไม่เคยมีใครทำกับฉันแบบนี้ มือหนายกขึ้นมาจะตบฉันอีกครั้ง ทว่ากลับมีรถคันหนึ่งพุ่งเข้ามากลางวงเสียก่อน ฉันหันไปมองก่อนจะพบว่าเป็นลอเรนที่เดินลงมาจากรถ
เธอตวาดลั่น “หยุดเดี๋ยวนี้!”
“ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?” ถามถามด้วยความประหลาดใจ
ฉันไม่รู้ว่าลอเรนได้ยินคำพูดของฉันไหม เธอเดินเข้ามาใกล้ท่ามกลางสายฝนที่ไม่มีทีท่าจะเบาลง “ฉันขอโทษนะคะ พี่แคโรไลน์”
เธอเอาแต่พูดขอโทษตลอดทั้งคืน
เธอทำอะไรผิด
หรือเธอแค่เวทนาฉัน
มันทำให้ฉันนึกถึงตัวเองในช่วงวันเวลาเหล่านั้นขึ้นมา
และทำให้ฉันเศร้ารวมทั้งรู้สึกผิดต่อลอเรน
ไอ้หัวโจ๊กตะโกนเสียงดุใส่ลอเรนอีกครั้ง “แกเป็นใคร? เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแก ไสหัวไปซะ ไม่งั้นล่ะก็...”
ลอเรนหยุดนิ่งพลางกระตุกยิ้ม “ฉันแจ้งตำรวจไปแล้ว แกนะสิที่ต้องไสหัวไป ไม่งั้นล่ะก็...”
การถูกเหยียดหยามจากผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนเดียวทำให้เหล่าชายฉกรรจ์คลุ้มคลั่งพยายามที่จะเข้ามาจับตัวเธอ ทว่าลอเรนกลับไวกว่าทีคิด ราวกับเธอสู้เป็นอย่างนั้นแหละ ไม่นานเธอก็ล้มผู้ชายหลายคนลงด้วยหมัดและลูกเตะ ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าเธอจะมีฝีมือด้านการต่อสู้ ไม่แน่นะนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอแวะเวียนเข้าไปในสถานีตำรวจอยู่บ่อยครั้ง
ลอเรนหลบหลีกพลิกตัวได้อย่างว่องไว แต่จำนวนคนที่เยอะเกินไปทำให้เธอพลาดท่าก่อนจะถูกต่อมร่วงลงพื้น ฉันมองเห็นรอบแผลที่เกิดจากการเตะของผู้ชายพวกนั้นบนใบหน้าของเธอได้อย่างชัดเจน
แต่มันเจ็บยิ่งกว่าเมื่อเห็นเธอโดนรุมกระทืบอยู่แบบนั้น ลอเรนบาดเจ็บก็เพราะเข้ามาช่วยฉัน แคโรค่อย ๆ คลานไปหาร่างของลอเรน เธอจับมือของฉันไว้ก่อนจะเอ่ยบางอย่าง “เก้าปีก่อน แลนซ์กลับไปหาเธอ... ไม่มีใครรู้นอกจากฉัน...”
ใบหน้าของลอเรนเต็มไปด้วยบาดแผลและหยดน้ำตา “เขาอยากจะเจอเธอเพื่อแสดงให้เห็นถึงด้านที่อ่อนโยนของเขาแต่ฉันโกหก... รวมทั้งบอกให้ครูทุกคนโกหกด้วย พวกเขาบอกแลนซ์ว่าเธอลาออกแล้ว... ขอโทษนะ พี่แคโรไลน์ พวกพี่คงจะได้เจอกันไปแล้วถ้าไม่มีฉัน แต่ฉันกลัว ฉันกลัวเพราะมันเป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเขาชอบใครซักคน ฉันผิดไปแล้ว ได้โปรด ยกโทษให้ฉันด้วยเถอะ!”
ฉันอึ้งไปกับสิ่งที่ได้ยิน ทว่าฉันกลับไปสามารถส่งเสียงออกมาได้เนื่องจากความเจ็บปวดที่มาพร้อมแรงตบตีจากฝ่ามือของคนพวกนั้น
พลันดวงตาของฉันก็เบิกกว้าง ท่าทางของฉันทำให้เขาโมโห “เหอะ มีอะไรจะพูดอีกหรือไง?”
มือหยาบคู่นั้นคว้าลำคอของฉันไว้ก่อนจะกดบีบลงมา ฉันหายใจไม่ออก อากาศค่อย ๆ หมดไปพร้อมกับสติที่กำลังพร่าเลือน ฉันยังคงจ้องหน้าเขาในขณะที่ความตายกำลังคืบคลานเข้ามา
ฉันกลัวที่จะต้องตายแบบนี้
แบบที่ยังไม่ได้บอกลาดิกสันเลยซักคำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัวใจ ฉัน เป็น ของ เธอ