“ฉันไม่ชอบคุณแล้ว”
หลังจากกดส่งออกไป ฉันรู้สึกได้ถึงอิสระเหมือนทุ่นหนักที่โดยปลดให้ลอยออกไปตามเกลียวคืนอย่างเสรี แคโรไม่ต้องการคิดถึงเรื่องวุ่นวายเหล่านั้นหรือกักขังตัวเองไว้ในอดีตอีกต่อไป ฉันเพียงต้องการใครบางที่ฉันสามารถรักได้ในช่วงชีวิตที่แสนสั้นนี้
ไม่สำคัญว่าชายคนนั้นจะสงสารเธอหรือเพราะอะไร
ตราบใดที่เขาอยู่กับเธอเสมอ และตราบใดที่เขาทำให้เธอได้เข้าใจถึงความรู้สึกของคำว่ารัก สิ่งอื่นย่อมไร้ความหมายทันตา
ฉันทิ้งโทรศัพท์ลงในกระเป๋าเสื้ออย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเดินเล่นไปรอบเมืองจนค่ำ แต่เมืองนี้ที่ห่างไกลจากตัวเมืองใหญ่พอสมควร ทำให้บรรยากาศในเมืองค่อนข้างมืด มีคนเพียงไม่กี่คนสัญจรอยู่บนถนน มองไปมองมาก็น่ากลัวไม่น้อยสำหรับการเดินคนเดียวแบบนี้
หญิงสาวรีบกวักมือเรียกแท็กซี่ ทว่ายังไม่ทันจะได้นั่งดี ๆ กลับมาเสียงเรียกเข้าจากฌอนดังขึ้นมาเสียก่อน
เขาถามฉันอย่างนุ่มนวล “ที่รัก เธออยู่ไหนแล้ว?”
แม้ว่าฉันตะไม่ค่อยได้ติดต่อพูดคุยกับเขามากมายอะไร แต่ฉันรู้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่รู้วิธีทำให้ผู้หญิงทีความสุข เวลาที่ฉันอยู่กับเขา ฌอนจะทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาเป็นที่พึ่งให้ฉันได้ และนี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ฉันเลือกจะติดต่อเขาเป็นคนแรกเมื่อฉันเดินทางมาที่นี่
เขาเป็คนที่ไม่เห็นแก่ตัวในเรื่องความรัก และสิ่งที่ฉันขาดไปก็คือความรักที่ต้องการเติมเต็ม
ทว่า สิ่งที่หลงเหลือในชีวิตของฉันตอนนี้คือช่วงเวลาที่จำกัด ฉันจึงอยากจำทำตามที่ใจต้องการซักครั้ง
หญิงสาวจ้องมองไปยังทิวทัศน์ด้านนอกตัวรถ พลางเอ่ยตอบ “ฉันอยู่บนรถแล้ว”
“หืม? ส่งโลเคชั่นมาให้ผมหน่อย”
ฌอนไม่ใช่คนพูดพร่ำเพรื่อ ชายหนุ่มวางสายไปทันทีหลังพูดจบ แคโรเบนสายมองมาที่โทรศัพท์อีกครั้ง ก่อนจะหยุดสายตาลงที่ข้อความจากซัมเมอร์ “เธออยู่ที่ไหน? ฉันกลับเข้าเมืองมาเพื่อเจอ”
นิ้วเรียวพิมพ์กลับ “ฉันอยู่ที่เมืองถง”
เมื่อส่งข้อความเรียบร้อย ฉันก็บอกให้คนขับจอดพลันจ่ายค่าโดยสาร หลังจากนั้นค่อยเดินไปรอฌอนบริเวณริมฟุตบาท
ตอนนี้อากาศในเมืองถงเริ่มหนาว มือบางรวบเสื้อโค้ทตัวหนาเข้าหากันให้แน่นขึ้น พลันกลับมาจดจ่อที่ข้อความจากซัมเมอร์ต่อ
ซัมเมอร์พิมพ์ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว “เธออยู่ที่ไหนในเมืองถง?”
ฉันยิ้มบาง ๆ ก่อนจะถามเธอกลับ “ทำไมเธอถึงอยากรู้รายละเอียดขนาดนั้น?”
“เพราะเธอตัวคนเดียว และฉันเป็นห่วงเธอ”
ซัมเมอร์ตอบกลับมาตามตรง ฉันชะงักไปเล็กน้อย พลันส่งที่อยู่ของโรงแรมให้เธอไป
ฌอนเดินทางมาถึงอย่างเร็วควันด้วยเบนท์ลี่ย์สีดำคันหรู แคโรยกมือป้องแสงไฟหน้ารถที่สาดส่องมาที่ใบหน้าและดวงตาของเธอ มันจ้าจนแสบตา ร่างสูงเปิดประตูก้าวลงมาจากรถพร้อมตวัดแขนโอบรอบไหล่ของฉันอย่างหยอกเหย้า “ไง คิดถึงผมไหม?”
