ฉันย้ำอีกครั้ง “ก็ใช่นะสิ เฮนรี่ พี่ชายของฉัน เขาดูแลฉันดีกว่าใครทั้งนั้น เขาเป็นยิ่งกว่าของขวัญล้ำค่าที่แม่มอบให้ฉันเลยล่ะ”
“ถ้าเขาคือคนที่ดูแลคุณได้ดีที่สุด แล้วผมคืออะไร?”
ดิกสันยังคงเล่นแง่ไม่เลิก หญิงสาวผ่อนลมหายใจพลางเอ่ยเชิงปลอบ “อย่างน้อยก็แค่ช่วงนี้เท่านั้น ที่เขาจะยังดูแลช่วยเหลือฉันได้อยู่”
ร่างสูงไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับ แต่คิ้วที่ขมวดนั่นบ่งบอกว่าเจ้าตัวยังคิดไม่ตกเรื่องความสัมพันธ์ของฉันกับเฮนรี่ “จากข้อมูลของผม ตระกูลชอว์กับตระกูลคุกไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกันมาก่อน แล้วพวกคุณไปรู้จักกันได้ยังไง?”
ฉันไม่ได้มีเจตนาอยากจะเปิดเผยอดีตที่เป็นความลับของเฮนรี่ หรือประกาศให้คนทั้งโลกรู้ถึงเรื่องส่วนตัวของเรา
แต่เพื่อทำให้ดิกสันสบายใจ จึงเลือกตอบเพียง “เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เขาเป็นลูกชายเพื่อนสนิทของคุณแม่ ฉันถึงนับถือเขาเป็นพี่ชายจนถึงทุกวันนี้”
แม้ว่าอธิบายของฉันจะไม่ได้ลงรายละเอียดมากมาย ทว่าดูเหมือนดิกสันยอมเข้าใจและไม่ถามอะไรอีก ร่างสูงหันหลังเดินไปยังห้องครัวเพื่อเตรียมมื้อเย็นแทน
แคโรมองไปยังแผ่นหลังแกร่งพลันยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ร่างเล็กมุ่งหน้าขึ้นไปยังห้องของพี่สะใภ้ที่อยู่ด้านบน ก่อนจะหาสำลีเพื่อลบเครื่องสำอางที่ค้างอยู่บนหน้ามาทั้งวัน
ในห้องของพี่สะใภ้นั่นเต็มไปด้วยเครื่องสำอางและครีมประทินผิวหลากหลายแบรนด์ รวมทั้งขนาดตัวของเราสองคนก็ไม่ต่างกันมาก หญิงสาวสำรวจโต๊ะเครื่องแป้งหรูอยุ่ซักพัก ก่อนจะหยิบเครื่องสำอางและเสื้อผ้าจำนวนหนึ่งออกมาจากห้อง
ถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นคฤหาสน์ตระกูลคุก แต่เฮนรี่ก็ยกห้องให้ฉันไว้สำหรับเป็นห้องส่วนตัวของตัวเอง
ทว่ามันก็แค่ห้องธรรมดาห้องหนึ่ง
มีแค่เฟอร์นิเจอร์กับห้องโล่ง ๆ แค่นั้น
เมื่อกลับไปถึงห้องของตัวเอง ฉันก็ล้างเครื่องสำอางออกพลางอาบน้ำแต่งตัวซะใหม่ ขาวเรียวก้าวเท้าไปยังกระจกที่สะท้อนให้เห็นร่างขาวซีดของผู้หญิงคนหนึ่งและสภาพร่างกายที่ดูฟื้นตัวมากกว่าเดิม
หลังจากที่เป่าผมเสร็จเรียบร้อย ดิกสันก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมถ้วยซุปบะหรี่ชามใหญ่ พลันเสียงเข้มก็พูดบอก “ผมทำมาให้ คุณลองทานดูหน่อย”
มือหนาวางชามร้อน ๆ ลงตรงโต๊ะเล็กตรงหน้า ฉันมองเขาก่อนจะก้มหน้าลงมือทาน ทว่าพอเงยหน้าขึ้นกลับตกใจเมื่อสบเข้ากับสายตาคมที่มองมาอยู่ก่อน
ฉันกระแอมพลางถาม “มองอะไรของคุณ?”
“รอยแผลเป็นบนหน้าคุณ...”
