หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 10

อวี๋หวั่นไม่สามารถนั่งรถม้าบนทางที่ขรุขระ ทำให้รถม้าของอวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉาเคลื่อนที่ช้ากว่าผิดปกติ กว่าที่รถม้าของพวกเขาจะเคลื่อนเข้ามาในจวน เด็กทั้งสามก็ปลดทุกข์เสร็จแล้ว พวกเขาเช็ดก้นและอาบน้ำเสร็จแล้ว

ทั้งสามคนไปหาแมวจรจัดที่พวกเขาเก็บกลับมายังจวน

แมวจรจัดคล้ายกับจะจดจำเจ้านายตัวน้อยทั้งสามได้ มันนอนอยู่บนพื้นอย่างว่าง่าย ปล่อยให้ทั้งสามคนลูบขน

แต่ว่า ระหว่างที่เจ้านายลูบมัน เจ้าแมวจรจัดก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ

ทำไมเย็นๆ!

เสี่ยวเป่าวิ่งมาลูบมัน ขนของมันฟูฟ่อง แมวจรจัดสะดุ้งโหยง ร้อง ‘เมี้ยว’ แล้ววิ่งหนีไป!

เอ้อร์เป่า “เอ๋…ข้ายังไม่ได้ลูบเลย”

ต้าเป่ากะพริบตาปริบๆ แอบทิ้งขนแมวซึ่งกำอยู่เต็มมือลงบนพื้นหญ้า…

“ท่านพ่อ!”

อวี๋หวั่นเห็นเยี่ยนอ๋องซึ่งกำลังยืนดูเด็กทั้งสามในลานบ้าน เยี่ยนอ๋องสวมอาภรณ์สีฟ้าอ่อน เสื้อแขนกว้าง คาด

เข็มขัดสีกรมท่า ไม่พบหน้ากันนาน เขาดูซูบผอมลง แต่นั่นก็ยังไม่อาจบดบังความงามของเขาได้

อย่างไรก็ดี ไม่รู้ว่าอวี๋หวั่นรู้สึกไปเองหรือไม่ สีหน้าเยี่ยนอ๋องแลดูหดหู่อย่างบอกไม่ถูก

เป็นเพราะซั่งกวนเยี่ยนหรือ?

ถ้าหากอยู่ในหนานจ้าวก็ว่าไปอย่าง แต่พวกเขาดันมาอยู่ในเมืองหลวง และอยู่ห่างจากจวนสกุลเซียวเพียงไม่กี่ถนน อยู่ใกล้กันถึงเพียงนี้ แต่กลับรู้สึกประหนึ่งอยู่ห่างกันคนละมุมโลก

แต่แน่นอนว่าไม่ว่าอวี๋หวั่นจะคิดอย่างไร ใบหน้าของเธอก็ยังคงปรากฏรอยยิ้มไปอย่างมีมารยาท

เยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ข้างเธอ เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก คู่ควรกับการเป็นเจ้านายแห่งจวนนี้ยิ่งนัก

“ท่านพ่อ” เยี่ยนจิ่วเฉาเรียก

เมื่อได้พบหน้าลูกชายและลูกสะใภ้ หัวใจของเยี่ยนอ๋องก็เปี่ยมไปด้วยความสุข บนโลกนี้มีเรื่องที่ทำให้คนเราทุกข์ระทม แต่ก็มียาวิเศษที่คอยปลอบประโลมจิตวิญญาณ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาล้วนเป็นยาวิเศษของตน

“พวกเจ้ากลับมาแล้ว” เยี่ยนอ๋องพยักหน้าให้พวกเขา ความดีใจปรากฏบนใบหน้า จากนั้นสายตาของเขาก็หยุดลงบนท้องกลมของอวี๋หวั่น

เดือนเก้าในเมืองหลวงนั้นเริ่มมีลมหนาวของปลายสารทฤดู อวี๋หวั่นสวมผ้าคลุมหนาทับอาภรณ์ตัวใหญ่ แต่ผ้าคลุมก็ไม่อาจอำพรางหน้าท้องของเธอได้ เห็นได้ชัดว่าใกล้คลอดแล้ว

