ฉันหันไปหาเจ้าของเสียงนั่น ก่อนจะยืนนิ่งงุนงันปนตกใจเพียงเพราะสายตาอ่อนโยนจากชายคนนั้น แต่เมื่อฉันพยายามจ้องกลับเข้าไปในดวงตาของเขา สิ่งที่สะท้อนออกมามีเพียงแค่ความเย็นชาและระยะห่างระหว่างเรา
ดิกสันพูดถูก พวกเขาพี่น้องไม่ต่างกันเลยซักนิด ทั้งความเย็นชานี้ และความรู้สึกไกลห่างที่ฉันได้รับ
หญิงสาวพยายามใช้น้ำเสียงหนักแน่นเพื่อยืนยัน “ฉันแค่มาทานข้าวเฉย ๆ”
ลอเรนยิ้มพลันเอ่ย “ถ้าฉันรู้ว่าพี่จะมานะ เราคงได้ทานอาหารด้วยกันไปแล้ว”
ริมฝีปางบางเม้มเบา ๆ พร้อมอธิบาย “ฉันพึ่งจะเสร็จงานที่ออฟฟิศน่ะ ฉันไม่ได้ต้องการจะเบี้ยวเธอนะ”
แคโรไม่อยากจะผลัดนัดหรือทำให้ลอเรนรู้สึกแย่จากการปฏิเสธของเธอ และฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำเหมือนลอเรนเป็นไม้กันระหว่างเธอกับชายหนุ่ม ทว่าเธอกัลไม่พร้อมจะสู้หน้าแลนซ์ในตอนนี้จริง ๆ
ลอเรนค่อย ๆ เอื้อมมือมาขว้าแขนของฉันไว้ พลางเอ่ยชื่นชม “พี่แคโคไลน์ พี่เป็นคนที่สวยมา ๆ เลย การแต่งหน้าอ่อน ๆ แบบนี้ทำให้พี่ดูเด็กลง น่ารักเหมือนเด็กน้อยเลยค่ะ พี่อายุเท่าไหร่กันแน่คะเนี่ย พี่แคโรไลน์?”
เมื่อได้ยินลอเรนพูดแบบนั้น สายตากลับตวัดมองไปยังแลนซ์ที่ยืนมองเราคุยกันอยู่เงียบ ๆ อย่างลืมตัว เขาสบตาฉันด้วยสายตาที่อ่อนลงกว่าเมื่อครู่ ก่อนจะเอ่ย “ลอเรน คุณแคโรไลน์เกิดปีหนึ่งเก้าเก้าหก”
แลนซ์รู้แม้กระทั่งปีเกิดของฉันงั้นเหรอ เป็นอีกครั้งหัวใจกลับมาสั่นไหวจากการกระทำอันน้อยนิดของเขา
ลอเรนได้แต่ยืนอึ้ง “เก้าหกเหรอ? ไม่ใช่ว่าคุณอายุน้อยกว่าฉันเหรอคะ?”
ฉันยิ้มตอบเธอเล็กน้อย ลอเรนได้แต่ทำแก้มพองอมลมเชิงขัดใจ “งั้นฉันก็เรียกคุณว่าพี่แคโรไลน์ไม่ได้แล้วสิ?”
แต่ฉันกลับคิดว่าเธอยังสามารถเรียกแบบนั้นได้ เพราะอย่างน้อยฉันก็เคยเป็นพี่สะใภ้ของเธอ
ร่างบางได้แต่คิดอยู่ซักพัก ก่อนตอบ “เธอยังเรียกแบบเดิมได้นะ ยังไงซะ ฉันก็เคยเป็นพี่สะใภ้ของเธอ”
สีหน้าของแลนซ์ไม่เปลี่ยนแปลงเลยซักนิดแม้จะได้คำว่า ‘พี่สะใภ้’
แคโรซ่อนความผิดหวังเล็ก ๆ นี้ไว้ พลันเอ่ย “ฉันเป็นภรรยาเก่าของดิกสัน น้องชายคุณค่ะ”
ลอเรนผงะถอยหลังสุดตัว ก่อนจะปล่อยมือออกจากแขนของฉัน
ฉันยิ้มให้พวกเขาพลันเอ่ย “ฉันยังมีธุระที่ต้องไปทำต่อ ไว้ครั้งหน้าฉันจะเลี้ยงข้าวพวกคุณทั้งสองนะคะ”
ขาเรียวก้าวเท้าหันหลังเดินออกมาจากร้านอาหาร พลางเงยหน้ามองก้อนขาวเล็ก ๆ ของเกร็ดหิมะที่กำลังโปรยปรายลงมา พร้อมความรู้สึกหวิวที่เกิดขึ้นในใจ ไม่นานนัก ฉันก็ค่อย ๆ เริ่มเดินลงไปลุยหิมะพวกนั้น ก่อนจะรับรู้ถึงร่มสีดำคันใหญ่ที่มาขวางเกร็ดหิมะไว้ไม่ให้โดนตัว
ใบหน้าสวยหันกลับไปช้า ๆ ครั้นตกใจเมื่อเห็นว่าชายตรงหน้าคือเขาคนนั้น “คุณตามฉันมาทำไม?”
เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยบอกฉัน “ผมจะไปส่งคุณที่บ้าน”
จากมือที่แบออกอยู่ก่อนหน้าเปลี่ยนเป็นกำหมัดแน่น “ฉันขับรถมา”
แลนซ์ยังคงยืนกราน “งั้นผมจะไปส่งคุณที่รถ”
หญิงสาวได้แต่เงียบ
ลานจอดรถอยู่ห่างออกไปประมาณยี่สิบเมตร
แคโรยืนจ้องมองชายหนุ่มต้องหน้าอย่างไม่ยอมแพ้ ดูเหมือนว่าแลนซ์จะชอบใส่เสื้อโค้ทตัวยาวคลุมเข่าแบบนี้เหลือเกิน สีน้ำเงินเข้มของเสื้อโค้ทตัวนั้นทำให้ร่างสูงดูหล่อเหลามากกว่าปกติ รูปลักษณ์ของเขาล้วนคล้ายคลึงกับดิกสัน ฉันได้แต่หัวเราะกับตัวเองเมื่อคิดถึงมัน พวกเขาเหมือนกันอย่างกับแกะ
แต่ว่าอันที่จริงระหว่างดิกสันกับแลนซ์ก็มีส่วนที่แตกต่างเหมือนกัน แลนซ์ไม่เคยแคร์ว่าโลกนี้จะเป็นอย่างไร จะรวยจะจน จะร้อนหรือหนาว เขาไม่สน แลนซ์เป็นนักดนตรีที่เล่นคอนเสิร์ตไปตามที่ต่าง ๆ ทั่วโลก เขาดูเป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ คนหนึ่ง
และเป็นคนง่าย ๆ ที่ค่อนข้างแสดงออกถึงความเจนโลก รวมทั้งมีความเป็นผู้ใหญ่ทั้งภายในและภายนอก
ฉันหันหลังกลับก่อนเดินไปที่ลานจอดรถ
หิมะยังคงตกลงมาเรื่อย ๆ พร้อมเสียงรองเท้าหนาของเขาที่เดินตามหลังฉันมาไม่ขาด เราทั้งคู่เดินมาถึงลานจอดรถเร็วกว่าที่คิด แลนซ์ยิ้มให้ฉันบาง ๆ ก่อนพูด “เธอเป็นเพียงเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งเมื่อเก้าปีก่อน”
ฉันโต้กลับทันควัน “ใช่ ฉันเป็นเด็กผู้หญิงที่ชอบแค่คุณคนเดียว”
ในตอนนั้นเธอพึ่งสูญเสียครอบครัวที่รักไปไม่นาน จึงทำให้ทุกความรู้สึก ทุกอารมณ์เสน่ห์หาเอียงไปหาชายหนุ่มตรงหน้าทั้งสิ้น
รวมทั้งเพราะแลนซ์คือสิ่งปลอบใจเดียวที่อยู่ในใจของเธอเสมอมา
จึงเป็นเหตุผลให้ฉันตัดสินใจทำทุกอย่าง โดยปราศจากการไถ่ถามความคิดเห็นจากคนอื่น ๆ และเพื่อทำให้เขากลายมาเป็นที่พึ่งทางใจเพียงหนึ่งเดียวของฉัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัวใจ ฉัน เป็น ของ เธอ