หลินไป๋หลัน นิยาย บท 40

# ศูนย์พักพิงบ้านหลันฮวายามชื่อ(9.00-10.59)

และแล้วฤกษ์งามยามดีก็มาถึง ผ้าคลุมป้ายสีแดงถูกเปิดออกโดยท่านเจ้าเมืองเหอจื่อหมิง ศูนย์พักพิงบ้านหลันฮวาได้เปิดขึ้นอย่างเป็นทางการ วันนี้มีผู้มาร่วมงานเป็นแขกแขกพิเศษอย่างท่านเจ้าเมือง พ่อค้าสามท่าน คุณชายซิ่นเฉิงและคุณชายเฟยเทียน ส่วนพี่หลงไม่ได้มาร่วมงานเพราะยังไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาคือผู้ใด

พี่หลงยังฝากของขวัญมาให้ผ่านทางหัวหน้าอี้นั่นคือซองแดงตั๋วเงินจำนวนหนึ่งแสนเหรียญทองเพื่อสมทบทุนเข้าศูนย์พักพิง นางยังอดสังสัยไม่ได้ว่าพี่หลงกับหัวหน้าอี้เกี่ยวข้องกันอย่างไร เพราะเมื่อคืนนางง่วงนอนจึงยังไม่ได้สอบถาม แต่เอาไว้ค่อยถามทีหลังแล้วกัน

วันนี้ผู้ใหญ่ตงได้แจกอาภรณ์ที่นางทำขึ้นให้ชาวบ้านได้สวมใส่กันช่างเป็นภาพที่สวยงามมากเลยทีเดียว เมื่อพิธีเสร็จสิ้นเรียบร้อยก็ช่วยกันจัดอาหารคาวหวานออกมาต้อนรับแขก

ชาวบ้านทุกคนวันนี้นางปล่อยให้พวกเขากินดื่มกันได้เต็มที่ เมื่อทุกคนเห็นอาหารและขนมที่แม่ครัวทำต่างหน้าตาตะลึงงันด้วยสีสันที่สวยงามและไม่เคยเห็นมันมาก่อนนางจึงเอ่ยแนะนำชื่อขนมต่างๆและบอกว่ามันทำมาจากไข่ พวกเขาต่างทำหน้าตาเหมือนไม่อยากจะเชื่อเท่าไรนัก เพราะไม่มีใครเคยนำไข่มาทำเป็นขนมเลยด้วยกลิ่นคาวของมัน

ท่านเจ้าเมือง กลุ่มพ่อค้า คุณชายเฟยเทียนและคุณชายซิ่นเฉิง ที่ได้ชิมรสชาติขนมต่างชื่นชอบเพราะกินกับน้ำชาที่มีรสชาติฝาดเฝื่อนแล้วมันช่างเข้ากันยิ่งนัก และบอกว่าอยากติดต่อสั่งทำขนมชนิดนี้เวลามีงานเลี้ยง

นางจึงปรึกษากับแม่ครัวทุกคนจึงลงความเห็นกันว่าจะรับทำขนมชนิดนี้ตามสั่ง ส่วนเงินที่ได้รับหักต้นทุนที่ใช้ทำเอาไว้ ส่วนกำไรก็แบ่งเท่า ๆ กันทุกคนรวมถึงแบ่งให้ส่วนกลางเพื่อเอาเงินเข้าศูนย์ด้วยเช่นกัน

เมื่อกินอาหารเสร็จเรียบร้อยกลุ่มพ่อค้าก็เข้าเยี่ยมชมสินค้าที่นางจัดแยกเอาไว้ด้านใน เมื่อทุกคนได้เห็นสินค้าแทบจะไม่เชื่อสายตามันมีรูปทรงแปลกประหลาดแต่ช่างสวยงามยิ่งนัก เพราะพวกเขาเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้แต่ก็ยังไม่เคยเจอสินค้าที่มีลักษณะเช่นนี้มาก่อน

สิ่งที่นำมาจักสานกันนั้นมันช่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนที่ใดเลยจริง ๆ ช่างเป็นโชคดีของพวกเขาแท้ๆที่ท่านเจ้าเมืองติดต่อมา งานนี้คงขายดิบขายดีได้กำไรมิใช่น้อยเป็นแน่ เมื่อตกลงราคาเป็นที่น่าพอใจทั้งสองฝ่ายต่างรับเงิน รับสินค้ากันไปทางศูนย์พักพิงของนางก็ฟันกำไรมิใช่น้อยเช่นกัน

คุณชายเฟยเทียนและคุณชายซิ่นเฉิงได้บอกกล่าวว่าพวกเขาทั้งสองจะเดินทางกลับเมืองหลวงในวันพรุ่งนี้ นางจึงกล่าวอำลาและขอให้พวกเขาทั้งสองเดินทางโดยปลอดภัย

