แซคคารี่อึ้งกับชั้นเชิงของฉัน ร่างสูงไม่ได้สะบัดมือออก แต่ถามออกมาเพียงประโยคเดียว
“ลืมไปแล้วใช่ไหม ว่าเมื่อวานฉันบอกว่าอะไร?”
“ฉันจำได้” ตอบเสียงเบา
อีกฝ่ายทำตัวเหินห่าง ทำให้ฉันอดคิดไม่ได้ว่าเขาคงเสียดายที่ประกันตัวฉันออกมา
“พี่รอง ฉันรู้ว่าพี่หมายถึงอะไร แล้วฉันก็รู้ด้วยว่าตัวเองไม่มีค่าพอที่จะชอบ——“
“ขอถามเลยนะ ถ้าดิกสันยังมีชีวิตอยู่ เธอจะยังพูดแบบนี้ไหม?” เสียงเข้มเอ่ยขัดทันที
เขาแค่สมมติใช่ไหม?
‘ถ้าดิกสันยังมีชีวิตอยู่งั้นเหรอ?’
แต่ใครมันจะบ้าเอาเรื่องแบบนี้มาพูดกัน?!
แคโรนิ่งอย่างหาคำตอบไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ต้องเลือกตอบกลับไปซักอย่าง
“ฉันยังจะพูดแบบเดิม” ฉันย้ำ
ตอนนี้ผู้ชายที่ฉันชอบคือแซคคารี่
ส่วนดิกสันนั้นเป็นเพียงอดีตที่จบไปแล้ว
แซคคารี่เหยียดยิ้ม ฉันไม่เคยเห็นเขายิ้มแบบนั้นมาก่อนเลย มันทำให้ฉันประหลาดใจ
และพอเห็นแบบนั้นความรู้สึกกลับว่างเปล่าแปลก มือเรียวพยายามลูบมือหนาของอีกฝ่ายเบา ๆ
“เบล ฉันรู้ว่าเธอกำลังเคว้งคว้าง แต่ว่าขอโทษนะ ฉันรับความรู้สึกนั้นของเธอไว้ไม่ได้”
“แซคคารี่ ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณถึงทำดีกับ...”
ยังไม่ทันพูดจบอีกฝ่ายก็พูดขัดอย่างเชือดเฉือน
“เลิกถามคำถามเด็ก ๆ แบบนั้นซักที เบล ก่อนที่จะถามฉันเธอควรจัดการกับความรู้สึกของตัวเองก่อน อะไรคือสิ่งที่เธอต้องการจริง ๆ ใครคือคนที่เธอต้องการกันแน่ ดิกสันหรือฉัน?”
ร่างสูงยังไม่หยุดพูดถึงดิกสัน แถมยังดูเหมือนว่าจะไม่หยุดง่าย ๆ ด้วย
“เลิกพูดถึงดิกสันได้แล้ว” ร่างเล็กจ้องกลับเข้าไปในตาของคนตรงหน้า “ฉันจะถามแค่ครั้งเดียว คุณชอบฉันไหม?”
“เมื่อวานฉันก็บอกเธอไปแล้วนะ” นัยน์ตาคู่คมเบนลงมายังมือที่บีบแน่นของฉัน “ฉันไม่ชอบพูดซ้ำ แต่ถ้าเธออยากได้ยินอีกฉันก็จะบอกให้ว่า ‘ไม่’! จำไว้ด้วยล่ะ แล้วก็อย่าคิดเข้าข้างตัวเองอีก นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันเตือนเธอ!” เขาตวาดกร้าว
ฉันตัวสั่นไปทั้งร่าง ก่อนจะรีบปล่อยมือ พลันความคิดที่จะยอมแพ้ก็ผุดขึ้นมา ทว่าโจชัวร์เคยบอกไว้ว่า ฉันยังไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับเขาขนาดนั้น หากเขาปฏิเสธฉันมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
น้ำตากำลังรื่นออกมาช้า ๆ ใบหน้าสวยเงยขึ้นจ้องชายเย็นชาตรงหน้า
“ฉันไม่สน! ฉันแค่อยากจะชอบคุณต่อไป!” ฉันตวาดตอบพร้อมสะอื้น
“เมื่อก่อน ฉันเอาแต่เก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองไว้ไม่กล้าที่จะแสดงออกว่ารัก ฉันทำได้แค่แอบรักอยู่ในมุมมืด ๆ ของตัวเอง! ฉันไม่อยากกลับไปเป็นแบบนั้นอีกแล้ว ดังนั้นจากนี้ไปถ้าฉันชอบใคร ฉันจะพูดออกมาตรง ๆ เลย!”
