ดิกสันคือคนที่เหมาะสมที่สุดในการรับช่วงต่อจากฉัน แต่เขาปฏิเสธมัน ตัวของเธอเองก็โดนบีบให้รับช่วงดูแลบริหาร ชอว์ คอปเปอเรชั่น ต่อในเมื่อตัวเลือกสุดท้ายของฉันไม่สามารถทำได้ เรื่องการหาผู้สืบทอดเริ่มจะเป็นเรื่องยุ่งยากขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ใช่แล้ว สำหรับฉันการจัดการเรื่อง ชอว์ คอปเปอเรชั่น นั้นเป็นอะไรที่ยิ่งกว่าสู้รบในสงครามเสียอีก
แคโรคิดพลางพยักหน้าตอบร่างสูง “ฉันต้องกลับไปเช็คอาการของตัวเอง”
ทว่ากลับฉุกคิดบางอย่างขึ้นได้ “นี่คุณตามฉันมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ดิกสันพึมพำแกมประชด “ก็มีแต่คุณนั่นแหละที่ไม่เคยสังเกตเห็นผม”
“…”
ร่างเพรียวหมุนตัวไปอีกทางราวกับไม่ใส่ใจ พลันรู้สึกถึงอ้อมกอดหนาของร่างสูงที่โอบกอดจากทางด้านหลัง แคโรตกใจเผลอยกแขนขึ้นคล้องคอชายหนุ่มไว้ทันควัน ดิกสันหัวเราะพลางพูด “แมวขี้กลัว”
นี่เขาย้อนฉันด้วยคำที่ฉันบ่นชัคงั้นเหรอ
ดวงตากลมสวยกรอกไปมาปนรำคาญ “ปล่อยฉันเลยนะ”
ช่วงนี้ดิกสันเริ่มเข้ามาวุ่นวายในชีวิตของเธอมากกว่าเมื่อก่อน
หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจออกมา พลางแคลงใจกับโชคชะตาของตัวเอง
เธอติดอยู่ในวังวนของสองพี่น้องนี้อย่างไร้ทางออก
ดิกสันไม่สนใจต่อท่าทีเหล่านั้น ฉันจึงพูดเสียงดังขึ้นอีก
“ปล่อยฉันนะ!”
แต่สิ่งที่ได้มีเพียงคำว่า “ไม่”
“ถ้าคุณไม่ปล่อยฉันจะกรี๊ดแล้วนะ?”
สถาณการน์ตอนนี้คือเราทั้งคู่กำลังยืนอยู่ตรงใจกลางเมืองที่มีผู้คนพลุกผล่านเดินไปมากันควักไขว่ และการที่เขากอดฉันแบบนี้ก็เรียกสายตาจากคนที่ผ่านไปผ่านมาได้ดี ยิ่งเราสองคนหน้าตาดีและแต่งตัวดูดีเป็นทางการแบบนี้อีก ไม่จำเป็นต้องทำอะไรกระโตกกระตาก ใครต่อใครต่างก็ต่างพากันจับจ้องมองทางเรา
ทว่าดิกสันหาได้สนใจไม่ พลางเอ่ยแกล้ง “อยากร้องก็ร้องไปสิ”
ฉันส่ายศีรษะไปมาบนอกแกร่ง “รีบ ๆ กอดให้เสร็จแล้วปล่อยได้แล้ว”
แคโรเดาว่าดิกสันคงจะหัวเราะอยู่เป็นแน่ เพราะตอนนี้แผ่นอกหนาที่เธอหนุนอยู่กำลังสั่นไหว
ดิกสันอุ้มฉันตัวลอยก่อนจะเดินไปยังที่ที่เขาจอดรถทิ้งไว้ก่อนหน้า มือหนาเปิดประตูรถพลางวางฉันลงที่เบาะข้างคนขับ ร่างสูงก้มตัวนั่งลงข้างรถใกล้ ๆ ฉัน แล้วถอดรองเท้าส้นสูงเปื้อนโคลนออกให้
เขาแทบไม่สนใจคราบสกปรกพวกนั้นด้วยซ้ำ แถมยังเอาไปวางไว้ที่เบาะหลังให้อีกต่างหาก
ดิกสันหยิบขวดน้ำจากเบาะหลังพร้อมตลับยาออกมา พร้อมเขยิบตัวเข้ามาราวกับจะช่วยทายาบริเวณข้อเท้าให้ แต่ฉันไม่สบายใจจึงบอกไปว่า “ฉันจะทำเอง”
ร่างสูงไม่ได้ขัดอะไร เขายื่นตลับยาทั้งยาทา และยากินให้ฉัน ก่อนจะถดตัวกลับไปที่เบาะฝั่งคนขับ
เพราะเมื่อคืนฉันไม่ได้หาน้ำแข็งมาประคบมัน ข้อเท้าของฉันเลยบวมช้ำกว่าเดิม อีกทั้งเมื่อเช้ายังฝืนใส่ส้นสูงอีก ทำให้สีช้ำนั้นเข้มขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเดินไม่ได้เสียทีเดียว
รถเคลื่อนตัวไปข้างหน้าช้า ๆ พร้อมกับมือบางที่ค่อย ๆ ทายาลงไป เมื่อทายาและทานยาแก้อักเสบแล้ว พลันรู้สึกตัวว่าเราไปได้ไปไหนไกลจากตัวเมือง แคโรวางตลับยาลงก่อนเอ่ยถาม “คุณกำลังจะพาฉันไปที่ไหน?”
ฉันตกลงว่าจะใช้เวลาทั้งวันกับเขาแล้ว ดังนั้นยังไงก็ต้องยอมให้ดิกสันหนึ่งวันล่ะนะ
แม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องใช้เวลาร่วมกันก็เถอะ
ดิกสันไม่ตอบแต่ถามกลับ “คุณเคยเห็นวิวพระอาทิตย์ตกที่เมืองอู๋ไหม?”
ฉันนึกคิดซักพัก “เคย ฉันเคยเห็นแล้ว”
เมื่อก่อนฉันก็ตามแลนซ์ไปดูพระอาทิตย์ตกดินเหมือนกัน พร้อมนั่งมองแสงสีพวกนั้นไล่เลียงคลอเคลียไปกับแผ่นหลังนั่น
ดิกสันเลิกคิ้วสงสัย “ไปดูมาตอนไหน?”
แม้ว่าไม่ควรจะเอ่ยถึงเรื่องราวในอดีตอีก แต่ฉันเลือกที่จะบอกเขาไป “ฉันเห็นมันบ่อยครั้ง แต่ครั้งที่จำได้คือตอนที่กำลังเดินตามแลนซ์ ตอนนั้นในหัวของฉันมีแต่เรื่องของเขา ทำให้จำแสงสีของอาทิตย์ตกในวันนั้นได้ดี”
“…”
ดิกสันเงียบไปเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาไม่ชวนฉันคุยอีก
แคโรไม่รู้ว่าร่างสูงจะพาเธอไปไหน รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้เราทั้งคู่ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองอีกแล้ว
เขาขับรถขึ้นไปตามถนนเส้นเรียบเขา ในขณะที่ฉันใช้จีพีเอสค้นหาพิกัดของเรา
หน้าจอปรากฏลักษณะของที่พักอาศัยแห่งหนึ่งบนภูเขา
ฉันถามคนข้างกายด้วยความสงสัย “คืนนี้เราจะยังกลับเข้าเมืองอยู่ไหม?”
ตอนนี้เริ่มมืดแล้ว และกว่าเราจะขับมาถึงที่นี่ก็ใช้เวลาสองถึงสามชั่วโมงเลยทีเดียว
แม้ว่าฉันจะป่วยแต่ร่างกายก็ได้รับการรักษาและฟื้นตัวดี ถ้าเขาคิดจะทำอะไรกับฉันย่อมทำได้
เสียงเข้าตอบ “อืม ผมจะไปส่งคุณพรุ่งนี้”
ฉันรีบแย้งกลับ “แต่คุณห้ามแตะต้องตัวฉันเด็ดขาด”
ท่าทีลุกลนของฉันทำให้เขาหลุดเขาออกมาเบา ๆ
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น “ฉันรับปากว่าจะอยู่กับคุณทั้งวัน ยกเว้นเรื่องนั้น”
ดิกสันยังคงขับรถต่อไปเงียบ ๆ ฉันไม่รู้เลยว่าเขารับฟังอยู่หรือเปล่า ภายในใจมัวแต่กังวลถึงเรื่องอย่างว่าจนลืมสังเกตวิวภูเขาสวย ๆ ที่เรียงรายอยู่ภายนอกหน้าต่าง
เธอกลัว กลัวว่าเขาจะเอาเปรียบร่างกายนี้อีกครั้ง
ดูเหมือนดิกสันจะรู้ว่าฉันกำลังไม่พอใจ พลันถาม “แคโรไลน์ คุณคิดว่าคุณจะปฏิเสธผมได้เหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัวใจ ฉัน เป็น ของ เธอ