ในเหตุการณ์เครื่องบินตกเมื่อเก้าปีก่อน เราทั้งคู่ได้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักช่วงเวลาเดียวกัน เมื่อตอนที่ฉันไปโรงพยาบาลเพื่อแจ้งรูปพรรณสัณฐานของพ่อกับแม่ ฉันร้องไห้โฮด้วยความเจ็บปวดราวกับสูญเสียโลกทั้งใบ และเขา ฌอนที่กำลังอายุได้ยี่สิบปี ยืนนิ่งเงียบมองภาพตรงหน้าด้วยนัยน์ตาแดงก่ำน้ำตาอยู่ข้างฉัน
ทีมกู้ภัยทำการออกค้นหาบริเวณจุดตกท่ามกลางทะเลกว้าง ทว่าพวกเขาพบเจอเพียงไม่กี่ร่างเท่านั้น แต่ครอบครัวของฉันและแม่คนของฌอนคงไม่มีโชคต่อเราทั้งคู่ ฉันกับฌอนตกลงจัดงานฌาปนกิจศพขึ้นกลางทะเลเพื่อพวกท่าน และมักจะชวนกันไปเยี่ยมพวกท่านเสมอทุก ๆ สามปี
แม้แต่งานแต่งงานของฉันเขาก็ยังมาร่วมแสดงความยินดี แต่ซ้ำร้ายตอนนั้นฉันกลับไปรู้อะไรเลยจนกระทั่งเสร็จสิ้นพิธีการ ฌอนส่งข้อความหาฉัน “ที่รัก เธอดูสวยงามมากในชุดแต่งงาน ผมขออวยพรให้ชีวิตแต่งงานของเธอมีแต่ความสุขนะ”
เขาเป็นคนพิเศษสำหรับฉัน และฉันก็เป็นคนพิเศษสำหรับเขา
เราสองคนคือสมบัติล้ำค่าที่เหลืออยู่ของกันและกันตั้งแต่ที่ครอบครัวที่รักจากเราไปอย่างไม่มีวันกลับ
เราคือเพื่อนรักที่ไม่ค่อยได้เจอกันหรือสนิทกันแต่ยังคอยช่วยเหลือ เชื่อใจ ประคับประครองกันอยู่เสมอ
หญิงสาวเอนซบอกบนอกแกร่งของชายหนุ่มก่อนเอ่ย “ใช่น่ะสิ ฉันจะคิดถึงนายไม่ได้เลยหรือไง?”
ร่างสูงหัวเราะออกมาอย่างร่าเริงเมื่อได้ยินแบบนั้น พลันตอบ “ก็ได้นะ แต่ไม่กี่เดือนก่อนผมได้ข่าวว่าเธอตายไปแล้วหนิ? ผมเกือบส่งคนไปสืบเรื่องที่จู่ ๆ เธอกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้วนะ บอกมาเลย ทำไมถึงชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงนัก?”
ไม่มีใครรู้ว่าฉันเป็นเพื่อนกับ ฌอน ฟล็อกแห่งเมืองถง นั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมไม่มีใครรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นกับฉันในระยะนี้ให้เขารู้ นอกจากนี้ ฌอน มักจะบินไปทั่วโลกเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจเสมอ ทำให้เขาไม่ค่อยสนใจข่าวคราวบ้านเมืองตัวเองซักเท่าไหร่
แคโรเริ่มอธิบายทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธออย่างใจเย็น มือหนาของฌอนเริ่มกอดไหล่ของเธอแน่นขึ้น ร่างสูงรับฟังอย่างตั้งใจ และรับรู้ความรู้สึกของฉันราวกับว่าเขาได้เข้าไปผจญความเจ็บปวดทรมานเหล่านั้นกับฉัน
ไม่นานนัก เสียงทุ้มนุ่มจึงเอ่ยปลอบโยนแผ่วเบา “อย่ากังวลเลย ที่รัก เชื่อผม เราทั้งคู่ผ่านพ้นความตายและการลาจากมามากเกินพอแล้ว พระเจ้าคงไม่ใจร้ายกับเราไปมากกว่านี้”
ฉันเงยหน้ามองไปยังปรายคางของร่างสูง พลางเอ่ย “มันจะต้องไม่เป็นไร”
มือหนาประคองแก้มของฉันไว้พลันเอ่ย “ไปเถอะ ผมจะพาคุณไปหาอะไรสนุก ๆ ทำดีกว่า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัวใจ ฉัน เป็น ของ เธอ