ดูเหมือนว่าช่วงนี้ดวงของฉันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ โชคไม่เข้าข้างแถมยังโดนทำร้ายซ้ำแล้วซ้ำเล่า เคยโดนตบรุมกระทืบ ยังไม่รวมตอนที่โดนมีดเฉือนเฉี่ยวหัวไหล่ และยังจะมาโดนสาดด้วยน้ำอะไรก็ไม่รู้เพราะตัวการที่ชื่อดิกสันอีก
อ้อมกอดที่กอดไว้ราวปกป้องทำให้ฉันไม่ได้รับอันตราย ฉันตั้งสติอยู่ครู่กอดจะมุดออกมาจากอ้อมแขนนั้นแล้วกลับขึ้นไปนั่งเก้าอี้ใกล้ๆ
โชคที่ที่ความนิ่มของหญ้าช่วยรองรับแรงกระแทกให้เรา ฉันนั่งลงลนเก้าอี้พลางสำรวจสภาพตัวเองและเมินเฉยต่อชายหนุ่ม
ดิกสันลุกขึ้นยืนพร้อมจัดชุดสูทให้เรียบร้อย สายตาคมมองไปยังหญิงสาวอีกสองคน “คุณคิดจะทำอะไรของคุณ?”
เวนดี้รับโพล่งเอ่ยปัดความผิด “คุณเกร็ก ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ ฉันไม่รู้ก้วยว่าเกวนจะทำอะไรแบบนี้ คุณกับคุณชอว์ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”
ดิกสันเพิกเฉยต่อคำพูดของเวนดี้ก่อนจะเบนสายตาไปยังเกวนแล้วจ้องเธอด้วยความกดดัน “ในขวดนั้นคือน้ำอะไร?”
เกวนแสยะยิ้ม “ดิกสัน นี่คือน้ำกรดไงล่ะ”
ยัยนั่นบ้าไปแล้ว เธอพูดออกมาพร้อมยิ้มรับราวกับมันเป็นเรื่องปกติ
แคโรจ้องไปรอยน้ำกรดบนพื้นที่กำลังกัดกร่อนพื้นซีเมนต์ ไม่อยากจะคิดเลยว่าหากมันโดนหน้าละก็ คงแย่แน่
ฉันคงทนรับสภาพน่าเกลียดของตัวเองไม่ได้!
มันเจ็บปวดยิ่งกว่าตายเสียอีก!
ร่างบางหันไปมองเมื่อได้ยินดิกสันออกคำสั่งกับเลขาของเขาที่เดินเข้ามา “แมทธิว พาเกวนออกไป”
และเมื่อแมทธิวพาลากเกวนออกไป เวนดี้ที่กำลังปอดแหกก็รีบเอ่ยขอตัวออกไปจากสถานการณ์นี้ทันที
ร่างสูงเดินมานั่งลงข้างฉันพร้อมคว้าหัวไหล่เข้าไปกอด “ไม่เป็นไร อย่ากลัวไปเลย ผมอยู่นี่แล้ว”
ฉันส่ายศีรษะไปมา และนั่นทำให้ดิกสันเสียใจ “ผมขอโทษที่ทำให้คุณเจอเรื่องแบบนี้ ผมมักจะช้าไปก้าวหนึ่งเสมอ”
ใบหน้าหล่อโน้มลงมาเตรียมจะจูบฉัน ทว่าฉันกลับถอนหายใจก่อนบอกปัด “ไม่เป็นไร ขอบคุณมาก”
ดิกสันถดตัวกลับไปอย่างเสียดาย “เราสองคนไม่ควรมาเล่นเป็นพ่อแง่แม่งอนกันหรอกนะ”
“ดิกสัน เงียบปากเถอะน่า” ฉันบ่นและหันไปย้ำเขา “คุณควรเช็คเรื่องสภาพจิตใจของเกวนนะ ถ้าเธอป่วยทางจิต ช่วยพาเธอไปอยู่ไกล ๆ จากฉันที”
การทีตัวตนของเธอในเมืองอู๋เป็นภัยคุกคามสำหรับฉัน
“โอเค เดี๋ยวผมจัดการเอง”
ร่างสูงหอมแก้มฉันเหมือนคู่รักคู่อื่นทำก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป และฉันก็ไม่ได้ผลักเขาออก
เพราะมัวแต่ตกใจกับการกระทำนั่น
แคโรนั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิม และไม่นานเฮนรี่ก็เดินเข้ามาหาพลางสำรวจสภาพร่างกายของฉัน มือหนายื่นออกมาขยี้ผมนุ่มเบา ๆ “ทำไมถึงดูเครียดแบบนั้น?”
“ไม่มีอะไรหรอก” ฉันส่ายหน้าน้อย ๆ
ร่างเล็กยืนขึ้นก่อนจะเอื้อมมือไปเก็บมือถือที่หล่นอยู่บนพื้น คนเป็นพี่ถามเรื่องสุขภาพของฉันอีกครั้ง และคงทำได้เพียงตอบว่า “ฉันสบายดี”
เสียงทุ้มถามต่อ “เธออยากไปลบรอยแผลเป็นไหม?”
ฉันถามกลับ “ทำได้เหรอ?”
“ได้สิ ไว้ฉันจะแนะนำคนที่ทำได้ให้รู้จักเมื่อเรากลับไปที่เมืองเอส”
ฉันขอบคุณเสียงเบา “ขอบคุณนะ เฮนรี่”
“ไม่เป็นไร เราไม่ควรเกรงใจกันในเรื่องแบบนี้หรอกนะ”
เขาพูดแบบเดียวกับดิกสันเปี๊ยบเลย
เรานั่งคุยกันอยู่ไม่นานเฮนรี่ก็ขอตัวกลับไปจัดการธุระด่วนที่เมืองเอส ทว่าอีกฝ่ายยังหันหลังกลับมาย้ำอีกครั้งว่าให้ฉันกลับไปที่เมืองเอสให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าหากไม่กลับเขาจะมาลากฉันกลับไปเอง
ฉันบอกสัญญาก่อนจะนั่งหลับตาลงที่เก้าอี้ตัวเดิม ไม่นานนักก็ลืมตาขึ้นมาและเบนสายตาสำรวจไปรอบด้าน พลันต้องชะงักตัวเกร็งเมื่อเห็นภาพด้านหน้า
ชายคนหนึ่งที่กำลังยืนเอามือไพล่หลังพร้อมมองตรงมาที่ฉันจากระเบียงห้องจัดเลี้ยง หญิงสาวไม่รู้เลยว่าชายคนนั้นยืนมองเธออยู่นานเท่าไหร่
อย่าบอกนะว่าก่อนที่เธอจะมาที่สวน?
อย่างนั้นเขาก็เห็นทุกเหตุการณ์เลยใช่ไหม?
แม้แต่ตอนที่ดิกสันหอมแก้ม?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัวใจ ฉัน เป็น ของ เธอ