ร่างสูงยืนนิ่งราวกับไม่สนใจคำอธิบายของฉัน มือบางเอื้อมไปคว้ามือคนตรงหน้าอีกครั้ง
“ฉันอยากตามคุณไปทุกที่ ไม่ว่าคุณจะปฏิเสธฉันซักกี่รอบ ฉันก็จะตามติดตามคุณไปเรื่อย ๆ จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต!”
อีกฝ่ายยังคงนิ่ง
“หรือเราควรจะกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน ตอนที่ยังไม่รู้จักกัน ไม่ว่าอนาคตจะเลวร้ายแค่ไหน ฉันก็จะไม่ขอความเห็นใจจากคุณอีก! ถ้าอยากตัดฉันออกไปขนาดนั้น เราก็ตัดมันซะตั้งแต่ตอนนี้เลย!” แคโรพยศอย่างสุดจะทน
“อิซาเบล” เสียงเข้มเริ่มเอ่ย
ถ้าไม่โกรธ เขาจะไม่เรียกฉันว่า อิซาเบล แบบนี้ มือเรียวบีบกระชับมือหนาไม่ปล่อย พร้อมความรู้สึกคลุกกรุ่นในใจที่ไม่ยอมสงบ ฉันเขย่งปลายเท้าขึ้นก่อนจะกดจูบลงที่แก้มสากทันที
ฉันทำเพื่อลองใจเขา
โจชัวร์สอนให้หน้าด้านหน้าทนเข้าไว้ เพราะมันไม่มีประโยชน์ที่จะแสดงความอ่อนแอออกมาต่อหน้าคนอย่างแซคคารี่
ร่างสูงชะงักก่อนจะผละก้าวถอนไปเพราะจูบนั่น ก่อนที่เสียงเข้มเอ่ยออกมาเสียงเรียบ
“ดิกสันยังมีชีวิตอยู่” เขาพูดนิ่ง ๆ
ร่างของฉันชาวาบไปทั้งร่าง พลันปล่อยมือจากอีกฝ่ายราวกับช็อคจากเรื่องที่ได้ยิน แซคคารี่แลายตามองฉันพลางเอ่ย “หมอนั่นกลับมาที่เมืองอู๋แล้ว”
พูดจบอีกฝ่ายก็หมุนตัวก้าวขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที แคโรมองไปตามทิศที่รถเคลื่อนออกไปอย่างเลื่อนลอย พลันเข้าใจทันทีว่าทำไมเขาถึงพยายามยกเรื่องดิกสันขึ้นมาพูด
เพราะเขารู้อยู่ก่อนแล้ว ว่าดิกสันยังมีชีวิตอยู่
ฉันรู้สึกสับสนเมื่อได้ยินแบบนั้น ใจหนึ่งก็อยากเจอ ทว่าอีกใจหนึ่งก็กลัวว่าหาเจอแล้วจะเกิดเรื่องอะไรตามมาอีกหรือเปล่า?
ฉันจะกล้าบอกออกไปไหมว่าตัวเองหมดรักเขาไปแล้ว?
มันยากมากกว่าจะลืมเรื่องของดิกสันได้ และใช้เวลาอยู่นานกว่าจนสุดท้ายก็ตัดสินใจเดินตามคำแนะนำของโจชัวร์ แต่พอฉันเลือกก้าวเดินไปกับแซคคารี่ กลับโดนมือที่มองไม่เห็นฉุดกระชากให้หันมามองความจริง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัวใจ ฉัน เป็น ของ เธอ