พลันคนงานอีกคนก็เดินออกมาถามเราอีกครั้ง “คุณมาส่งของขวัญให้กับนายท่านเยลใช่ไหม?”
ชัคตอบรับไป แต่คนรับใช้ยังคงไม่กล้าเปิดประตูให้เราเข้าไป เธอลุกลี้ลุกลนก่อนพูด “รอสักครู่นะคะ พ่อบ้านบอกฉันไว้แล้ว ขอฉันโทรรายงายเขาก่อน”
เมื่อเธอเดินออกไปแล้ว โทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้นอีก ฉันไม่อยากให้มันดังอยู่แบบนี้จึงเลือกที่จะกดรับสายในที่สุด มือเรียวยกโทรศัพท์ขึ้นแทบหู แคโรได้ยินเสียงยิ้มเยาะจากปลายสาย ก่อนอีกฝ่ายจะเอ่ย “แคโรไลน์ ชอว์ คุณสืบเรื่องของผมงั้นเหรอ?”
แคโรมองไปรอบ ๆ สถานที่ที่เรียกว่าบ้านของคนตระกูลเยล มันคือคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา มองทะลุประตูออกไปสามารถเห็นได้ถึงสนามหญ้าเขียวขจีและทะเลสาบเทียมที่เต็มไปบัวหลายสิบต้น น่าเสียดายที่ช่วงนี้ไม่ใช่ฤดูที่มันจะเบ่งบานได้ แถมก้นบ่อยังมีปลาคราฟสีทองว่ายวนเต็มไปหมด พวกมันทำฉันขนลุกทุกครั้งที่มอง
ฉันยิ้มบางพลันเอ่ยเสียงเรียบ “คุณโทรหาฉัน เพื่อจะบอกว่าคุณไม่อนุญาตให้ฉันสืบเรื่องของคุณเหรอ? ทำไมล่ะ? เพราะคุณรู้แล้วเหรอว่าฉันส่งคนไปสืบ เกวน เวิร์ท?”
“หึ คิดว่าจะหาผมเจอเหรอ?”
ฉันกดเสียงต่ำกว่าเดิม “ลองดูไหมล่ะ?”
พลันมีเสียงเคาะประตูดังลอดออกมาจากปลายสาย อีกฝ่ายเมินเฉยต่อเสียงนั่น ก่อนจะคุกคามฉัน “เธอมันก็แค่ผู้หญิงอายุสั้นคนหนึ่ง ไม่ว่าเธอจะทำอะไร เธอก็เป็นได้แค่ตัวตลกอยู่วันยังค่ำ! แคโรไน์ ชอว์ เธอนี่มันโชคร้ายจริง ๆ!”
เสียงนั่นยังคงยกเรื่องสุขภาพของฉันมาพูดให้แทงใจ
ไม่นานกลับมีเสียงแหบอีกเสียงดังปะปนออกมากับเสียงของอีกฝ่าย “ประมุขเยล มีคนนำของขวัญมาส่งให้นายท่านเยลค่ะ”
ประโยคนั้นเป็นหลักฐานยืนยันชั้นดีว่าคนที่พูดสายกับเธออยู่ตอนนี้ต้องเป็นคนของตระกูลเยล แคโรไม่จำเป็นต้องหาข้อพิสูจน์อื่นแล้ว
อีกฝ่ายวางสายในทันทีก่อนที่จะมีพ่อบ้านคนหนึ่งเดินมาเปิดประตูให้เรา พ่อบ้านคนนี้ไม่เคยเห็นฉันมาก่อน เขาจึงหันไปคุยกับเลขาของฉันแทน “คุณโจนส์ ผมขอถามได้ไหมครับว่าคุณผู้หญิงคนนี้เป็นใคร?”
ฉันชิงพูดตอบก่อนที่ชัคจะอ้าปาก “ฉันเป็นเลขาส่วนตัวของเขาค่ะ”
ชัครับรู้ได้ทันที “เธอชื่อคุณจาคอปส์ครับ”
เลขาคนเก่งใช้ชื่อของซัมเมอร์แทนตัวฉัน และคุณพ่อบ้านที่ไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้ก็เชิญฉันและชัคเข้าไปในบ้าน พลางเอ่ยอย่างสุภาพ “ตอนนี้นายท่านเยลเดินทางไปจัดการเรื่องธุรกิจเกี่ยวกับเวชศาสตร์และยาอยู่ที่ต่างประเทศ แต่ทว่าในบ้านยังมีประธานเยลอยู่อีกท่านหนึ่ง”
ฉันฟังพลางคิด ก่อนจะเอ่ยถาม “ฉันไม่ค่อยเห็นท่านประธานเยลปรากฎตัวในงานเลี้ยงของบริษัทต่าง ๆ เลยนะคะ ช่วงนี้ส่วนมากจะเป็นจะเป็นที่ทำหน้าที่แทนเหรอคะ?”
คุณพ่อบ้านได้แต่ฟังและเงียบ ร่างบางยกยิ้ม “ที่นี่มีประธานเยลกี่อยู่คนเหรอคะ?”
แน่นอนว่าเสียงแหบแห้งที่ได้ยินด่อนหน้าจะต้องเป็นของพ่อบ้านคนนี้แน่นอน ทว่าภายในคฤหาสน์หลังนี้ไม่ได้มีเพียง เวนดี้ เยล เท่านั้นที่ได้รับตำแหน่งประมุขและประธานบริษัทของตระกูลเยล มันยังมีคนอื่นอีก
พ่อบ้านตรงหน้าทีท่าทีไม่อยากตอบคำถาม แต่เพื่อให้ไม่เป็นการเสียมารยาทต่อหน้าเลขาของฉัน เขาจึงตอบ “ตอนนี้ จำนวนของคนทั้งหมดที่ได้รับตำแหน่งประธานของตระกูลเยลนั้นมีอยู่สี่คน นอกจากนายท่านเยลและคุณเวนดี้ ก็ยังมีคุณเจนนิเฟอร์ เยล และพ่อของเธอ ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบอร์ดผู้บริหารของตระกูลเยลครับ”
แคโรก้มหน้าลงพลางนึกถึงยัยโง่คนนั้น เจนนิเฟอร์ เยล
ถ้าเปรียบเทียบกับเวนดี้ ดูเหมือนว่าคนที่จะทำเรื่องแบบบนี้ได้น่าจะเป็นเธอมากกว่า
พ่อบ้านพาเราทั้งคู่เดินเข้าไปยังห้องโถงกลาง ทันใดนั้นฉันก็พบกับเวนดี้และเจนนิเฟอร์ ที่ยืนรอต้อนรับเราอยู่ตรงนั้น หญิงสาวทั้งสองชะงักไปเมื่อเห็นว่าคนที่มาขอพบเป็นใคร ฉันยิ้มก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาเบอร์ปริศนาเมื่อครู่
ทันใดนั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ดังก้องขึ้นทั่วห้องโถง
เสียงนั้นไม่ได้มาจากเวนดี้ ใบหน้าที่เหลอหลาปนตกใจของเธอบ่งบอกได้ดีว่าเธอช็อคแค่ไหน เจนนิเฟอร์ตั้งสติพลางเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์สีแดงของตัวเองออกมา
ฉันกดเปิดลำโพงแล้วพูด “ประธานเยล คุณควรจะรับสายของคุณนะ”
ฉันจงใจเรียกเธอว่าประธานเยล
เจนนิเฟอร์ยังคงดูสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พลันเวนดี้กลับเอ่ย “เจนนิเฟอร์ เธอเปลี่ยนโทรศัพท์ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เจนนิเฟอร์ ผู้ซึ่งยังคงสับสนและตกใจ กลับค่อย ๆ นิ่งลงเหมือนดึงสติกลับมาได้หลังจากที่ได้ยินเสียงของเวนดี้ เธอขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยรับโทรศัพท์
เสียงที่ออกมากลับเป็นเสียงแหบแห้งเสียงเดียวกับที่ฉันได้ยินจากคนคนนั้น
ฉันหัวเราะเบา ๆ พร้อมเอ่ยถาม “คุณไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นใช่ไหมล่ะ? ฉันยอมลงทุนนั่งเครื่องมาเมืองเอเพื่อจับคุณโดยเฉพาะเลยนะ”
เจนนิเฟอร์ถามกลับอย่างไม่เข้าใจ “เธอหมายความว่ายังไง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัวใจ ฉัน เป็น ของ เธอ