หลินไป๋หลัน นิยาย บท 43

ขณะนี้ปลายยามเซินแล้ว(15.00-16.59) หลังจากผ่านประตูเมืองเข้ามาได้ประมาณครึ่งชั่วยามก็เริ่มเข้าสู้ตัวเมืองโดยแท้จริง

เฉินหยวนบังคับม้าไปยังโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งเพื่อพักอาศัยกันในช่วงระหว่างรอหาบ้านหลังใหม่ โรงเตี๊ยมแห่งนี้มีขนาดปานกลางไม่ได้มีชื่อเสียงขึ้นชื่อแต่ก็ถือว่าสะอาดและน่าพักอาศัยมากเลยทีเดียว

ด้วยห้องพักที่มีเหลือเฟือไป๋หลันและมีมี่จึงได้เข้าพักด้วยกัน บิดาและมารดาอีกหนึ่งห้อง  ส่วนพี่ชายของนางได้พักเป็นส่วนตัวเพียงผู้เดียว  เมื่อได้ห้องเรียบร้อยต่างก็ขึ้นไปพักผ่อนแล้วนัดกันลงมากินอาหารเย็นด้านล่างของโรงเตี๊ยมกัน

ทางด้านตงชุนที่ติดตามคุณหนูไป๋หลันมาตลอดการเดินทางจนกระทั่งได้เข้าพักที่โรงเตี๊ยมเรียบร้อยก็รีบกลับพรรคจันทราเพื่อรายงานท่านประมุขของตนทันที

เมื่อมื้อเย็นผ่านพ้นไปเรียบร้อยไป๋หลันและมีมี่ตกลงกันว่าจะไปเดินเที่ยวชื่นชมบรรยากาศในเมืองยามค่ำคืนกันเสียหน่อย ส่วนพี่ชายที่ได้ยินดังนั้นก็ขอติดตามมาด้วยเพราะกลัวว่าจะเกิดอันตราย ส่วนบิดาและมารดาท่านทั้งสองก็เข้าห้องพักผ่อนกันหลังจากที่แยกห้องกันมานานหลายวัน

ท่านพ่อช่างร้ายกาจยิ่งนัก!

พี่ชายของนางอาสาขับรถม้าพาเข้ามายังย่านตลาดภายในเมือง คราแรกนางและมีมี่คิดกันว่าจะเดินเท้ามากันแต่พี่ชายของนางบอกว่าโรงเตี๊ยมที่พวกเราพักอยู่ห่างจากตลาดมากถ้าเดินเท้าคงใช้เวลาราว ๆ หนึ่งชั่วยามกว่าจะถึง

รถม้าเคลื่อนตัวมาได้ราว ๆ สองเค่อ(30นาที)ก็ถึงที่หมายพี่ชายของนางจอดรถม้าแอบไว้ด้านข้างใกล้ ๆ ตัวตลาด นางและมีมี่ตื่นเต้นดีใจกันอย่างมากด้วยพวกนางทั้งสองคนไม่เคยได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้มาก่อน

ร้านค้าเล็กใหญ่มากมายทั้งของกินของใช้ที่แปลกตาและโคมไฟประดับตกแต่งที่สว่างไหวมันช่างสวยงามยิ่งนัก ผู้คนเดินสวนกันไปมาคึกคักวุ่นวายจนไหล่แทบกระทบกันแต่รวม ๆ แล้วมันมีมนต์เสน่ห์อย่างหาใดเปรียบได้

"หลันหลันฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเราจะได้มาอยู่ด้วยกันแบบนี้อีก" มีมี่เอ่ยกับสหายด้วยคำพูดที่พวกนางเคยพูดกันเมื่อภพก่อนคงด้วยความเคยชินที่พวกนางเคยพูดกันเช่นนี้คงต้องค่อย ๆ ปรับตัวกัน หลังจากที่พวกนางอยู่ด้วยกันมาหลายวันจึงใช้คำเรียกขานง่าย ๆ ตอนแรก ๆ ก็หลุดเรียกชื่อข้าวหอมออกมาบ่อยอยู่พอควร

