แซคคารี่ทำฉันตกใจแทบลมจับ ริมฝีปางบางยกยิ้มฝืดเมื่อสบเข้ากับแววตาคมคู่ ก่อนจะอธิบายเสียงเบา “ฉันหลับต่อไม่ได้และพระอาทิตย์ก็กำลังขึ้นแล้ว ดะ เดี๋ยวฉันลงไปเตรียมอาหารเช้าก่อนนะ”
ร่างเล็กผุดลุกจากเตียงพลันวิ่งลงบันไดไปทันที
มือเรียวจับลูบแก้มที่ร้อนเห่อของตัวเองพลางคิดว่าคืนนี้ควรจะนอนที่โซฟาเสียดีกว่า
ฉันนั่งสงบสติอารมณ์อยู่บนโซฟาซักพัก เมื่อจิตใจเริ่มสงบนิ่งก็ตัดสินใจเดินเข้าไปทำอาหารเช้า แต่ฉันเป็นคนทำอาหารไม่เก่งและทำได้เพียงเมนูง่าย ๆ มื้อเช้าวันนี้คงต้องทนกินโจ๊กกันไปก่อน
เมื่อปรุงทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ฉันก็พาตัวเองกลับมานั่งที่โซฟาตัวเดิม ไม่นานแซคคารี่ก็เดินลงมาในชุดสูทสีดำตัวเก่ง
เราทานอาหารเช้าด้วยกันเงียบ ๆ ทว่าเมื่อทานเสร็จร่างสูงกลับมานั่งใช้เวลาในช่วงเช้าที่ห้องนั่งเล่น พลางอ่านหนังสือราวกับว่าวันนี้เป็นวันหยุดของเขา พอเข็มสั้นและเข็มยาวชี้เลขสิบสอง ร่างสูงก็ลุกเดินเข้าครัวไปเตรียมอาหารเที่ยง
สาวใช้คนเดิมไม่ได้มาทำงานในวันนี้ ทำให้ฉันต้องทานอาหารเที่ยงฝีมือแซคคารี่แทน
โชคดีที่ช่วงบ่ายคนตรงหน้าจำต้องเข้าห้องเรียนของตัวเอง ทำให้บรรยากาศน่าอึดอัดทำตัวไม่ถูกนี่จบลง เมื่อตะวันตกดิน ฉันถือวิสาสะเปิดประตูห้องทำงานของเขาแล้วเอ่ยถาม “คุณจะทานอะไรเป็นอาหารเย็น?”
ตอนนี้แซคคารี่กำลังหมกมุ่นอยู่กับงานศิลป์อักษรของเขา กระดาษข่าวแผ่นใหญ่ตรงหน้าเต็มไปด้วยรอยผู้กันที่ถูกตวัดลงเป็นตัวอักษรเรียงรายสวยงาม เมื่อได้ยินคำถามของฉัน มือหนาก็วางพู่กันลงพลันหันมาถาม “แล้วเธออยากกินอะไร?”
แต่ฉันทำเป็นแค่พวกเส้น ๆ ต้ม ๆ นี่สิ
ร่างเล็กนิ่งคิดพลางเอ่ย “ฉันยังไม่หิว”
แคโรตอบไปแบบนั้นเพราะไม่ต้องให้แซคคารี่เสียเวลาลุกมาทำอาหารให้เธอ
ตอนนี้อากาศเย็นขึ้นเนื่องจากฝนที่ตกลงมาปรอย ๆ ฉันเดินเข้าไปในห้องเรียนของเขาแล้วหยุดยืนตรงโต๊ะทำงาน สายตากวาดมองไปยังร่างสูงที่กำลังคัดลอกผลงานของ เฉิน ฉงเวิ๋น ที่มีชื่อว่า “ท่องเที่ยวไปในหูหนาน”
ลายมือของแซคคารี่สวยงามและมีการตวัดลงปรายผู้กันเช่นเดียวกับผลงานชิ้นอื่น ๆ ที่ถูกแขวนไว้บนผนัง
อย่าบอกนะว่าเขาเป็นคนเขียนพวกมันทั้งหมดในห้องนี้?
“ตัวอักษรของคุณสวยมากเลย น้ำหนักของการตวัดปากพู่กันของคุณมีทั้งความแข็งแรงและอ่อนนุ่มในคราวเดียวกัน คุณนี่อย่างกับปรมาจารย์เลยนะ” ฉันชมออกไปตรง ๆ
ร่างสูงเลิกคิ้วเชิงถาม “เธอเขียนเป็นไหม?”
เมื่อก่อนตอนเป็นเด็ก คุณพ่อของฉันเขียนอักษรแบบนี้ได้ดีมาก ๆ เขาเคยสอนฉันแต่น่าเสียดายที่ฉันไม่มีพรสวรรค์ทางด้านนี้เลย สิ่งที่ได้มีเพียงเส้นยึกยือเท่านั้น
สุดท้ายท่านก็ยอมแพ้ไม่สอนต่อ
แคโรยกยิ้มอาย ๆ “ฉันเคยเขียนตอนเป็นเด็กแต่มันออกมาแย่มาก แต่ฉันชอบที่จะดูพวกมันนะ แถมยังรู้ด้วยว่าคุณนี่เป็นปรมาจารย์ด้านการเขียนผู้กันของแท้!”
แซคคารี่ไม่สนใจท่าทีโอเวอร์ของฉัน เขาลุกขึ้นจากที่นั่งพลางหันมาส่งสัญญาณ “มานี่แล้วเขียนดู”
ฉันอยากจะบอกปฏิเสธทว่าเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาสีเข้มดุคู่นั้นก็ทำได้เพียงเงียบปากสนิท
ร่างบางเดินไปยืนข้าง ๆ อย่างเชื่อฟังพร้อมรับพู่กันมาถือไว้ มือบางจรดมันลงที่ด้านบนขวาของกระดาษขาวพลัดชะงักไป
เสียงทุ้มเอ่ยถาม “ทำไมไม่เขียนล่ะ?”
ริมฝีปางบางเม้มแน่นพลางขยับปลายพู่กันลงไปเพื่อเขียนชื่อ
นี่มันฝีมือเด็กกะโปโลชัด ๆ
อย่างกับตัวอักษรขีด ๆ ยึกยือในหนังผี
แซคคารี่ไม่ได้พูดอะไร ทว่าอีกฝ่ายกลับคว้าหมับเข้าที่มือของฉันก่อนจะบังคับมันให้ตวัดเขียนไปในทางที่ดีกว่าเดิม
ลมหายใจที่เป่ารดอยู่ริมกกหูทำให้หัวใจเต้นรัว การมีอยู่ของเขาอย่างใกล้ชิดทำให้เลือดในร่างกายสูบฉีด
ฉันอยากจะผละออกแต่ดูเหมือนร่างกายจะไม่ยินยอม
เพราะการชักนำของมือร่างสูง ทำให้ชื่อของฉันถูกเขียนออกมาอย่างสวยงามและประณีต เชกเช่นเดียวกับคนเขียน ที่หล่อเหลาจนยากจะบรรยาย
รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกอยู่ในห้วงอะไรซักอย่าง สติของฉันเลื่อนลอยจะเผลอหลุดพูด “คุณดูดีมากเลยนะ”
ร่างสูงผละออกจากฉันทันควัน คนตรงหน้าเขยิบตัวออกอย่างเฉยชา แคโรหันไปจ้องตากับอีกฝ่ายทว่ากลับได้รับเพียงสายตาเย็นชาและใบหน้าตึง
เสียงเข้มเอ่ยเตือน “แคลลี่ ฉันไม่ใช่คนที่เธอควรคิดแบบนั้นด้วย”
อีกฝ่ายยังคงเรียกฉันว่าแคลลี่
ฉันชะงักไปก่อนจะนึกขึ้นได้ นี่เขาเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า?
ฉันส่ายศีรษะไปมาพลันเอ่ย “เดี๋ยวก่อน ฉันแค่ชมหน้าตาคุณเท่านั้น”
ร่างสูงไม่ตอบแต่หมุนตัวเดินออกจากห้องไป ร่างเล็กทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้พลางจ้องมองชื่อที่ถูกเขียนบนกระดาษอย่างเลื่อนลอย
นี่เขาเตือนฉันใช่ไหม?
ว่าฉันไม่ควรก้าวข้ามเส้นของเขา?
แต่ฉันก็ไม่เคยคิดกับเขาในแง่นั้นเลย
ฉันแค่คิดว่าเขาหล่อเฉย ๆ
แคโรคิดก่อนจะนึกถึงคำพูดที่ตนเคยเอ่ยปลอบซัมเมอร์ก่อนหน้านี้ แม้ว่าฉันจะไม่ได้สนใจในตัวแซคคารี่ แต่เขาก็มีสิทธิ์ที่จะทำให้ฉันหวั่นไหวแล้วแหกกฏที่ตัวเองตั้งไว้เหมือนกัน มันยากที่ควบคุมไม่ให้จิตใจหวั่นไหวเมื่อรอบตัวนั่นมีแต่อีกฝ่ายเข้ามาพัวพันในชีวิต
พอคิดแบบนั้นก็รู้ตัวแล้วว่าคงถึงเวลาที่ฉันต้องไป
ฉันต้องออกจากที่นี่แล้วกลับไปที่เมืองอู๋
ขาเรียวก้าวออกมาจากห้องเรียนแล้วเดินไปยังชั้นล่างของคฤหาสน์ แซคคารี่กำลังทำอาหารอยู่ในครัว มันเป็นเมนูง่าย ๆ ทว่าน่าทาน
ฉันเดินเข้าไปช่วยตักข้าวพลางยกจานที่ทำเสร็จแล้วออกมาวางไว้บนโต๊ะเล็กหน้าโซฟา ฉันรีบลงมือกินก่อนที่เขาจะมา เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็ยกจานพวกนั้นเข้าไปล่างแล้วหันกลับมาพูดกับร่างสูงที่กำลังจะลงมือกินอาหารของตัวเองบ้าง “พี่ชาย พรุ่งนี้ฉันจะกลับไปที่เมืองอู๋นะคะ”
แซคคารี่พยักหน้ารับ
“ขอบคุณที่ช่วยฉันวันนั้น แล้วก็ขอบคุณที่ช่วยเรื่องรักษาโรคมะเร็งด้วย ฉันเป็นหนี้ชีวิตคุณแล้ว”
ดูเหมือนว่าคำพูดของฉันยังดูไม่จริงใจเท่าที่ควร
ฉันคิดแล้วอธิบายต่อด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ในอนาคต ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ที่ไหน หรือทำอะไรอยู่ ณ ตอนนั้น ฉันจะทิ้งทุกอย่างแล้วไปช่วยคุณทันที”
หญิงสาวจ้องใบหน้าไร้ความรู้สึกของชายหนุ่มก่อนจะยิ้มออกมา “บางที่คุณอาจจะไม่ต้องการแต่มันเป็นสิ่งเดียวที่ฉันสามารถตอบแทนได้จริง ๆ! พี่ชาย คุณคือคนที่สองที่ทำดีกับฉันขนาดนี้ ฉันขอขอบคุณด้วยใจจริงค่ะ”
ตราบใดที่สามารถช่วยเหลือคนคนนี้ได้ ฉันยอมสละทุกอย่าง
“โอเค เดินทางปลอดภัย”
ฉันพูดทุกสิ่งทุกอย่างออกไป และเขาตอบกลับมาด้วยคำอวยพรให้ฉันกลับบ้านอย่างปลอดภัย เขานี่มันตัวทำลายบรรยากาศชัด ๆ!
ฉันเดินกลับขึ้นห้องด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยวเล็กน้อย และคืนนั้น เขาไม่ได้ขึ้นไปนอนบนห้องกับฉัน
ฉันเดาว่าเขาคงไม่อยากให้ฉันถลำลึกไปมากกว่านี้
และเช้าวันถัดมา เมื่อฉันตื่นนอนแล้วเดินลงมาชั้นล่าง กับพบกับภาพของเขาที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาตัวเดิม
แคโรไม่ได้บอกว่าจะออกไปกี่โมงและอีกฝ่ายก็ไม่ได้ถาม ราวกับอยากจะกลับตอนไหนก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องบอก
ฉันกินโจ๊กที่เหลือจากเมื่อวานเป็นอาหารเช้าก่อนจะเดินกลับขึ้นไปด้านบน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัวใจ ฉัน เป็น ของ เธอ