หลินไป๋หลัน นิยาย บท 103

จังหวะที่หวังเฉาเหว่ยมองร่างของอินทรีย์เพลิงที่ถูกเผาจนมอดไหม้มัวแต่ตกตะลึงอยู่นั้น หนานเหวินหลงจึงได้จังหวะใช้ธาตุน้ำแข็งสร้างกรงกักขังขึ้นมาครอบหวังเฉาเหว่ยเอาไว้ในทันทีโดยที่มันไม่ทันได้หลบหนีและตอนนี้หวังเฉาเหว่ยไม่มีพลังเพลิงของสัตว์อสูรคอยช่วยเหลืออีกแล้ว ก่อนหน้านี้ที่หนานเหวินหลงไม่สามารถใช้ธาตุน้ำแข็งได้ก็เพราะพลังเพลิงของสัตว์อสูรในพันธะที่มีพลังแข็งแกร่งแต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว กรงน้ำแข็งที่มีปราณระดับเซียนขั้นสูงจึงสามารถกักขังศัตรูได้อย่างหนาแน่นและไม่มีผู้ใดสามารถทำลายลงได้

ทางด้านไป๋หลันเห็นว่าเหตุการณ์เริ่มย่ำแย่ลงเพราะเหล่าทหารมีมากมายนางคงช่วยเอาไว้ไม่ได้ทั้งหมดและเหล่าทหารปีศาจของศัตรูยังคงใช้ดาบฟาดฟันลงมาไม่หยุดหย่อนทำให้ทหารขององค์ไท่จื่อล้มตายลงไปเรื่อย ๆ

ไป๋หลันใช้ความคิดเพียงครู่ว่าจะใช้ธาตุมืดดูดกลืนควันพิษและเหล่าทหารฝ่ายตรงข้ามแต่คงต้องใช้พลังเป็นอย่างมากในการควบคุมมันแต่ตอนนี้นางไม่มีทางเลือกอื่น เมื่อมองเหล่าทหารกล้าถูกคมดาบของคู่ต่อสู้และถูกพิษจนทำให้ล้มตายลงไปอย่างกับใบไม้ปลิดปลิว

ไป๋หลันดีดตัวขึ้นลอยอยู่บนอากาศเรียกสายหลายคู่ให้เหลียวมามอง ธาตุที่ไม่เคยได้นำออกมาใช้เลยสักครั้งวันนี้คงได้ประจักษ์ ร่างบางตั้งสมาธิเพียงครู่ธาตุมืดดำทะมึนค่อย ๆ ปล่อยออกมาจากร่างบางสายตาหลายคู่พลันเบิกกว้างเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

เหล่าทหารทั้งฝ่ายต่างหยุดการเคลื่อนไหวแล้วหันมาจ้องมองร่างของสตรีตัวน้อยที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศรอบตัวมีควันดำลอยออกมาช่างดุน่ากลัวยิ่งนัก และเมื่อรู้ว่าควันดำนั้นคือธาตุมืดที่กลืนกินวิญญาณผู้ให้ตกตายโดยที่ยังไม่ทันได้กระพริบตาต่างก็ถอยหลังอย่างรนรานด้วยความหวาดกลัว

ไป๋หลันใช้จิตบังคับธาตุมืดเคลื่อนตัวไปยังกลุ่มควันพิษที่ลอยคละคลุ้งอยู่ทั่วบริเวณ และยังควบคุมธาตุมืดให้มันเข้าจู่โจมคู่ต่อสู้คนแล้วคนเล่าตกตายตามกันไปธาตุมืดสูบพลังชีวิตมากมายจนตอนนี้ร่างบางบนอากาศถูกปกคลุมไปด้วยพลังมืดที่อัดแน่นไปด้วยปราณของสิ่งที่ได้สูบกลืนมาไม่มีผู้ใดสามารถเฉียดกายเข้าใกล้ได้เลยด้วยพลังปราณที่อัดแน่นจนจนต้องถอยห่างออกมา

เหล่าศัตรูที่เห็นสหายของพวกมันตกตายต่างก็วิ่งหนีเอาตัวรอดด้วยความหวาดกลัวที่เกาะกินหัวใจ ภาพของสหายที่ถูกความมืดสูบเลือดเนื้อจนแห้งเหี่ยวเหลือแต่ซี่โครงช่างน่ากลัวยิ่งนักพวกมันไม่เคยพบเห็นอะไรที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อนในชีวิต

ไม่เว้นแม้แต่แม่ทัพผู้ทะนงตนอย่างเมิ่งฮุ่ยอันก็ถูกธาตุมืดสูบกินร่างกายไม่มีแม้แต่โอกาสได้ร้องขอชีวิต ทุกคนในสนามรบต่างประจักษ์แล้วว่าผู้ที่น่าเกรงขามและน่าหวาดกลัวที่สุดตอนนี้ได้เปลี่ยนมือแล้วหาได้เป็นประมุขหนานเหวินหลงแห่งพรรคจันทราอีกต่อไปแต่เป็นคู่หมั้นของเขาหลินไป่หลันต่างหาก

หลังจากทุกอย่างสงบลงเหล่าศัตรูตกตายไม่หลงเหลือแต่ร่างบางที่ลอยตัวอยู่ยังมีธาตุมืดลอยวนอยู่รอบตัวและไม่มีทีท่าจะยอมสงบลงโดยง่ายรอบตัวของนางมีพลังปราณกดดันเอาไว้หนาแน่นจนไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใกล้ได้ แม้กระทั่งหนานเหวินหลงที่มีพลังปราณแข้งกล้าเมื่อเข้าใกล้ร่างบางของคู่หมั้นยังถูกพลังความมืดสะท้อนออกมาจนต้องกระอักเลือด

ไป๋หลันที่ตอนนี้คล้ายกับกำลังจะขาดใจด้วยใช้พลังปราณมากเกินไปที่จะพยายามสลายธาตุมืดเพื่อกลับสู่ภาวะปกติ ธาตุมืดที่สูบกลืนวิญญาณผู้คนมันมากเกินไปจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ต้องจัดการ ร่างบางยังคงลอยตัวอยู่บนท้องฟ้าราวหนึ่งเค่อความมืดที่ลอยตัวอยู่รอบบริเวณก็ค่อย ๆ จางลงไปด้วยแรงเฮือกสุดท้ายที่นางรวบรวมมาเพียงชั่วครู่ร่างบางก็ทิ้งตัวลงสู่พื้นดิน

หนานเหวินหลงที่คอยจ้องมองคนตัวเล็กอย่างไม่วางสายตาด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นนางกำลังทิ้งตัวลงพื้นจึงรีบเข้ามารองรับตัวเอาไว้ได้ทันท่วงทีก่อนที่ร่างจะกระแทกกับพื้นดินและนางก็หมดสติไปแล้ว มีมี่และเย่วซินต่างก็รีบเข้ามาหาทันทีด้วยคววามเป็นห่วง

"ชีพจรเต้นรวนไปหมดข้าจะพานางกลับหมู่บ้านก่อน ท่านประมุขไม่ต้องห่วง รีบไปจัดการกับพวกที่เหลือเถิดข้าจะให้เฟยเฟยไปช่วยอีกแรง" มีมี่รีบตรวจชีพจรของสหายเมื่อพบว่ามันเต้นไม่เป็นจังหวะจึงรีบเอ่ยบอกคู่หมั้นของสหายจากนั้นก็เรียกเฟยเฟยให้ไปช่วยประมุขหนานจัดการหุบเขาพิษ เพราะตามแผนที่วางเอาไว้วันนี้พวกเขาต้องกวาดล้างทั้งสามเหล่าคนชั่วให้สิ้นซาก

"ฝากดูแลเสี่ยวหลันด้วยข้าจะรีบกลับมา " หนานเหวินหลงเอ่ย พลางลุกขึ้นมองไปยังกรงน้ำแข็งที่กักขังร่างสูงใหญ่ของประมุขพรรคตะวันเพลิงเอาไว้ บัดนี้ร่างสูงยังดูตื่นตกใจกับภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ที่กองกำลังของตนหายวับลงไปกับตา

หนานเหวินหลงไม่ใช้ปราณเย็นทำลายอวัยวะภายในร่างกายนั้นเพราะคิดว่าความตายมันง่ายเกินไปเขาต้องการให้มันทรมานช้า ๆ ให้สมกับความชั่วช้าที่มันเคยทำเอาไว้ หนานเหวินหลงส่งไอเย็นเพิ่มเข้าไปอีกให้ความเย็นค่อย ๆ กัดกินร่างกายทีละน้อย ๆ อย่างทรมาน...

บทที่ 103 ธาตุมืดที่กลืนกินอย่างบ้าคลั่ง 1

บทที่ 103 ธาตุมืดที่กลืนกินอย่างบ้าคลั่ง 2

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน