เย่วซินภาวนาในใจ แต่ดูเหมือนสวรรค์จะไม่เข้าข้าง พวกโจรหนีถอยออกไปจนหมดด้วยความที่สู้บุรุษตรงหน้าไม่ได้ เย่วซินถอนหายใจออกมาเสียงดังอย่างลืมตัวด้วยความโมโห แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย จึงแกล้งหลับตาอย่างเนียน ๆ
หนานเฟยเทียนที่ฝึกยุทธ์มาตั้งแต่เล็กหูของเขาดีกว่าคนปกติหลายเท่า จึงทำให้เขาได้ยินเสียงถอนลมหายใจที่ดังคล้ายหงุดหงิดใจ จึงรีบหันหลังกลับไปมองสตรีบนเตียง แต่นางก็ยังคงหลับตาอยู่และจะเป็นผู้ใดไปได้ที่ถอนหายใจแรงเช่นนี้ถ้าไม่ใช่นาง!!
'หึ...เป็นสตรีแบบไหนกันเข้านอนทั้งที่ไม่ลงกลอนประตูแถมยังเปิดหน้าต่างออกเสียกว้างยังกับล่อโจรให้เข้ามาอย่างนั้น' หนานเฟยเทียนคิดในใจ พลางเดินเข้ามาใกล้ ๆ ร่างบางบนเตียงนอน แม้ยามนี้จะไร้แสงไฟจากตะเกียง แต่แสงจันทร์จากด้านนอกก็พอสาดส่องเข้ามาทำให้เขามองเห็นว่าใบหน้าของนางนั้นงดงามเพียงใด
พลันความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว เพื่อสั่งสอนสตรีตรงหน้าที่ไม่รู้จักระมัดระวังตัวและต้องการพิสูจน์ว่านางแกล้งหลับ ดังนั้นจึงล้มตัวลงนอนข้าง ๆ ร่างบางแล้วเอื้อมมือโอบรั้งร่างของนางให้เข้ามาแนบชิดใกล้อย่างแนบแน่น
'หึ...จะแกล้งหลับต่อไปได้สักเท่าไรกันเชียว'
เย่วซินสะดุ้งเฮือกที่ถูกบุรุษแปลกหน้าสวมกอดเอาไว้แน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก และนางก็ไม่เคยใกล้ชิดกับชายใดมาก่อนจึงทำให้หัวใจเต้นแรงอย่างอดกลั้นไม่อยู่
"หึ..." หนานเฟยเทียนครางในลำคอ เมื่อสัมผัสได้ถึงร่างบางที่สะดุ้งเล็กน้อย เย่วซินที่ได้ยินเสียงนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าถูกบุรุษแปลกหน้ากลั่นแกล้ง ด้วยความโมโหมือเรียวจึงบิดเข้าที่แขนแกร่งอย่างแรง
"โอ๊ย..." หนานเหยเทียนร้องออกมาด้วยความเจ็บ เพราะตนไม่ทันระวังตัวและไม่คิดว่าสตรีตรงหน้าจะยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนี้เขายังแกล้งไม่สะใจเลย
"ท่านลวนลามข้าหรือ ไอ้หูดำ!" เย่วซินเอ่ยด่าคนตรงหน้าด้วยภาษาของสหายที่พวกนางเคยเอ่ยอยู่บ่อย ๆ เวลาที่มีบุรุษมาเกี้ยว คราแรกนางก็สงสัยว่ามันหมายความว่าอย่างไรมีมี่บอกว่า หูดำคือหม้อที่ใช้หุงหาอาหารในโลกแห่งความฝัน ไอ้หน้าม่อคือคำด่าทอผู้ชายเจ้าชู้ชอบเกี้ยวสาวไปเรื่อย เย่วซินลุกขึ้นจากเตียงแล้วสะบัดมือไปยังตะเกียงเพื่อจุดให้ความสว่าง
"หือ...ใครคือไอ้หูดำกัน แล้วมันหมายความว่าอย่างไรข้าไม่เคยได้ยิน" หนานเฟยเทียนเอ่ยถามอย่างสงสัย แต่คิดว่าคงไม่ใช่ความหมายที่ดีแน่นอน นางช่างพูดจาประหลาดนัก
"ก็ท่านอย่างไรเล่าจะใครเสียอีกล่ะ แล้วเข้ามาในห้องข้าทำไม" เย่วซินเอ่ยถามบุรุษตรงหน้า เขามีหน้าตาหล่อเหลาฝีมือดีพลังปราณสูงส่งแม้จะยังไม่ถึงขั้นสูงสุดเหมือนนางแต่ดูจากการต่อสู้มีความเชี่ยวชาญอยู่ไม่น้อยคงไม่ใช่ชาวบ้านทั่วไปเป็นแน่
"เจ้าแกล้งหลับหรือ? แล้วเจ้าก็รู้ว่าพวกโจรจะเข้ามาอย่างนั้นหรือ? ถึงได้เปิดประตูหน้าต่างไว้ต้อนรับพวกมัน รู้อย่างนี้ข้าไม่ช่วยเจ้าให้เสียเวลาหรอก" หนานเฟยเทียนเอ่ยเหน็บแนมร่างบางตรงหน้า เมื่อคิดดูแล้วว่าเรื่องทั้งหมดคงไม่ใช่ความบังเอิญนางตั้งใจต้อนรับพวกโจรนั่น
"ข้าไม่ได้ขอให้ท่านมาช่วยสักหน่อยเสียแผนหมด" ประโยคหลังเย่วซินเอ่ยเสียงอ่อยแต่คนตรงหน้าคงได้ยิน
"อ้อ...นี่เจ้าอยากเป็นเมียโจรเช่นนั้นหรือ ถ้าเจ้าอยากมีสามีข้าช่วยสงเคราะห์ให้ได้นะ" หนานเฟยเทียนเอ่ยยียวนกวนโทสะร่างบาง คนอุตส่าห์มาช่วยด้วยความหวังดีไม่ขอบคุณแล้วยังโมโหใส่ตนอีก
"ใครบอกว่าข้าอยากมีสามี ข้าไม่คุยกับท่านแล้วรีบ ๆ ออกไปจากห้องข้าเดี๋ยวนี้เลย" เย่วซินเอ่ยบอกคนตรงหน้า
"ข้าไม่ออก เจ้ายังไม่ตอบข้าเลยว่าเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกโจรจะมาปล้น แล้วทำไมเจ้าต้องอยากให้พวกมันเอาตัวเจ้าไปด้วย" หนานเฟยเทียนเอ่ยคาดคั้นเอาคำตอบที่ตนอยากรู้
"ข้าเดา...ก็มันปล้นมาหลายหมู่บ้านแล้ว จึงคิดว่ามันน่าจะมาปล้นที่หมู่บ้านแห่งนี้ด้วย แล้วสหายของข้าก็ถูกพวกมันจับตัวเอาไว้ข้าอยากไปหาพวกนางก็เท่านั้น" เย่วซินเอ่ยบอก เพราะคิดว่าบุรุษตรงหน้าคงไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรแถมยังมีฝีมือไม่ธรรมดาอาจจะมีประโยชน์สำหรับตนเองไม่มากก็น้อย
"แล้วท่านเป็นใครกันหรือ? ฝีมือไม่ธรรมดาเลย..." เย่วซินตัดสินใจเอ่ยถามอีกครั้ง
"ข้าได้รับคำสั่งให้ลงมาปราบโจรทางชายแดน" หนานเฟยเทียนเอ่ยตอบแบบคลุมเครือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลินไป๋หลัน
1...