หลินไป๋หลัน นิยาย บท 56

  ยามจื่อ(23.00-00.59) ร่างบางในอาภรณ์สีดำแบบบุรุษรวบผมขึ้นมวยทรงโดนัทอย่างทะมัดทะแมง ยืนรอพี่ชายอยู่ภายในห้อง เมื่อถึงเวลานัดหมายเพียงชั่วครู่พี่ชายในชุดสีดำเช่นเดียวกันกับของนางก็ก้าวเข้ามา เมื่อเห็นว่าเตรียมตัวกันพร้อมแล้วไป๋หลันจึงใช้ธาตุลมพลิ้วกายกระโดดออกทางหน้าต่างตามร่างสูงของพี่ชายที่ใช้วิชาตัวเบากระโดดออกไปก่อนหน้าแล้ว

ทั้งสองกระโดดพลิ้วกายลงตามแผ่นกระเบื้องหลังคาหลังแล้วหลังเล่ามุ่งหน้าไปยังจวนแม่ทัพที่พวกตนเคยอยู่อาศัยผ่านไปเพียงชั่วครู่ทั้งสองก็มาหยุดอยู่ใกล้ ๆ กำแพงจวนที่มีทหารคอยเดินตรวจตราคุ้มกันแน่นหนาสมกับเป็นจวนของแม่ทัพใหญ่

             "พี่ใหญ่ข้าว่ามันแปลกนิดหน่อยข้าจับสัมผัสไม่ได้เลยว่ามีเงาคุ้มกันอยู่หรือไม่" ไป๋หลันเอ่ยถามพี่ชาย อย่างสงสัยเพราะปกตินางต้องรับรู้บ้างแหละว่ามีหรือไม่มี หรือว่าเงาคุ้มกันที่นี่มีแต่คนที่มีพลังปราณสูงกว่านางกันนะถึงจับสัมผัสอะไรไม่ได้เลย

             "พี่ก็เช่นกัน ไม่สามารถจับไอสังหารพวกมันได้เลยน่าแปลกจริง ๆ หรือว่าพวกมันจะมีแผนการอะไร?" เฉินหยางเอ่ยเขาเองก็ยังแปลกใจปกติจวนแม่ทัพน่าจะมีคนคุ้มกันหนาแน่น

         "จะมีแผนการหรือไม่ มาถึงขั้นนี้แล้วเราคงต้องเสี่ยงข้าไม่ยอมให้มันมาคอยลอบกัดเราอยู่แบบนี้หรอกชีวิตข้าไม่สงบสุขกันพอดี" ไป๋หลันเอ่ยบอกพี่ชาย ในตอนแรกนางคิดว่าจะให้บิดาเป็นคนมาจัดการล้างแค้นด้วยตนเอง แต่ท่านลุงผู้น่ารังเกียจกลับรีบชิงลงมือก่อนตั้งแต่พวกนางก้าวเท้าย่างเข้าเมืองมาไม่ทันไร นางจึงคิดว่ารีบ ๆ ลงมือสะสางให้จบ ๆ ไป

     "แล้วเจ้ามีแผนการอย่างไร?" เฉินหยางเอ่ยถามน้องสาว

"ตีงูต้องตีให้ตายแต่ความตายมันง่ายเกินไปถ้าเทียบกันท่านพ่อที่ต้องทนทุกข์ทรมานมาหลายปี เราต้องให้พวกมันได้ลิ้มรสความทรมานเช่นนี้บ้างฮึ ๆ" ไป๋หลันเอ่ยพร้อมกับยกยิ้มชั่วร้ายออกมา

"ไหนบอกว่ามาปล้นอย่างไรเล่า" เฉินหยางแกล้งเอ่ยเย้า

"เอาน่า...ไหน ๆ ก็มาแล้วจะได้ไม่เสียเที่ยว รีบ ๆ ปิดบัญชีแค้นเสียเลย"

"เจ้านี่ช่างร้ายกาจยิ่งนักเรารีบลงมือกันเถิด"  เฉินหยางเอ่ยบอกน้องสาว

ไป๋หลันใช้ธาตุลมลอยตัวมาหยุดบนหลังคากระเบื้องภายในจวนแล้วใช้ธาตุลมพัดโชยโปรยผงยาสลบไปยังทหารที่เดินตรวจยามและตามเรือนพักต่าง ๆ ของจวนทั้งหมดให้พวกเขาได้นอนหลับกันอย่างสนิทชนิดที่ว่าฟ้าจะถล่มก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาได้

"หลันเอ๋อร์ทำร้ายคนตอนหลับไม่ใช่นิสัยของชาวยุทธ์" เฉินหยางเอ่ยบอกน้องสาว

"เราไม่ได้มาในฐานะชาวยุทธ์แต่เรามาในฐานะโจร!! และข้านี่แหละชอบนักแลจะได้ไม่ต้องเสียเลือดเนื้อมากนัก ท่านอย่าบ่นนักเลยน่า...เอายานี่กรอกปากท่านลุงของข้าซะ" ไป๋หลันส่งห่อยาให้พี่ชายและตัวเองก็พลิ้วตัวไปทางเรือนของหลิวเฟิ่งจิ่วทันที

ทางด้านหนานเหวินหลงที่ตงชุนได้รายงานมานั้น ตัวเขาเองและองครักษ์เงาที่ฝีมือดีได้รีบรุดมาล่วงหน้าเพื่อจัดการกับเงาทั้งหลายของแม่ทัพหลินจี้ซานเพื่อเปิดทางให้เสี่ยวหลันของเขาทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องเปลืองแรง

พูดถึงนางแล้วก็ช่างร้ายกาจยิ่งนักคิดได้อย่างไรถึงได้ปล้นจวนแม่ทัพกันแต่กับว่าเหมาะสมกับเขาดี หนานเหวินหลงคิดในใจพลางยืนมองนางมารร้ายเข้าไปจัดการคนในจวนแม่ทัพอย่างอารมณ์ดี…

# เช้าวันรุ่งขึ้นที่โต๊ะอาหารทั้งหมดกำลังนั่งกินอาหารเช้าและพูดคุยกันตามปกติเหมือนทุกวัน

"ท่านพ่อท่านแม่วันนี้ลูกและมีมี่จะออกไปดูร้านคาเฟ่เจ้าค่ะ" ไป๋หลันเอ่ยบอกบิดาและมารดาของตน

"จะดีหรือพวกเจ้าอาจจะไม่ปลอดภัย" เฉินหยวนที่ไม่รู้เรื่องราวเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วงบุตรสาว

"ท่านพ่อให้พวกนางไปเถิดขอรับไม่มีอันตรายแน่นอน" เฉินหยางเอ่ยพร้อมกับหันไปส่งยิ้มให้น้องสาว

"ก็ได้ ๆ แต่ระวังตัวกันด้วยนะหลันเอ๋อร์ มี่เอ๋อร์"

"เจ้าค่ะท่านพ่อ/เจ้าค่ะท่านพ่อ" ทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมกัน

ไป๋หลันและมีมี่เดินเท้ากันออกมาจากจวนอย่างอารมณ์ดี พวกนางชอบบรรยากาศและกลิ่นอายโบราณแบบนี้ เดินกี่รอบ ๆ ก็ไม่รู้จักเบื่อ แถมอากาศก็สดชื่นเย็นสบายอีกต่างหาก เมื่อเข้าเขตตลาดก็เริ่มเจอผู้คนพลุกพล่าน รถม้าของคนตระกูลร่ำรวยก็มีวิ่งผ่านกันไปมา ผู้คนต้องคอยหลบหลีกกัน จนนางนึกอยากจะเสกรถยนต์ออกมาขับขี่บ้างแต่เกรงใจสถานที่…เมื่อเดินทางมาถึงร้านคาเฟ่ก็ดิ่งขึ้นไปด้านบนชั้นสองที่ตอนนี้ช่างไม้ได้กั้นห้องใกล้จะเสร็จแล้ว

มีมี่จัดการเดินตรวจดูความเรียบร้อยและวาดรูปออกแบบคร่าว ๆ ว่าแต่ละห้องจะตกแต่งอย่างไรในหัวสมองของนางตอนนี้มันแล่นเร็วไหลลื่นมาก เพราะของตกแต่งที่นางคิดเอาไว้คงต้องอาศัยสหายเป็นผู้รังสรรค์ขึ้นมาให้ จึงไม่น่าจะเป็นอุปสรรคเท่าไรหากต้องการดึงดูดลูกค้ามันต้องมีลูกเล่นที่ไม่เหมือนผู้ใดและไม่มีผู้ใดเหมือน

ไป๋หลันและมีมี่อยู่ที่ร้านคาเฟ่เกือบ ๆ สองชั่วยามก็เริ่มหิวจึงออกไปหาของอร่อย ๆ ในเหลาอาหารชั้นเลิศกินกัน วันนี้พวกนางเลือกร้านไม่ใหญ่โตเท่าไรแต่ก็มีผู้คนแน่นขนัดตา แสดงว่ารสชาติอาหารต้องเลิศรสแน่นอน เมื่อมาถึงพวกนางก็จัดการสั่งอาหารขึ้นชื่อและขนมมาสี่ห้าอย่างและน้ำชาอีกเช่นเคย ระหว่างรออาหารก็มีบุคคลที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาทักทาย

"คุณหนูหลินทั้งสองจำข้าได้หรือไม่ วันนั้นเราเจอกันที่เหลาอาหารที่ข้ามากับหลินเฟิ่งจิ่ว" หลี่ฟางเซียนเอ่ยทักทายด้วยใบหน้าเป็นมิตรเมื่อเห็นทั้งสองไม่เอ่นอันใดนางจึงเอ่ยแนะนำตัวเอง "ข้าชื่อหลี่ฟางเซียน บุตรสาวเสนาบดีซ้าย "

"อ้อ! ข้าจำไม่ค่อยได้ขออภัยคุณหนูหลี่" มีมี่เอ่ยขึ้นอย่างยียวน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน