เฮนรี่ดูแลฉันคอยดูแลฉันในช่วงตลอดสามสี่วันที่ผ่านมา และต้องยอมรับว่าเขาดูแลฉันได้ดีจริง ๆ จนกระทั่งวันหนึ่งในขณะที่เขาดูแลฉันเฉกเช่นปกติของทุกวัน ฉันตัดสินใจเอ่ยถาม “พี่จะกลับไปที่เมืองเอสวันไหน?”
เขาชะงักก่อนตอบ “เธอไล่ฉันหรือไงยัยน้องสาว?”
“ฉันแค่กังวลว่าพี่สะใภ้จะโกรธพี่นะสิ”
“พี่สะใภ้ของเธอยังโตไม่พอ ไม่ว่ายังไงหล่อนก็จะหาเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ มาเป็นประเด็นให้เราทะเลาะกันทุกที”
แคโรเข้าใจในสิ่งที่พี่ชายของเธอพูด พี่สะใภ้ของเธอนั้นอายุน้อยกว่าเธอ และช่วงนี้เธอได้ยินว่าพี่สะใภ้ของเธอเริ่มมีฤทธิ์เดช
แต่ก็ไม่ใช่ว่าหล่อนจะไร้ซึ่งเหตุผลหรือความคิดเสียทีเดียว
เวลาที่พี่สะใภ้ของเธอแสดงนิสัยเจ้ากี้เจ้าการออกมา มันมักจะมีสาเหตุเสมอ
ถ้าให้เปรียบเทียบกับผู้หญิงอย่าง เกวน เวิร์ท ย่อมเป็นคนละเรื่องกันเลย เพราะพี่สะใภ้ของเธอไม่ใช่คนที่พูดไม่คิดหรือพูดไร้สาระขนาดนั้น อีกอย่าง นอกจากพี่สะใภ้แล้ว แคโรไม่คิดว่าพี่ชายตัวเองจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเพศตรงข้ามคนอื่นซักเท่าไหร่
ทว่าในทางกลับกัน เธอกลับรู้สึกว่าเป็นตัวเธอเองต่างหากที่ไม่เคยใส่ใจคนอื่นมากพอ
และความเฉยเมยเรื่อยมาเหล่านั้นเปิดโอกาสให้คนอื่นใช้งานความรู้สึกของเธอได้ง่าย ๆ
เมื่อคิดแบบนั้นฉันจึงพูดพลางเหน็บพี่ชายตัวเองเบา ๆ “ฉันว่า พี่น่าจะยอมอ่อนข้อ ยอมลงให้เธอบ่อย ๆ บ้างก็ดีนะ”
ดูเหมือนว่าคำพูดจะฉันจะทำให้เฮนรี่คิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะระบายยิ้มปนเอ็นดูออกมา “ฉันก็ไม่เคยโทษโกรธหล่อนเลยซักครั้งนะ”
เมื่อพูดถึงเรื่องพี่สะใภ้ ใบของเฮนนี่ก็เจอไปด้วยร้อยยิ้มที่มาจากใจจริง
“ดีแล้ว พวกพี่จะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข”
“อืม ขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะแคโร”
“พี่ชาย พี่ควรกลับเมืองเอสไปได้แล้ว ฉันแน่ใจว่าพี่สะใภ้ต้องคิดถึงพี่แน่ ๆ”
“แล้วเธอล่ะ? พี่ต้องอยู่ดูแลเธอก่อน”
ฉันยิ้มกลับไปบาง ๆ พลางเอ่ย “นี่คุณพี่ชาย ฉันก็มีเรื่องที่ฉันต้องทำนะ เพราะงั้นฉันก็ต้องการเวลาส่วนตัวเหมือนกันละหน่า”
แคโรพยายามผลักดันให้พี่ชายของเธอกลับไป เพราะเธอไม่ต้องการให้เขามาเสียเวลาอยู่กับเธอที่นี่
นอกจากนี้ ความจริงที่ว่าก่อนมาที่เมืองอู๋ เฮนรี่นั้นมีปากเสียงกับพี่สะใภ้ของเธอเป็นสิ่งที่ทำให้เขายิ่งไม่ควรจะมาอยู่ที่นี่ในตอนนี้ เขาควรจะกลับบ้านไม่ใช่เสียเวลาไปกับเธอ
เฮนรี่ยังคงลังเลใจซักพัก พลันยื่นข้อเสนอบางอย่างให้เธอ “พี่จะกลับบ้าน ถ้าเธอไปร่วมงานคืนนี้กับพี่”
“ทำไมอยู่ ๆ พี่มาชวนฉันเนี่ย?”
ผู้เป็นพี่แสยะยิ้มก่อนเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “เพราะว่า เกวน เวิร์ท คิดว่าตัวเองนั้นสูงส่งของกว่าน้องสาวของฉัน และฉันจะทำให้เธอรู้ว่าเธอคิดผิด แคโร เธอต้องไปกับพี่ เธอรู้ไหม มันไม่แปลกที่มนุษย์เราจะรู้สึกกลัว ฉะนั้นเราควรรู้ถึงลิมิตของตัวเอง แต่ดิกสันคอยปกป้องเกวนมาตลอด ยัยนั่นไม่มีแม้แต่การแสดงความเคารพต่อเธอนะแคโร”
“ฉันไม่สนหรอกน่า...”
“แต่ฉันสน”
พอได้ยินแบบนั้น ความรู้สึกของฉันเริ่มตีกันวุ่นวายไปหมด แต่ฉันรับรู้และเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าเฮนรี่กำลังสู้เพื่อฉัน หากแต่พูดกันตามตรง ฉันไม่อยากจะเข้าไปยุ่งกับอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับดิกสันอีกแล้ว
เมื่อเข้าไปอยู่ในงานเลี้ยงจริง ๆ เชื่อฉันเถอะไม่ว่าเกวนจะถูกหรือผิดอย่างไร ดิกสันก็จะปกป้องเธอเป็นแน่แท้ เพราะในฐานะผู้ชายคนหนึ่งนั่นเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ผู้ชายควรกระทำ และเกวนก็คือผู้หญิงที่เขารักมาก
ทำไมฉันจะต้องไปเป็นพยานรักระหว่างเขากับผู้หญิงคนอื่นด้วย?
ฉันแต่งหน้าพลางลงคอนซีลเลอร์เพื่อปกปิดร่องรอยต่าง ๆ บนใบหน้า พร้อมเปลี่ยนชุดจากชุดใส่ลำลองอยู่บ้านธรรมดาเป็นชุดคลุมเดรสยาวตัวหรู และปิดท้ายด้วยสวยรองเท้าส้นสูงสีทองแวววาวคู่สวย หลังจากนั้นจึงค่อย ๆ หมุนตัวตรวจสอบความเรียบร้อยและความสวยงามอยู่หน้ากระจกซักพัก
ฉันไม่ใช่คนคุยโวโอ้อวดนะ แต่ถ้าในเมืองอู๋ รูปร่างหน้าตาและความสวยของฉันไม่เป็นรองใครเลย คนที่เคยได้ครอบครองร่างกายของฉันต่างต้องการครองครองใบหน้างามนี่ด้วยเช่นกัน ดวงหน้าที่วิจิตรนี้ประกอบไปด้วยดวงตากลมใสคู่สวย และสันจมูกโด่ง เกวน เวิร์ทแทบไม่สามารถเทียบความงามแบบนี้ได้ แต่ดิกสันกลับหลงรักเธอหมดใจ
ฉันได้แต่พูดประชดประชันกับตัวเอง ก่อนจะลงลิปสติกสีแดงสดที่สวยที่สุดลงบนริมฝีปาก
เฮนรี่เปิดประตูเข้ามาในจังหวะเดียวกันกับที่ฉันสัมผัสใบหน้าเพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้าย เขาเงยหน้าขึ้นจ้องมองก่อนเอ่ยชม “ฉันรู้มาตั้งนานแล้วว่าเธอเป็นคนสวย แต่ไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะสวยขนาดนี้ เธอสวยอย่างกับตุ๊กกระตากระเบื้องเคลือบเลยแคโร”
“แค่ความสวยมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ?”
เฮนรี่รีบท้วง “ความสวยมันดีต่อตานะ”
“อาจจะใช่มั้ง แล้วเราจะไปงานเลี้ยงกันกี่โมง?”
“ตอนนี้เลย งานเลี้ยงเริ่มแล้ว”
เฮนรี่สวมเสื้อคลุมสีกากีให้ฉัน หลังจากนั้นเราจึงออกเดินทางไปยังงานเลี้ยง เมื่อเดินทางมาถึงสถานที่จัดงานก็มีหนึ่งในผู้จดงานต้อนรับออกมาทักทายพร้อมให้ความช่วยเหลือเรา “คุณคุกและคุณชอว์ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณทั้งสองเดินทางมาร่วมงานเลี้ยงของเราครั้งนี้ ทำไมผมช่างโชคดีขนาดนี้นะ?”
เฮนรี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนเอ่ยตอบ “คุณสโตน เป็นคนะอารมณ์ดีนะครับ ผมหวังว่าเราจะได้ทำธุรกิจร่วมกันในอนาคตนะ”
“แน่นอนครับ แน่นอน คุณมอบผลตอบแทนให้ผมได้เยอะเลยครับ คุณคุก”
ถ้าเมืองอู๋เปรียบเหมือนสนามเด็กเล่นของตระกูลชอว์และตระกูลเกิร์ก เมืองเอสคงเป็นเหมือนอาณาเขตดินแดนของตระกูลคุกเลยก็ว่าได้
คุณแม่ของแคโรไลน์นั้นยอมให้เฮนรี่กลับไปอยู่กลับครอบครัวตามที่พี่ชายของเธอขอ ชายหนุ่มเป็นคนที่ฉลาดและเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งความสามารถทั้งสองอย่างในตัวนี้ เป็นสิ่งที่สร้างโอกาสทำให้เฮนรี่มีช่องทางในการไขว่คว้าค้นหาแนวทางทางด้านธุรกิจได้อย่างดีและเหมาะสม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัวใจ ฉัน เป็น ของ เธอ