นี่เขายังไม่จบกับเรื่องนี้อีกเหรอ?!
ฉันวางตะเกียบลงก่อนถาม “อะไรอีกล่ะ?”
“ผมรู้จักคนที่ช่วยลบรอยนั้นได้”
แคโรโต้กลับทันที “ใช่ ฉันรู้ว่ามันน่าเกลียด แม้ฉันจะใช้คอนซีลเลอร์ช่วยปิดรอยแล้ว ก็ยังต้องลงแป้งหนา ๆ อยู่ดี”
เสียงเข้มปนรู้สึกผิดจึงเริ่มอธิบาย “ไม่ ผมไม่ได้คิดว่ามันน่าเกลียด ผมแค่ถามเผื่อคุณอยากลบมัน นอกจากนี้ ก็เพราะผม คุณถึงมีรอยแผลเป็นบนหน้า”
มันคือเรื่องจริงที่เขาเป็นคนสร้างรอยนี้ขึ้นมา
เพราะเขาคือคนที่ผลักฉันล้มกระแทกพื้น
แต่ฉันไม่อยากยึดติดกับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตอีกต่อไป แคโรลุกขึ้นยืน พลางถือถ้วยเดินลงไปเก็บในห้องครัว เมื่อเดินกลับขึ้นมาบนห้อง ก็พบว่าร่างสูงเข้าไปอาบน้ำเสียแล้ว
ฉันนั่งเล่นโทรศัพท์ไปพลาง ไม่นานดิกสันก็เดินออกมาจากห้องน้ำ
ทันทีที่เห็นเขา เรื่องเมื่อคืนก็แล่นเข้ามาในหัวจนแก้มแทบร้อนไปหมด...
ทว่าดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่ได้สังเกตท่าทีที่เปลี่ยนไปของฉัน มือหนายังคงถือไดร์เป่าผมอยู่แบบนั้น ก่อนจะเดินกลับมานั่งลงข้าง ๆ ฉัน ใบหน้าหล่อชะโงกมาดูหน้าจอโทรศัพท์อย่างใคร่รู้ ฉันจึงยื่นให้เขาดูว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ พลางอธิบาย “ฉันเบื่อ ๆ เลยหาอะไรดูในเว่ยป๋อ อ๋อ ใช่ ฉันต้องส่งข้อความบอกพี่สะใภ้ด้วยหนิ”
ดิกสันกระชับโอบกอดพลันถาม “ผู้หญิงของเฮนรี่เหรอ?”
“ใช่ ฉันพึ่งไปเอาเสื้อผ้าของเธอมาใส่”
“พวกเขารักกันดีไหม?”
ถามแปลก ๆ ไปได้คนคนนี้
ฉันคิดก่อนจะตอบ “ถ้าพวกเขาไม่รักกันแล้วฉันจะเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ทำไมล่ะ?”
มือเรียวกดหาคอนแทคติดต่อในวีแชทก่อนจะกดส่งข้อความไป “ตอนนี้ฉันอยู่ที่บ้านตระกูลคุกนะ เมื่อกี้ฉันเข้าไปในห้องของเธอแล้วหยิบเสื้อผ้าออกมาด้วยสองสามตัว”
แคโรพิมพ์บอกเพิ่ม “ใช้มันเป็นข้ออ้างในการขอพี่ชายซื้อเสื้อผ้าใหม่ได้เลยนะ แล้วก็ เมื่อไหร่เธอจะแต่งงานกับพี่ชายของฉันซักที?”
แต่เดาว่าพี่สะใภ้คงไม่ว่างเป็นแน่ ไม่งั้นเธอคงตอบกลับข้อความไปนานแล้ว ฉันวางโทรศัพท์ลงพลางหันไปบอกดิกสัน “นอนเร็ว ๆ เถอะ พรุ่งนี้เช้าต้องไปตรวจน่างกายที่โรงพยาบาลอีก”
ทว่าอีกฝ่ายกลับเงียบ ฉันจึงหันไปหา ก่อนจะเห็นใบหน้าหล่อที่แดงนิด ๆ ราวกับคนเขินอาย
ฉันสงสัยกลัวว่าเขาจะป่วย แต่กลับได้ยินเสียงเข้มพึมพำแทน “แคโร ผมคิดถึงคุณ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หัวใจ ฉัน เป็น ของ เธอ