หัวใจ ฉัน เป็น ของ เธอ นิยาย บท 125

“ฉันแค่มาทำธุระ ไว้เจอกันครั้งหน้าแล้วกันนะ”

ฉันปฏิเสธคำชวนของฌอน และอีกฝ่ายก็จับผิดสังเกตนี้ได้ ปลายสายเงียบไปสักพักก่อนที่จะเอ่ย “ผมทำให้คุณลำบากใจใช่ไหม?”

ร่างบางก้มหน้าลงตอบเสียงเบา “เปล่าสักหน่อย”

“ผมไม่ได้คิดกับคุณแบบนั้นจริง ๆ อย่าคิดมากเลย”

ทว่าจู่ ๆ เสียงเข้มกลับเอ่ยโพล่งออกมาตรง ๆ ถึงสิ่งที่อยู่ในใจ ทำเอาฉันอึ้งไปครู่หนึ่ง อีกฝ่ายถอนหายใจและพูดต่อ “คุณคือเพื่อนสนิทของผมนะ ผมรู้ขอบเขตดี หวังว่าคุณจะไม่เครียดเกินไป”

หมอนั่นว่าฉันคิดมากไปเองจริง ๆ เหรอ?!

ฉันตอบเขากลับ “ฉันก็ไม่ได้หลงตัวเองขนาดนั้นหรอกหน่า”

“โอเค ถ้าคุณต้องการอะไรก็โทรบอกผมแล้วกัน”

“ได้ ไว้คุยกันใหม่” ฉันตอบปิดบทสนทนา

หลังจากกดวางสายก็เตรียมหันหลังเดินทางกลับไปที่โรงแรม ทว่าเมื่อถึงโรงแรมกลับเจอกับคนที่ทำให้หัวร้อนก่อนหน้านี้ยืนดักอยู่ตรงทางเดิน

ฉันพุ่งตรงเข้าไปหาเธอก่อนถาม “เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่?”

แคโรไม่เคยคิดเลยว่าแฟนเก่าของฌอนจะตามมาถึงที่นี่แถมยังพาพวกมาด้วยอีกสองคน หล่อนมองมาด้วยสายตาดูแคลนพลางหัวเราะเยาะ “เดาสิว่าฉันรู้ได้ยังไง?”

ฉันกัดฟันแน่น “เธอต้องการอะไร?”

ฉันไม่มีธุระกงการอะไรกับผู้หญิงคนนี้ แต่ทว่าอีกฝ่ายคงไม่คิดแบบนั้น

เธอเลิกกับฌอนไปแล้ว และถึงแม้ว่าฉันกับฌอนจะคบกันมันก็ไม่ใช่เรื่องของเธอเลยซักนิด

เธอตอบกลับนิ่ง ๆ “ไสหัวไปจากเมืองถงซะ”

ฉันหัวเราะออกมาทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น ฉันหัวเราะอยู่นานจนน้ำตาแทบเล็ด “ทำไมฉันต้องฟังเธอด้วย? เธอคิดว่าตัวเองสูงส่งมาจากไหนกัน?”

แฟนเก่าของฌอนทำทีท่าเหม็นเบื่อที่จะคุยกับฉัน หล่อนขมวดคิ้วพลันสั่ง “เอาโทรศัพท์กับบัตรของยัยนั่นมาซะ”

พลันคนพวกนั้นก็เข้ามาจับยึดหัวไหล่ของฉันไว้ทันควัน ฉันพยายามบิดต่อต่อต้านแต่ดิ้นยังไงก็ไม่หลุด เรียวตาคู่สวยจ้องหญิงสาวตรงหน้าเขม็งพร้อมเอ่ยขู่ “จะเอาไปก็ตามไป แต่พอฉันไม่มีอะไรเหลือฉันก็จะไปหาฌอน เดาว่าเธอคงไม่อยากให้ฌอน...”

ยังพูดไม่จบอีกฝ่ายก็สาวเท้าเข้ามาตบหน้าฉันดังฉาด ฉันค่อย ๆ เบือนหน้ากลับไปมองอย่างตกตะลึง ไม่คิดเลยว่าฌอนจะเคยคบกับผู้หญิงร้ายกาจแบบนี้

ชายสองคนรื้อค้นจนเจอบัตรประชาชนและโทรศัพท์มือถือของฉัน ก่อนจะปล่อยแขนสองข้างให้เป็นอิสระ ฉันโมโหจนคุมไม่อยู่แล้วตบหน้าหล่อนกลับอย่างแรง

มือเรียวนั่นจับลูบแก้มตัวเองด้วยความช็อค “นี่แกกล้าตบฉันเหรอ?”

ฉันจ้องกลับอย่างเชือดเฉือน “เพราะอะไรถึงคิดว่าฉันไม่กล้าล่ะ?”

คิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ทำร้ายคนอื่นได้ฝ่ายเดียวหรือไง?

สมองยังดีอยุ่หรือเปล่านะยัยคนนี้?

ผู้หญิงของฌอนล้วนแล้วไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ พวกเธอมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย แต่มองดี ๆ แล้วยัยนี่คงเป็นพวกไฮโซเลเวลต่ำ ๆ

ดีแต่กดขี่ขู่เข็ญและหาสาระไม่ได้

นอกนั้นก็จะเป็นแนวเดียวกับเวนดี้ ที่จะยืมมือคนอื่นในการสร้างเรื่องเสียเอง

พวกที่มีระดับจริง ๆ จะไม่ยอมลดตัวลงแสดงกริยาต่ำ ๆ แบบนี้ต่อหน้าสาธารณชนแน่นอน ภายนอกพวกเธอจะดูเป็นมิตรน่าคบหาและไม่รุกรานใครก่อนง่าย ๆ

ซึ่งเวนดี้ก็ไม่นับว่าเป็นพวกชั้นสูงเพราะเธอยังแสดงอาการออกมาอยู่ร่ำไป

เอาจริงฉันยังไม่เคยเจอใครที่ถือว่าเป็นคนชั้นสูงเลยซักคน

แฟนเก่าของฌอนหน้าบูดเบี้ยวด้วยความโกรธก่อนจะตะโกนขึ้นมา “จัดการมันเดี๋ยวนี้!”

คนพวกนั้นตรงเข้ามาจับตัวฉันไว้ก่อนจะใช้มือต่อยลงที่ใบหน้าพร้อมขาที่เตะลงมาตามลำตัวฉันไม่หยุด ร่างบางทรุดลงไปบนพื้นพลางขนตัวด้วยความเจ็บปวด ถุงยาที่กำแน่นมาตลอดทางล่วงล่นระเกะระกะเต็มไปหมด

ฉันยกมือขึ้นปิดป้องศีรษะของตัวเอง พวกเขายังกระทืบลงมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกระทั่งมีใครบางคนพุ่งเข้ามาซัดคนพวกนั้นให้ล้มลงกับพื้น รวมทั้งแฟนเก่าของฌอนด้วย

หล่อนล้มตัวลงบนพื้นอย่างหมดสภาพ ก่อนจะหันไปมองกลุ่มของชายในชุดสูทกับรองเท้าหนังที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นขัดขวางแผนการของเธอ “พวกแกเป็นใคร?”

พลันเบนท์ลีย์สีดำคันสวยก็แล้นเข้ามาจอดตรงหน้า ก่อนที่คนขับจะก้าวเท้าลงมา

เขารีบวิ่งไปเปิดประตูหลังด้วยท่าทางเคารพนับถือ

อย่างกับว่าบอสใหญ่ของชายชุดดำเหล่านี้คือเขาอย่างนั้นแหละ

ทันทีที่ประตูรถเปิดออก ฉันเห็นขายาวในกางเกงสูทสีดำเนื้อดีกำลังวาดขาออกมา ก่อนจะไล่สายตาขึ้นไปมองใบหน้าของชายคนนั้น

สันกรามคมที่รับกับใบหน้าหล่อเข้ม รวมทั้งสายตาที่เย็นยะเยือกยามสบตากันคู่นั้น ทุกอย่างนิ่งสนิทราวกับถูกแช่แข็ง

ร่างสูงเดินตรงเข้ามาทางฉัน ก่อนที่ชายชุดดำเหล่านั้นจะค่อมหัวให้เขาอย่างเคารพและเกรงกลัว

ขายาวก้าวเข้ามาเรื่อย ๆ จนมาหยุดอยู่ตรงหน้า ฉันจ้องมองเขาพร้อมกัดริมฝีปากไว้แน่น “ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?”

นัยน์ตาคู่คมดำขลับยังคงจ้องมาที่ฉันอย่างเงียบเชียบ ดูเหมือนเขาคงจะพูดไม่เก่งเท่าไหร่

ร่างสูงที่อยู่ตรงหน้านี้ดูหล่อเหลาผิดจากคนบ้าที่อาบไปด้วยเลือดเมื่อคืนอย่างกับคนละคน ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองได้ช่วยชีวิตคนแบบนี้

ดูเหมือนว่าเธอจะเจอกับคนมีอำนาจเข้าแล้วแคโร

ร่างสูงโค้งตัวลงมาโอบร่างของฉันขึ้นจากพื้น และฉันก็ยื่นแขนออกไปโอบรอบคอหนาอย่างไม่ลังเล

เขาอุ้มฉันขึ้นมาก่อนหันหลังก้าวออกไป ทว่าฉันรีบเอ่ยบอก “โทรศัพท์กับบัตรประชาชนของฉันยังอยู่กับเธอ”

แต่เมื่อมองดูที่พื้นกลับพบว่าพวกเขาทำลายโทรศัพท์และบัตรของฉันซะเละเลย ทำไมหล่อนถึงร้ายกาจแบบนี้นะ

คิดแล้วได้แต่ถอนหายใจ “ช่างมันเถอะ”

ร่างสูงอุ้มฉันให้เข้าไปนั่งอยู่ในรถ และตามขึ้นมานั่งที่เบาะด้านข้าง ฉันถือวิสาสะขอยืมโทรศัพท์ของเขา

บรรยากาศตอนนี้ช่างน่าอึดอัด

แม้แต่ตอนที่ขอยืมมือถือ อีกฝ่ายกลับแค่ยื่นมันมาให้โดยไม่พูดอะไรซักคำ ฉันรับมันมาก่อนจะกดโทรออกหาฌอน

ฉันเป็นคนความจำดี เพราะฉันใช้หัวใจจำมัน รอไม่นานฌอนก็รับสาย “นั่นใคร?” เขาถาม

“ฉันเอง”

ปลายสายนิ่งไปอย่างตกใจพลันตะโกนออกมา “ที่รัก โทรศัพท์คุณไปไหน?”

เนื่องจากในรถนั้นเงียบมาก ทำให้คนขับรถและคนข้างตัวของฉันได้ยินคำว่าที่รักกันหมด

“ฌอน แฟนเก่าคุณทำร้ายฉัน”

ฉันเอ่ยเสียงเรียบเพราะฉันไม่ได้เกลียดหล่อน แถมยังเคยเจอคนแบบหล่อนมาแล้วนับสิบ

ตอนที่แต่งงานกับดิกสัน ฉันก็เคยจัดการกับผู้หญิงที่อยากจะเข้ามาทำความสนิทสนมกับเขามาแล้ว แต่ฉันไม่เคยลงไม้ลงมือหรือทำร้ายร่างกายพวกหล่อนเลย

และไม่มีความจำเป็นที่จะทำแบบนั้น

พวกเธอแค่บ้าไปกับความรักที่มีต่อผู้ชายคนหนึ่ง

ศัตรูของพวกเธอไม่ใช่ฉัน

แต่เป็นใครก็ตามที่อยู่ข้างกายของชายที่พวกเธอหมายปอง

ทว่ามันก็ไม่ง่ายที่พวกเธอจะกำจัดใครออกไป

และถึงแม้ว่าฉันไม่มีเจนตาทำร้ายใคร แต่ฉันก็ไม่ปล่อยใครไว้ให้อยู่เป็นหนามยอกอกเหมือนกัน

ฌอนเงียบไปครู่หนึ่ง พลางเอ่ยเสียงเบา “ผมขอโทษ”

แคโรหันหน้าเบนสายตาออกไปมองวิวด้านนอกหน้าต่างรถ ก่อนจะพูดเสียงนิ่ง “ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้โทษคุณ แต่คุณควรจะจัดการเรื่องนี้ ฉันไม่อยากเห็นหน้าหล่อนในเมืองถงอีก”

“โอเค ผมสัญญาจะจัดการเรื่องนี้เอง”

มือเรียวกดวางสายพลางยื่นโทรศัพท์คืนให้คงข้างตัว

มือหนารับมันกลับไป พลันเอ่ย “ฌอน ฟล็อก จากตระกูลฟล็อกเหรอ?”

ฉันไม่คิดว่าเขาจะถามคำถามนี้ แต่ก็ตอบกลับไป “ใช่”

ฉันนิ่งไปพักแล้วหันมาพูดกับเขาอย่างจริงใจ “ขอบคุณที่ช่วยฉันในวันนี้จริง ๆ ฉันช่วยคุณ คุณช่วยฉัน งั้นเราก็ไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วใช่ไหม?”

ร่างสูงไม่ตอบแต่กลับถามฉันแทน “ฌอน ฟล็อก เป็นคนดังในเมืองถง”

ฉันขมวดคิ้ว “ว่าไงนะ?”

“พวกคุณมีความสัมพันธ์อะไรกัน?”

เขาถามออกมาตรง ๆ แต่ดูเหมือนจะเข้าใจอะไรผิดไปนะ

ที่จริงมันไม่จำเป็นต้องตอบอะไรเขาก็ได้ แต่ฉันไม่อยากให้ใครเข้าใจความสัมพันธ์ของฉันกับฌอนแบบผิด ๆ

ฉันคิดก่อนจะอธิบาย “เราไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันทั้งนั้น เราเป็นแต่เพื่อน แต่ยัยบ้านั้นคิดว่าฉันเป็นหนึ่งในผู้หญิงของฌอน แล้วเธอก็คอยหาเรื่องฉัน”

“แต่หมอนั้นดูอ่อนโยนกับเธอนะ” เขาพูดต่อ

ฉันถอนหายใจ “เขาเป็นแบบนั้นก็ทุกคน”

แคโรก้มมองบัตรที่ขาดครึ่งและโทรศัพท์ที่โดนกระแทกจนเละ ฉันไม่มีที่ไป จึงจำเป็นต้องตามเขากลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลชิค ทว่าฉันยังไม่รู้ชื่อเขาเลย

ฉันไม่ได้ถามและเขาก็ไม่ได้บอก

ร่างเล็กก้าวเท้าไปยังห้องนอนห้องเดิมที่ตนเดินออกมาเมื่อเช้า เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเดิมยังอยู่บนเตียงนั่น ฉันอดทนกับความเจ็บปวดก่อนจะพาร่างของตัวเองเกินก้าวเข้าห้องน้ำไป

ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา

มือเรียวจัดการติดกระดุมเสื้อให้เรียบร้อยก่อนสาวเท้าไปยังประตู ฉันเห็นชายคนหนึ่งยืนรออยู่ด้านนอกนั่น

ริมฝีปากบางยกยิ้ม พลางเอ่ย “มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?”

เขายื่นกระเป๋าในมือมาให้ฉันก่อนอธิบาย “คุณชอว์ นี่ยากับซิมการ์ดของคุณครับ คุณชิคบอกให้ผมเตรียมโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้คุณ ไม่เกินชั่วโมงครึ่งผมจะเอามาให้นะครับ”

ฉันรับกระเป๋านั่นมา “ให้ฉันเรียกคุณยังไงดี?”

“ผมเป็นเลขาของคุณชิค ชื่อรอย พาร์คเกอร์ครับ” เขาตอบ

“โอ้ ขอบคุณนะ เลขารอย”

เลขารอยพยักหน้ารับพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน “คุณชอว์ คุณควรจะขอบคุณคุณชิคมากกว่าครับ คุณเป็นผู้หญิงคนแรกเลยที่เขายื่นมือช่วยเหลือแบบนี้ คุณคงจะพิเศษสำหรับเขามาก ๆ เลย”

“คุณชิคที่ว่าหมายถึง แซคคารี่ ชิคใช่ไหม?”

ที่ฉันรู้มา มีอีกตระกูลที่ติดอันดับสูงสุดของเมืองถง นั่นก็คือตระกูลชิค

และผู้นำตระกูลตอนนี้มีชื่อเสียงเรียงนามว่า แซคคารี่ ชิค

เขาเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างเคร่งขรึมและคาดเดาไม่ได้

ตระกูลชิคเป็นตระกูลที่ใหญ่ทว่ามีเพียงไม่กี่คนที่จะรู้ลึก รวมทั้งมีอำนาจมากเช่นเดียวกับชาร์ลส คอนเนอร์ที่พึ่งขยายอำนาจเข้าไปในเมืองอู๋

ทว่าตระกูลชอว์และตระกูลเกร็กก็ยังมีไม่ได้พ่ายแพ้แต่อย่างใด

แคโรเคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลชิคหากแต่ไม่เคยคบค้าสมาคมด้วย

แต่ถ้าเป็นอย่างที่ฌอนเคยพูด หมายความว่าคนที่มีอำนาจมาที่สุดในเมืองถงก็คือคนคนนี้จริง ๆ

ฉันเคยคิดว่าตัวเองคงไม่มีโอกาสได้สานสัมพันธ์กับคนตระกูลนี้ แถมไม่คิดว่าตัวเองจะโดนช่วยเหลือแล้วพากลับมาที่คฤหาสน์ของตระกูลแบบนี้ด้วย โชคชะตาช่างเล่นตลกกับฉันเสียจริง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัวใจ ฉัน เป็น ของ เธอ