เยี่ยนอ๋องตกใจไปชั่วขณะ

ตอนที่สองสามีภรรยามายังหนานจ้าว และเดินทางไปยังเผ่าปีศาจเพื่อตามหาตัวยาถอนพิษ ยังไม่ได้บอกว่าตั้งท้อง นี่ก็ใกล้คลอดแล้ว…

ข่าวดีมาอย่างรวดเร็ว จนเยี่ยนอ๋องไม่รู้ว่าควรพูดว่าอย่างไรดี

อวี๋หวั่นยิ้มน้อยๆ อันที่จริงพวกเขามีโอกาสส่งข่าวมายังจวนเยี่ยนอ๋องล่วงหน้าได้ แต่ที่ไม่ได้บอกก็เพราะต้องการทำให้เยี่ยนอ๋องประหลาดใจ เมื่อเห็นท่าทางตะลึงงันของเยี่ยนอ๋องเช่นนี้ พวกเขาก็รู้ว่าแผนการในครั้งนี้สำเร็จ

“มี…มีเด็กตั้งแต่เมื่อไรกัน” ในที่สุดเยี่ยนอ๋องก็พูดออกมา

อวี๋หวั่นตอบด้วยรอยยิ้มว่า “อันที่จริงมีตั้งแต่ตอนอยู่ที่หนานจ้าวแล้วเจ้าค่ะ เพียงแต่ตรวจพบหลังจากถึงสำนักเฟยอวี๋แล้วเจ้าค่ะ”

“สำนักเฟยอวี๋หรือ?” เยี่ยนอ๋องงุนงง

อวี๋หวั่นยิ้มและอธิบายว่า “เป็นสำนักหนึ่งในยุทธภพ ตั้งอยู่ระหว่างหนานจ้าวกับเผ่าปีศาจ หวั่นเฟิงลูกศิษย์ของราชครูกับเจียงไห่ล้วนเป็นคนของสำนักเฟยอวี๋เจ้าค่ะ”

“อา” เมื่อพูดเช่นนี้เยี่ยนอ๋องก็เข้าใจแล้ว ในเมื่อเป็นสำนักที่อยู่ระหว่างหนานจ้าวกับเผ่าปีศาจ ก็หมายความว่าในตอนนั้นพวกเขาไม่ได้เดินทางไปไกลนัก เมื่ออวี๋หวั่นมีอายุครรภ์มากก็สามารถเดินทางกลับมาคลอดยังหนานจ้าวได้ แต่อวี๋หวั่นไม่ได้ทำเช่นนั้น แม้จะไม่รู้ว่าสรุปแล้วพวกเขาไปที่ใดมาบ้าง แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าระหว่างทางย่อมต้องเผชิญกับความยากลำบาก นี่คือสตรีที่ยอมแลกชีวิตของตนเพื่อปกป้องลูกชายของเขา

ก่อนหน้านี้เยี่ยนอ๋องรักและเอ็นดูเธอ แต่บัดนี้ในความรักและเอ็นดู กลับมีความรู้สึกยกย่องขึ้นมา

เยี่ยนอ๋องบอกกับเยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งยืนอยู่ข้างอวี๋หวั่นว่า “ฉงเอ๋อร์ยืนอยู่ทำไมเล่า? รีบพาอาหวั่นกลับห้องเร็ว”

เขามีคำถามร้อยแปดอยู่ในใจ พวกเขาไปที่ไหน หาตัวยาพบหรือไม่ เผชิญกับอันตรายอย่างไรบ้าง…เรื่องเหล่านี้เขาล้วนแต่อยากรู้ แต่เขาเป็นห่วงร่างกายของอวี๋หวั่นมากกว่า

อันที่จริงอวี๋หวั่นก็อยากบอกว่าเธอไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดนั้น เดินไปแค่ไม่กี่ก้าว ไหนเลยจะต้องให้คนพยุง? แต่เธอเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็รู้สึกเจ็บท้องขึ้นมา