"ฉันก็ดีใจที่สุดเลยมีมี่ แล้วยิ่งแกได้มาอยู่ในร่างของหญิงงามเช่นนี้ด้วย คราวนี้จะได้สมหวังในความรักกับเขาเสียที หาผู้ชายดี ๆ ฝากชีวิตไว้สักคนนะเพื่อนรัก " ไป๋หลันเอ่ยกับสหายพร้อมยกมือขึ้นตบไหล่เบา ๆ ชาติก่อนมีมี่เป็นสาวประเภทสองต้องอกหักรักร้าวเจอคนไม่จริงใจด้วยตลอด จนทำให้นางเองก็พลอยหวาดหวั่นกับความรักไปด้วยเลย

"ตั้งแต่ฉันข้ามภพมายังไม่เห็นมีผู้ชายหล่อ ๆโดน ๆ เลย อ้อ!! จะมีก็แต่คนข้างหลังนะหล่อโคตร ๆ ถูกใจมากฮ่า ๆ ๆ" มีมี่เอ่ยพาดพิงถึงคนด้านหลังที่เดินตามมาด้วยแต่ออกห่างเล็กน้อยพอให้นางและสหายกระซิบกระซาบกับได้โดยที่เขาไม่ได้ยิน

"เห้ย ๆ นั่นมันพี่ชายสุดที่รักของฉันนะ แกจะมาลุ่มล่ามไม่ได้เด็ดขาด ฉันหวงนะโว๊ย" ไป๋หลันเอ่ยโวยวายทีเหมือนคนกำลังจะโดนแย่งของรักของหวง

"อย่ามาทำเป็นหวงก้างไปหน่อยเลยแค่แกอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว เดี๋ยวกอดแขนเดี๋ยวซบไหล่ สายตาแกมันฟ้องว่าฟินกระจายเสียขนาดนั้น คิดถึงฉันที่ทำไม่ได้อย่างแกดูบ้างสิ ตอนนี้เอาหัวมันหัวเผือกมาวางที่ตาฉันมันยังสุกเลย" มีมี่เอ่ยบ่นอย่างอดรนทนไม่ไหว ด้วยความอิจฉาที่สหายแอบเต๊าะพี่ชายตนเองแต่นางทำไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นพี่น้องกันแท้ ๆ พี่ชายบุญธรรมจึงต้องวางตัวไม่ให้ใกล้ชิดกันมากจนถึงเนื้อถึงตัว

"เอาน่า...อย่าบ่นไปหน่อยเลย เดี๋ยวฉันช่วยแกเองก็ได้  ว่าแต่คืนนี้เรามาซื้อของกินไปปาร์ตี้ชุดนอนกันดีกว่าไม่แจ้งไม่เลิกโอเคไหม" ไป๋หลันเอ่ยรับปากช่วยสหายด้วยความสงสารเพราะนางเข้าอกเข้าใจสหายเป็นที่สุดอยู่แล้ว และเอ่ยชักชวนคลายเครียดกันในคืนนี้

"โอเค…" มีมี่เอ่ยตกลงพร้อมกับยกมือทำท่าประกอบ

เมื่อพูดคุยตกลงกันเรียบร้อยไป๋หลันจึงหันหลังเดินไปเกาะเเขนพี่ใหญ่ของนางและเอ่ยเรียกมีมี่ให้มาเกาะแขนอีกข้างหนึ่งของพี่ชายเอาไว้ โดยอ้างว่า

ผู้คนมากมายยิ่งนักกลัวว่าจะผลัดหลงกับพี่ใหญ่แล้วหาไม่เจอ!

มีมี่เมื่อเห็นสหายรักเปิดทางให้ก็ไม่รีรอรีบเดินไปคล้องแขนพี่ชายบุญธรรมของนางทันที ส่วนพี่ชายบุญธรรมก็ไม่มีทีท่ารังเกียจยอมให้นางกอดแต่โดยดี นางหันไปขยิบตาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับสหายรัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน