ถามออกไปก่อนจะฉุกคิดได้ถึงข้อความที่ดิกสันส่งมาให้ก่อนหน้านี้ “ที่ฉันไปเมืองเอไม่ใช่เพราะไม่เชื่อใจคุณ แต่ฉันไปเพราะสงสัยอะไรบางอย่างในตอนนั้น”
ใบหน้าหล่อหันกลับมา “แล้วทำไมต้องโกหก?”
“ทำไมต้องโกหกเหรอ...?”
เรื่องจริงที่ฉันโกหกเขา
และฉันก็ไม่ใช่คนที่จะเก่งในการหาเหตุผลไปเรื่อย แคโรถอนหายใจ ก่อนจะบอกความจริง “เบาะแสบางอย่างที่ฉันเจอเชื่อมโยงกับคนตระกูลเยล ก่อนหน้านี้ชัคเคยพูดให้ฉันบอกคุณ แต่พอรู้ว่านายหญิงเยลคือป้าของคุณ ฉันจึงเลือกที่จะโกหกเพราะไม่อยากทำให้คุณลำบากใจ และฉันก็ไม่คิดว่าคุณจะรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว...”
ร่างเล็กเงียบไปครู่ พลันถามอีกครั้ง “แล้วจู่ ๆ ทำไมคุณถึงมาที่เมืองเอล่ะ?”
ดิกสันจอดรถเมื่อถึงไฟแดงพลางดึงเบรคมือขึ้น ดวงตาคมเข้มเบนจากภาพการจราจรติดขัดตรงหน้ามายังใบหน้าของฉัน ก่อนจะต้องมองมันอยู่แบบนั้น แคโรขมวดคิ้ว มือบางยกขึ้นมาจับลูบใบหน้าตัวเองอย่างสงสัย “คุณจ้องหน้าฉันทำไมเนี่ย?”
“ผมคิดถึงคุณ และไม่อยากห่างจากคุณซักนิด”
ร่างสูงยังคงพูดคำหวาน ๆ ต่อไป “ผมถึงทนรอไม่ได้ และบินตามคุณมาทันทีหลังเสร็จงานที่บริษัท แต่พอถึงที่เมืองเอ คุณป้ากลับส่งข้อความมา ถามว่าผมมาหาเธอได้ไหม ผมเลยบอกเธอไปว่าตอนนี้ผมอยู่ที่เมืองเอพอดี แล้วเธอก็บอกว่าคุณอยู่ที่นั่น”
ถ้าคิดตามคำพูดของดิกสัน นั่นหมายความว่ามาดามเยลต้องการให้ดิกสันมาจัดการเรื่องนี้ตั้งแต่แรก เธอส่งข้อความหาเขาทันทีเครื่องลงจอด
เธอแสร้งโทรศัพท์หาดิกสันต่อหน้าพวกเราทุกคนในห้องโถงทั้ง ๆ ที่เธอติดต่อเขาไปก่อนหน้านั่นแล้ว ไม่แน่ว่าเธอต้องการซ่อนอะไรบางอย่างจากฉัน หรือมันอาจจะเกี่ยวกับเวนดี้?
ฉันพยักหน้าตอบรับคำพูดของดิกสัน ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบแก้มเขาเบา ๆ “อย่าโกรธเลยนะ สัญญาว่าครั้งหน้าฉันจะบอกคุณทุกเรื่องเลย”
เห็นฉันอ่อนลงให้แบบนี้ ดิกสันก็ยอมแพ้ไปโดยปริยาย
ร่างสูงถอนหายใจเล็กน้อยพลางถาม “แล้วเราจะไปไหนกันต่อ?”
“ฉันจะกลับไปที่เมืองเอส” ฉันตอบ
เสียงเข้มพึมพำราวกับไม่สบอารมณ์ “เราจะไปหาตระกูลคุกเหรอ?”
มือเรียวจับลูบใบหน้าหล่อเหลาอีกครั้งก่อนจะบีบแก้มของชายหนุ่มเบา ๆ “หน่า ๆ ยังไงพรุ่งนี้ฉันก็ต้องไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ไม่อย่างนั้นเฮนรี่จะกังวลแล้วบึ่งมาหาฉันที่เมืองอู๋นะสิ”
ดิกสันดูหงุดหงิดเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อของเฮนรี่ มือหนายกมาทาบลงบนมือฉันที่ยังคงจับแก้มของเขาไว้ ริมฝีปากหนาขยับเหมือนจะเอ่ยถาม พลันก็ปิดเงียบลงตามเดิม
เราทั้งคู่มาถึงเมืองเอสเกือบสองทุ่ม เลขาของฉันกับดิกสันไม่ได้มาด้วย จึงกลายเป็นว่ามีแค่เราสองคนเท่านั้น
ฉันบอกกับเฮนรี่ไปก่อนหน้านี่ว่าเราจะนั่งเครื่องมาหา ดังนั้นเมื่อถึงสนามบินเฮนรี่ก็รีบขับรถมารับฉันทันที ทว่าพอเขาเห็นดิกสันยืนอยู่กับฉัน ใบหน้าของพี่ชายกลับขรึมลงทันที เฮนรี่เดินเข้ามากอดฉันพลางตบหลังเบา ๆ เสียงทุ้มเอ่ย “แคโร เหมือนเราไม่เจอกันนานเป็นปีเลยนะ ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาไม่กี่วันเอง”
“แค่สามสี่วันเองหน่า” ฉันพูดและยิ้มตอบ
เฮนรี่ยิ้มกลับมาแต่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาจับมือฉันก่อนจะเดินไปหาดิกสัน นัยน์ตาคมจ้องมองมือที่จับกันของเราด้วยสายตาเย็นชา
เฮนรี่เป็นฝ่ายเอ่ยทักทายพร้อมยื่นมืออกไปก่อน “คุณเกร็ก”
เฮนรี่ เกลียดดิกสัน หรืออาจจะเรียกได้ว่าเหม็นขี้หน้า จากเหตุการณ์ที่เฮนรี่เจอดิกสันและเกวนที่โรงพยาบาลในครั้งนั้น มิหนำซ้ำดิกสันยังปล่อยให้เกวนพูดจาไม่ดีกับฉันอีก
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เฮนรี่โกรธมากจนประกาศยกเลิกธุรกิจทั้งหมดระหว่างตระกูลคุกกับตระกูลเกร็กในงานเลี้ยงต่อหน้านักธุรกิจคนอื่นรวมทั้งชนชั้นไฮโซทั้งหลาย และส่งผลให้เกวนอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอีกต่างหาก
จุดประสงค์ของเฮนรี่ไม่ใช่เพราะอยากทำร้ายใคร เขาเพียงแค่ต้องการแก้แค้นให้ฉัน เขาสามารถทำให้เรื่องราวแย่ลงกว่านั้นได้อีก
แต่ฉันก็ขอร้องเขาไว้
เฮนรี่ยอมวางแผนจัดงานศพปลอม ๆ ขึ้นมาเพื่ออยากให้ดิกสันทรมาณใจเจียนตาย
และมากกว่านั้น ยังปลุกปั่นให้ผู้ชายตระกูลเกร็กเป็นคนรับผิดชอบจัดงานฌาปนกิจศพด้วยตัวพวกเขาเองด้วย
เมื่อมองจากภาพรวมเหล่านั้น ฉันสรุปได้ว่าเฮนรี่เกลียดดิกสัน มาเสียจนไม่สามารถใช้อากาศร่วมห้องกันได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัวใจ ฉัน เป็น ของ เธอ