หัวใจ ฉัน เป็น ของ เธอ นิยาย บท 123

“คนที่ไม่อยากเห็นคุณเจ็บปวดที่สุดคือผมนะ”

ประโยคนั่นของเขาทำให้ฉันหวั่นไหว

เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเราชั่วขณะ ต่างคนต่างเงียบเพราะไม่รู้ว่าจะสรรหาคำพูดไหนมาต่อประโยคเมื่อกี้ได้ ไม่นานแลนซ์ก็พูดขึ้นอีก “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ดิกสันควรจะเป็นคนที่เข้าใจคุณมากที่สุด หรือคุณคิดไหมว่าเขากำลังเจอปัญหาอะไรบางอย่าง?”

ปัญหาเหรอ...

ดิกสันเคยพูดแล้วว่าเขาเองมีเหตุผลจำเป็น

แต่ก็พูดว่าหากเธอมาที่เมืองอู๋ เขาจะแต่งงานกับเธออยู่ดี

เพราะงั้นไม่ว่าจะเป็นเหตุผลหรือปัญหาอะไรมันก็ไม่สามารถเอามาแก้ต่างได้ในจุดนี้

ฉันส่ายหน้าให้กับคำถามของคนตรงหน้า นั่นทำให้เขาพูดย้ำ “ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกคุณ และผมก็จะไม่บังคับคุณให้พูดอะไร”

เขาหยุดพูด ก่อนเอ่ยตัดบท “แต่ผมอยากอยู่ข้าง ๆ คุณ”

จิตใจที่เคยนิ่งสงบกระตุกอีกครั้งเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น ฉันลุกขึ้นยืนพลางสบตากับแลนซ์อยู่ซักพัก และท้ายที่สุดก็เลือกตอบเขาไปเพียง “ขอโทษนะ ฉันต้องไปแล้ว”

แคโรรีบพุ่งตัวออกมาจากร้านอาหารก่อนจะขับรถกลับไปที่บริษัท เมื่อมาถึงก็สาวเท้าเดินไปหาชัคที่โต๊ะทำงานพร้อมสั่งให้เขาหาอพาร์ตเมนต์ใหม่ให้ฉันทันที

ฉันไม่อยากอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลชอว์อีกแล้ว

สภาพจิตใจของฉันหลังจากผ่านเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมาย่ำแย่กว่าเดิม ประโยคของแลนซ์ยังคงวนไปมาอยู่ในความคิดไม่เลิก

ฉันเข้าใจทุกอย่างที่เขาบอก และหากตัวเองมีความกล้าอีกสักนิดคงสามารถเดินไปบนเส้นทางเดียวกับเขาได้

ทว่าฉันทำแบบนั้นไม่ได้

ระหว่างดิกสันกับแลนซ์ ในตอนนั้นฉันตัดสินใจเลือกดิกสันเอง เพราะฉะนั้นฉันไม่สามารถหันไปกลับหาแลนซ์เพียงเพราะตัวเองเจ็บจากดิกสันได้หรอก

เพราะนั่นมันไม่แฟร์สำหรับเขา

รวมทั้งความรู้สึกที่หวั่นไหวง่ายนี้ด้วย

แคโรหมกตัวเองอยู่ในออฟฟิศตลอดทั้งวัน รู้สึกเหนื่อยใจสับสนกับความรู้สึกที่แสนยุ่งเหยิงในตอนนี้ และคิดว่าหากอารมณ์ยังไม่คงที่หรือดีขึ้นโดยเร็ว คงทำให้อาการป่วยแย่ลงกว่าเดิมเป็นแน่

พอคิดถึงเรื่องสุขภาพ ความคิดอยากจะหนีออกจากเมืองอู๋ก็ผุดขึ้นมาในหัว

มือเรียวคว้ากุญแจโรลส์ รอยซ์ คันโปรด ก่อนจะขับออกจากบริษัทไปโดยไม่บอกใครซักคน

ทว่าในขณะที่ฉันขับรถอยู่บนท่างด่วนฝั่งขาเข้าเมืองถง กลับประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เล็กน้อย มีรถคันอื่นขับมาชนท้ายรถของฉัน ทำให้การเดินทางต้องหยุดลง

ร่างบางก้าวลงมาจากรถพร้อมคู่กรณี อีกฝ่ายมองฉันด้วยแววตาตกใจปนเกรงกลัว ก่อนจะเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก “รถของคุณแพงมาเลยใช่ไหมครับ?”

ฉันรู้ว่าเขากำลังกังวลเรื่องอะไร นั่นทำให้ฉันเอ่ยปัด “ไม่เป็นไรค่ะ รถฉันมีประกัน แต่ว่าคุณช่วยส่งเรื่องพวกนี้ไปที่โฟร์เอสโชว์รูมให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ?”

เมื่อรู้ว่าไม่ต้องเสียค่าชดเชยให้ฉัน เขาจึงรีบเข้ามาช่วยเหลือจัดการให้ฉันทันที มือบางโบกเรียกแท็กซี่พลางมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองถงทันควัน แต่แทนจะแวะไปหาฌอน ฉันเปลี่ยนทิศตามหาบ้านพักสำหรับชีวิตในเมืองถงแทน

ฉันมาที่นี่ไม่บ่อยนัก ทว่าทุกครั้งที่มาก็จะติดต่อบอกฌอนและอาศัยอยู่ในที่พักของตระกูลฟล็อกชั่วคราว เว้นเสียแต่หลังจากฉันรับรู้ความรู้สึกของเขา ฉันก็เริ่มเว้นระยะห่างระหว่างเรามากขึ้น เหตุผลก็คือฉันไม่อยากปฏิบัติต่อเขาในเชิงชู้สาวหรือแค่ที่พักใจ

เมื่อหาที่พักได้ฉันก็รีบพาตัวเองเข้าด้านในพลางทิ้งตัวลงบนที่นอนทันที มือบางยกโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งให้เลขาคนสนิท “ฉันไม่ได้อยู่ที่เมืองอู๋ รบกวนช่วยดูแลเรื่องงานที่ออฟฟิศแทนฉันไปก่อนซักพักนะ”

พลันนึกอะไรบางอย่าง แล้วพิมพ์ส่งเพิ่มเติม “นายช่วยหาที่อยู่ที่แน่ชัดของควินซี่ให้ฉันได้ไหม? และถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือ ก็แอบช่วยเธออยู่ลับ ๆ ด้วย”

หนี้บุญคุณของตระกูลชอว์ในครั้งนี้ต่อควินซี่นั้นไม่สามารถลบล้างได้เลย

หลังจากกดส่งข้อความ ฉันก็กดปิดเครื่องก่อนจะโยนมันไว้ที่ไหนซักแห่งบนเตียงอย่างไม่ใส่และเดินก้าวออกจากห้องไป เจ้าของเกสเฮ้าส์มองมาที่ฉันอยู่ครู่หนึ่งพลันเอ่ยเตือน “เมืองถงตอนกลางคืนน่ะอันตรายนะ ผู้หญิงสวย ๆ อย่างเธอควรจะอยู่ในห้องดีกว่า”

เท้าเล็กชะงักแล้วหันไปถาม “เมืองถงอันตรายเหรอคะ?”

เท่าที่จำได้ เมืองนี้เจริญรุ่งเรืองมากและก็คึกคักเต็มไปด้วยร้านรวงอยู่ตลอดเวลา

เมืองที่เจริญแล้วควรจะเป็นที่ที่ปลอดภัยสิ

เจ้าของที่พักยังคงยิ้ม “จะยืนยันว่าอันตรายเลยก็คงไม่ได้ แต่ถ้าสาวสวยแบบเธอเดินไปเตร็ดเตร่มันก็ไม่แน่”

ฉันพยักหน้าเข้าใจ พลางบอก “ฉันจะไม่ไปไหนไกลค่ะ”

แม้ว่าดวงอาทิตย์จะลับฟ้าแต่มันก็เป็นเพียงหัวค่ำของวันเท่านั้น แค่เดินไปหาซื้อของแถว ๆ นี้คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

ฉันเดินไปที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ที่พักเพื่อซื้อของใช้ส่วนตัว รวมทั้งเสื้อผ้าจำนวนหนึ่งไว้ใช้ซักเปลี่ยนในระหว่างอยู่ที่นี่ เมื่อก้มมองดูนาฬิกาแล้วพบว่ามันยังไม่ดึกเท่าไหร่ ฉันเลยเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปดูหนังที่ชั้นบนต่อ

หนังที่เลือกดูเป็นแนวตลกขบขัน ทว่ากว่าจะจบก็ดึกมากแล้ว ฉันเดินออกมาโบกแท็กซี่ข้างทาง แต่คนขับหาตำแหน่งของเกสเฮ้าส์ไม่เจอและทิ้งฉันลงบริเวณใกล้ ๆ ที่พักแทน

แคโรยืนอึ้งกับการกระทำของคนขับแท็กซี่ ฉันไม่คุ้นกับเส้นทางในเมืองถงแถมยังไม่ได้พกโทรศัพท์ติดตัวมาด้วย แล้วจะให้ฉันหาทางกลับที่พักยังไงเนี่ย

ฉันเดินวนอยู่แถวนั้นเกือบยี่สิบนาทีทว่าเดินไปทางไหนก็หาทางออกจากย่านนี้ไม่ได้ซักที จนกระทั่งเดินมาเจอสถานีรถไฟฟ้า ร่างเล็กรีบวิ่งลงไปยังทางเข้าด้านล่างแต่โถงทางเดินกลับว่างเปล่า หลงเหลือเพียงคนไร้บ้านนั่งเล่นดนตรีอยู่ไม่กี่คน

เขากำลังร้องเพลง

เพลงที่มีชื่อว่า ‘คนอย่างฉัน’

คนที่พิเศษอย่างฉัน

ควรมีชีวิตที่ไม่ธรรมดาและน่าตื่นเต้น

ทว่าแม้ยี่สิบปีมาแล้ว ทำไมฉันยัง

ล่องลอยอยู่ในฝูงชนเดิม ๆ แบบนี้?

คนที่แสนจะฉลาดแบบฉัน

หันหลังให้กลับความจริงอันไปนานแล้ว

ทว่าทำไมถึงยังใช้ความรัก

เพื่อแลกกับคนที่ไม่รักเราเลย?

เสียงทุ้มต่ำที่กำลังร้องเพลงนั้นเปล่งออกมาราวกับว่าเขาผ่านเรื่องราวดีร้ายมากในชีวิต ฉันเดินอยู่ในอุโมงค์ยาวนี่พร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด

“คนอย่างฉันควรจะมีชีวิตที่โลดโผนและน่าตื่นเต้น ทำไมต้องใช้ความรักแลกกับคนที่ไม่ได้รักเราด้วยล่ะ...?”

ฉันหันกลับไปมองคนไร้บ้านคนนั้น ก่อนจะล้วงเอาเงินร้อยดอลลาร์ออกมาวางลงตรงหน้าของเขา ชายไร้บ้านยิ้มพลางเอ่ย “ขอบคุณ”

แคโรเดินออกมาจากสถานีรถไฟแล้ว ทว่าความเศร้าเมื่อครู่ยังคงหลงเหลืออยู่ ฉันใช้เวลาตามหาเส้นทางกลับไปยังที่พักอยู่นาน จนแล้วจนรอดก็พบ

ความเครียดเริ่มครอบงำทพลันเงยหน้ามองไปยังท้องฟ้ามืดหม่นที่มีเมษหนาจำตัวกันเยอะขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่กลับไปตอนนี้ มีหวังต้องเปียกซกเพราะฝนแน่ ๆ

ร่างเล็กถอนหายใจและก้าวเดินต่อ

ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเดินตามถนนมานานแค่ไหนจนกระทั่งเจอเกสเฮ้าส์ แต่ในขณะที่กำลังจะเปิดประตูรั้วเข้าไป กลับมีมือปริศนาเอื้อมมาดึงแขนของฉันไว้ก่อนจะดึงออกไปอีกทาง อุ้งมือหนาปิดปากของฉันไว้แน่น

พลันคำพูดของเจ้าของเกสเฮ้าส์ก็แล่นเข้ามาในหัวพร้อมความกลัวทันที ฉันเริ่มดิ้นแต่เขากลับใช้มือสองข้างกดแขนของฉันให้แนบลำตัวไว้แน่น ก่อนจะกระซิบเตือนเสียงต่ำ “อย่าขยับ”

เสียงของเขาต่ำและแหบพร่า

แต่ใครมันจะไปอยู่เฉยกันล่ะ ฉันใช้จังหวะที่เขาลดแรงที่แขนกัดเข้าที่อุ้งมืออีกฝ่ายเต็ม ๆ ร่างเล็กฝืนผลักตัวออกเต็มแรงทว่าชายตรงหน้าแทบไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย เสียงเข้มดังขึ้นอีกครั้ง “ถ้ายังขยับอีก ฉันตบเธอสลบแน่”

แคโรกลัวจนไม่กล้าขยับตัว

เขาถามฉัน “เธออยู่ที่นี่ใช่ไหม?”

เสียงของเขาเย็นเยียบทว่าลมหายใจกลับแผ่วเบา

“ใช่” ฉันตอบ

เสียงเข้มกดดัน “พาฉันเข้าไป”

ข้างในนั้นมีทั้งเจ้าของบ้านและแขกคนอื่น ๆ ที่เข้ามาพักอาศัย มันอาจจะปลอดภัยกว่าถ้าฉันพาเขาเข้าไป คิดแบบนั้นฉันจึงรีบตอบตกลง

มือหน้าคู่นั้นผละออกไป ราวกับไม่กลัวว่าฉันจะหนี

ไฟในโถงทางเดินที่สว่างไสวเมื่อเปิดประตูทำให้ฉันเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน

หน้าของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดแถมบนตัวก็เต็มไปด้วยรอยดินโคลน อย่างกับคนที่หนีตายมาอย่างนั้น

ใจจริงฉันอยากจะทิ้งเขาไว้แล้ววิ่งหนีไป แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายบาดเจ็บทำให้ฉันต้องถามออกไปอย่างช่วยไม่ได้ “คุณอยากให้ฉันพาไปโรงพยาบาลไหม?”

“ไม่จำเป็น ไม่งั้นพวกมันเจอฉันแน่”

ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคำว่า ‘พวกมัน’ ของเขาหมายถึงใคร หากเขาไม่ได้มีเจตนาทำร้ายฉัน ฉันก็ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ

ฉันพาเขาเดินขึ้นไปบนห้อง อาการบาดเจ็บของเขาดูร้ายแรงมาก ทำให้ฉันตัดสินสั่งซื้อผ้ากอซ ยาและอุปกรณ์ทำแผลอื่น ๆ ออนไลน์ให้มาส่งที่เกสเฮาส์แทน

นิ้วเรียวกดสั่งซื้อของไป ทว่าดูเหมือนชายตรงหน้ากลับดูไม่ใส่ก่อนจะเอ่ยบอกขอเสื้อจากฉัน ซักพักร่างสูงก็ลุกขึ้นยืนถอดเสื้อออกพลางเอาเสื้อมาซับปิดรอบแผลไว้ง่าย ๆ อย่างไม่เกรงกลัวว่าแผลจะติดเชื้อหรือไม่

เลือดที่เปื้อนหน้าทำให้ฉันมองไม่เห็นรูปลักษณ์ของเขาเท่าไหร่ แต่เขามีร่างกายที่กำยำดูดีราวกับพวกที่เข้าฟิตเนสเป็นประจำ

อย่างไรก็ตามเขามีแผลเยอะเกินไป และหากมองดี ๆ จะเห็นรอยแผลเป็นจากการถูกยิงด้วย ฉันสงสัยจริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนคนนี้ แต่เราต่างคือคนแปลกหน้า ฉันเก็บความสงสัยไว้ก่อนจะนั่งลงบนเตียง

ซักพักก็มีเสียงเคาะประตูจากด้านนอก สายตาเย็นเยียบเพ่งมองไปยังประตู ฉันรีบอธิบาย “คงจะเป็นของที่สั่งมา”

ฉันลึกขึ้นเดินไปเปิดประตูเช่นเดียวกับเขาที่ลึกขึ้นยืนเพื่อหลบหลังประตู ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะกลัวว่าจะใครรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่

เจ้าของเกสเฮ้าส์ยื่นถุงใบใหญ่มาให้ฉันก่อนเอ่ย “มันพึ่งมาส่ง คนส่งของบอกว่าเป็นของคุณชอว์”

ฉันรับมันมาและพูดขอบคุณ

เจ้าของบ้านส่ายหัวเบา ๆ “คุณสุภาพเกินไปแล้ว”

พูดจบเขาก็เดินออกไป แคโรปิดประตูแล้วหมุนตัวกลับมายื่นถุงใบนั้นให้คนเจ็บ ร่างสูงเมินเฉยพลางเดินไปเปิดบานหน้าต่าง

เขากำลังสังเกตการณ์

ฉันถามขึ้นอีกครั้ง “คุณจะไปเมื่อไหร่?”

เสียงเข้มเอ่ยนิ่ง “เร็ว ๆ นี้”

ฉันก้าวไปทางหน้าต่างบานเดียวกับเขาพลางมองวิวแม่น้ำด้านนอก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัวใจ ฉัน เป็น ของ เธอ