ส่วนคุณหนูเหอเพ่ยอิงนั้นอาการเจ็บปวดได้ทุเลาลงไป แต่แผลของนางไม่สามารถรักษาให้หายได้คงจะมีเพียงยาวิเศษหรือน้ำทิพย์สวรรค์เท่านั้นที่จะช่วยให้กลับมาหายเป็นปกติได้ นางคงไม่กล้าออกเรือนไปกับผู้ใดได้อีกแต่ยังโชคดีที่ใบหน้าของนางยังคงมีความงดงามเช่นเดิม

ยามฉวี(19.00-20.59) บ้านสกุลหลิน

เมื่อทั้งหมดเดินทางกลับมาถึงบ้านก็นั่งคุยปรึกษากัน เรื่องของศูนย์พักพิงนั้นก็ดำเนินการมาจนเสร็จสิ้นเป็นที่น่าพอใจ และชาวบ้านก็พอจะมีอาชีพที่มั่นคงได้ และตอนนี้ทั้งหมดกำลังนั่งปรึกษากันเกี่ยวกับการเดินทางไปงานคัดเลือกศิษย์ที่จะถึงในอีกสี่เดือนข้างหน้า

"เช่นนั้นเราเดินทางไปเมืองหลวงกันเลยดีหรือไม่ ตอนนี้ท่านพ่อก็มีร่างกายแข็งแรงดีเหมือนเดิมแล้ว" เฉินหยางเอ่ยขึ้นหลังจากที่ปรึกษากันเพราะสถานที่สอบคัดเลือกนั้นอยู่ใกล้เมืองหลวงไปทางทิศใต้

"พ่อก็ว่าดีเหมือนกันเพราะทางนี้ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว เจ้ามีความเห็นเช่นไรหรือหลันเอ๋อร์" เฉินหยวนเอ่ยถามบุตรสาว ศูนย์ของนางก็สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่รู้ว่านางยังมีอะไรต้องจัดการอีกหรือไม่

"ลูกไม่มีอะไรต้องห่วงทางนี้แล้ว เราเดินทางไปเมืองหลวงกันเลยก็ดีเจ้าค่ะ เมื่อเข้าที่เข้าทางแล้วลูกค่อยเดินทางไปงานคัดเลือกศิษย์" ไป๋หลันเอ่ย ยังดีที่งานคัดเลือกศิษย์จัดขึ้นในอีกสี่เดือนข้างหน้า ยังพอมีเวลาให้เดินทางและได้จัดการหาที่พักในเมืองหลวงให้เรียบร้อยเสียก่อน

"เช่นนั้นเจ้าต้องแจ้งทางศูนย์พักพิงให้พวกเขาทราบด้วย พวกเขาคงจะเสียใจไม่น้อยที่พวกเราจะต้องจากไป" อู๋เย๋าเอ่ย ชาวบ้านที่ศูนย์รักและเทิดทูนครอบครัวของพวกตนมาก ถ้าต้องจากลาคงจะเสียใจกันมากเป็นแน่

"ลูกก็รู้สึกใจหายเหมือนกันเจ้าค่ะท่านแม่" ไป๋หลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย นางรู้สึกใจหายขึ้นมาทันทีเมื่อพูดคำว่าต้องจากลา

"พวกเราก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับเจ้า รอให้เราเข้าเมืองหลวงจัดการทางนั้นเรียบร้อยเราค่อยกลับมาเยี่ยมพวกเขาก็ได้" เฉินหยวนเอ่ยปลอบใจบุตรสาว อย่าว่าแต่นางเลยเขาเองก็รู้สึกไม่ต่างจากนางสักนิดเดียว

"เจ้าค่ะท่านพ่อ แล้วเราจะออกเดินทางกันเมื่อไรดีเจ้าคะ" ไป๋หลันเอ่ยถาม นางจะได้เตรียมตัวเตรียมใจและบอกกล่าวคนที่ศูนย์ได้ถูกต้องชัดเจน

"เอาเป็นอีกสิบวันเราจะออกเดินทางไปเมืองหลวงกัน เราจะได้มีเวลาเตรียมตัวกันด้วย" เฉินหยวนเอ่ย สิบวันคงจะพอมีเวลาเตรียมตัวต้องหาซื้อรถม้าสักคันเดินทางกัน ใช้เวลาเดินทางราว ๆ สิบห้าวันก็จะถึงเมืองหลวง

"ตกลงตามนั้นเจ้าค่ะ/ขอรับ"

ทั้งหมดเอ่ยขึ้นพร้อมกันด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ในคราแรกพวกเขาก็ไม่รู้สึกผูกพันกับเมืองนี้สักเท่าไร แต่พอได้สร้างศูนย์พักพิงบ้านหลันฮวาแล้ว พวกเขารู้สึกผูกพันเป็นอย่างมากจึงเศร้าใจเมื่อต้องจากลากัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน