“เราทั้งคู่ควรคิดซะว่า ช่วงเวลาที่เราเคยคบกันมันไม่เคยเกิดขึ้นจริงดีไหม?”
นี่เขาต้องการที่จะจบทุกอย่างสินะ แม้กระทั่งคำพูดของเขาตอนนี้ยังดูปลอมสำหรับฉัน ฉันได้แต่ยิ้มอย่างจำยอม ก่อนเอ่ย “อืม นั้นแหละที่ฉันต้องการ”
“แคโรไลน์ ที่ผมยอมหย่ากับคุณนั้นเป็นเพราะว่าผมติดค้างเกวนเรื่องการแต่งงานมาตลอด และผมอยากจะชดเชยให้กับเธอ ผมไม่ได้ต้องการทำร้ายคุณ เพราะฉะนั้นผมขอโทษ ติดต่อผมได้ตลอดถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือ”
“ดูเหมือนว่าคุณจะยังมีเยื้อใยให้ภรรยาเก่านะ” ฉันพูดยิ้มเยาะ ก่อนบอกเขากลับไป “คุณไม่จำเป็นต้องเสียใจอะไรทั้งนั้น คุณไม่ได้รักฉัน ก็แค่นั้น คุณไม่เห็นจะต้องรู้สึกผิดอะไร อย่าบอกนะว่าคุณรู้สึกเสียใจหลังจากที่เราหย่ากัน และคุณก็เริ่มรู้สึกรักฉันฉันขึ้นมาทั้ง ๆ ที่ตอนคุณก็ยังมีใจให้เกวนอยู่! ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ ดิกสัน คุณมันน่าสมเพชจริง ๆ”
ดิกสันลังเลไปชั่วขณะก่อนเอ่ยตอบ “แคโรไลน์ คุณไม่จำเป็นต้องใช้น้ำเสียงดูถูกผมขนาดนั้นก็ได้ ผมยอมรับว่าก่อนหน้านี่ผมทำไม่ดีกับคุณ แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่คุณจะล้ำเส้นผมแบบนี้”
“แล้ว ตกลงคุณต้องการอะไร?”
“เกี่ยวกับเรื่องลูกของคุณ มันเป็นความผิดผมเอง…”
“เดี๋ยวนะดิกสัน ฉันไม่ต้องการคำขอโทษของคุณ สำหรับสิ่งที่คุณทำลงไป คนที่คุณควรขอโทษคือเด็กคนนั้น ไม่ใช่ฉัน ฉันรู้ว่าคุณต้องการอะไร คุณอยากจะขอโทษฉันก็เพราะคุณจะได้แต่งงานกับเกวนได้แบบสบายใจสินะ?”
ร่างสูงได้แต่เงียบ
ฉันวางสายจากเขาทันที ก่อนจะกดปิดเครื่องแล้วโยนมือใส่ในกระเป๋าเสื้อโค้ท แต่หลังจากไตร่ตรองซักพัก ฉันก็กดเปิดมือถือขึ้นอีกครั้ง พลางตัดสินใจส่งข้อความถึงดิกสันอีกครั้ง “คุณรู้อะไรไหม ฉันไม่ได้โทษคุณ เราต่างคนต่างมีทางเดินเป็นของตัวเอง คุณสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับเกวน ส่วนฉันจะเริ่มใหม่ในแบบที่ดีกว่าเดิม”
คำพูดลวก ๆ แบบขอไปทีของฉันอาจจะไม่สามารถทำให้ดิกสันรับรู้ได้ว่าฉันให้อภัยเขาแล้วจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม เวลานี้ สถาณการณ์ของซัมเมอร์คือสิ่งเดียวที่ฉันยังคงเป็นกังวล
พอตกเย็น ฉันก็ได้แต่คิดว่า ฉันเป็นคนทำให้เรื่องนี้มันยุ่งยากเอง
เพราะความดื้อดึงที่แสนจะโง่เขลาของฉันมันนำพาซึ่งบาปและความผิดพลาดที่ไม่อาจจะลบล้างได้
“เธอสมควรได้รับผลกรรมจากสิ่งที่เธอเคยทำไว้แคโรไลน์!”
ฉันถอนหายใจช้า ๆ อย่างกับว่าร่างกายจะหยุดทำงานเสีย
หญิงสาวค่อย ๆ แยกขาออกก่อนทิ้งตัวคุกเข่าลงบนพื้นทรายตรงหน้า คลื่นม้วนใหญ่ซัดผ่านเข้ามาปะทะร่างของเธอ แต่ทว่าก่อนที่ผืนน้ำนั้นจะกลืนกินเธอไปกับทะเล พลันมีมือคู่หนึ่งคว้าร่างของเธอไว้แล้วอุ้มขึ้นออกมาจากตรงนั้น
หยดน้ำตามากมายพรั่งพรูออกมาจากนัยน์ตาคู่สวยไหลลงตามแก้ม เมื่อเธอรู้ว่าเจ้าของอ้อมแขนแกร่งนี้คือใคร
“พี่เฮนรี่ พี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เฮนรี่เป็นชายหนุ่มหล่อเหลาพร้อมรูปร่างที่ดูดี และตอนนี้ พี่ชายของเธอเริ่มมองเธอด้วยสายตาว่างเปล่า
เฮนรี่ คุก เป็นเด็กผู้ชายที่แม่ของเธอรับเลี้ยงเมื่อประมาณสิบปีที่แล้ว แต่เขาได้กลับไปอยู่กับครอบครัวที่แท้จริงตามสายเลือดเมื่อตอนเขาอายุสิบห้าปี และฉันที่อายุแปดขวบ หลังจากนั้นเราสองคนก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย เราสองคนทำได้เพียงติดต่อกันผ่านทางวิดีโอคอลเท่านั้น แต่มันก็แทบจะนับครั้งได้ น่าแปลกเหมือนกันที่ฉันจำเขาได้ภายในครั้งแรกที่เห็น
เฮนรี่เอ่ยตอบ “ฉันลางานแล้วตั้งใจว่าจะมาหาเธอที่เมืองอู๋”
เขามองฉันอย่างครุ่นคิดก่อนเอ่ยต่อ “แต่เธอดูไม่มีความสุขเลยนะ”
“ใช่ ฉันโคตรจะไม่มีความสุขกับชีวิตเลย”
“กลับไปที่เมืองเอสกับฉันไหม”
“ไม่ล่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน”
“ก็ได้ ถ้างั้น ฉันจะดูแลเธอตลอดสองสามวันนี้เอง”
“ตกลง ขอบคุณนะคะพี่ชาย”
ฉันรู้สึกขอบคุณการปรากฏตัวครั้งนี้ของพี่ชายจริง ๆ
คนเป็นพี่ค่อย ๆ คลายมือที่จับแน่นออก ก่อนจะย่อตัวลงนั่งยอง ๆ บอกเป็นเชิงให้เธอขึ้นมาบนหลังของเขา แคโรรีบกอดรอบคอพี่ชายไว้อย่างเชื่อฟัง หลังจากนั้นเฮนรี่เอ่ยก็เอ่ยถามเธอด้วยน้ำเสียงหม่นหมอง “ที่ผิวเธอซีดขนาดนี้เป็นเพราะอาการป่วยด้วยหรือเปล่า?”
ฉันจึงเอ่ยตอบเขาไปตามความจริง “ใช่ ฉันป่วย”
เฮนรี่ ถามต่ออย่างอดทน “เธอไปหาหมอหรือยัง?”
“ฉันไปมาแล้ว หมอบอกว่ามันไม่มีทางรักษา”
เสียงเข้มเบาลงจนกลางเป็นเสียงกระซิบ “มันคือโรคแบบไหนกัน?”
“มะเร็ง ระยะสุดท้าย”
เฮนรี่แทบช็อคกับสิ่งที่ได้ยิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัวใจ ฉัน เป็น ของ เธอ