“โอ๊ย” อวี๋หวั่นสูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง

“เป็นอะไร? จะคลอดแล้วหรือ?” เยี่ยนอ๋องใบหน้าซีดเผือดด้วยความกังวล

เยี่ยนจิ่วเฉาโอบอวี๋หวั่นไว้ แล้วใช้แรงที่แขนของเขาประคองเธอ

อวี๋หวั่นรู้สึกผ่อนคลายลง เธอยิ้ม แล้วบอกว่า “ไม่เป็นไร”

เป็นการเจ็บท้องเตือน เธอเริ่มเป็นเช่นนี้ตั้งแต่อยู่บนเรือแล้ว เดิมทีคิดว่าจะปลอดแล้วจริงๆ แต่ชุยเฒ่าจับชีพ

จรให้ และบอกว่ายังเร็วเกินไป

ชุยเฒ่าลองคำนวณวันเวลาให้เธอ เป็นไปดังคาด กำหนดคลอดของเธออยู่ในช่วงปลายเดือน ยังมีเวลาอีกประมาณสิบวันถึงครึ่งเดือน

เยี่ยนอ๋องตกใจจนเหงื่อออก ซั่งกวนเยี่ยนก็คลอดลูกลำบาก ใช้เวลาสามวันจนทั้งแม่ทั้งลูกเกือบไม่รอดเสียแล้ว สุดท้ายเรื่องร้ายก็กลับกลายเป็นดี แต่ก็ได้กลายเป็นเงามืดปกคลุมหัวใจของเขา

สตรีให้กำเนิดบุตร ก็เปรียบดังการยืนอยู่ตรงประตูระหว่างความเป็นและความตาย ไม่ใช่เพราะว่าเคยมีลูกมาก่อนแล้วจะไม่เป็นไร เขาไม่รู้ว่าอวี๋หวั่นตั้งท้อง จึงส่งหมอฝีมือดีเหล่านั้นกลับเมืองเยี่ยนไปแล้ว เขาต้องตามคนเหล่านั้นกลับมาโดยเร็วที่สุด!

เยี่ยนจิ่วเฉาพาอวี๋หวั่นกลับห้องไป

เยี่ยนอ๋องมองตามหลังทั้งสอง สายตาของเขาสั่นไหว จวนหลังนี้เหมือนกับแต่ก่อน แต่ก็เปลี่ยนแปลงไป มีบางสิ่งขาดหายไป แต่ก็มีบางสิ่งเพิ่มขึ้นมา สายตาของเขาหลุบลงแล้วยิ้ม รอยยิ้มนี้เป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากหัวใจ

หลังจากที่อวี๋หวั่นแต่งงานเข้ามาในจวนคุณชาย ข้างกายก็มีสาวใช้ทั้งหมดห้าคน ซูมู่ไว้ใจไม่ได้ จึงถูกไล่ไปแล้ว เหลือเพียงสี่คน ได้แก่หลีเอ๋อร์ เถาเอ๋อร์ จื่อซู และฝูหลิง เดิมทีจื่อซูเป็นคุณหนูจากสกุลใหญ่ เพียบพร้อมทุกด้าน ฝูหลิงมีพละกำลังมาก ทำงานใช้แรงได้ดีที่สุด ก่อนหน้านี้พวกเขาพาจื่อซูและฝูหลิงไปตามหาตัวยาด้วย ส่วนเถาเอ๋อร์และหลีเอ๋อร์อยู่ที่จวน

ทั้งสองคนได้ยินผู้อาวุโสในจวนบอกว่าเดิมทีเยี่ยนจิ่วเฉาไปพำนักอยู่ในเมืองเยี่ยน หลายปีกว่าจะกลับเมืองหลวง พวกนางตกใจแทบแย่ ทั้งยังคิดว่าถูกทิ้งเสียแล้ว ชีวิตนี้อาจไม่ได้พบกับเจ้านายอีก ทันทีที่อวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉาปรากฏตัว พวกนางจึงวิ่งร้องไห้มาด้วยความตื่นเต้น

“ซื่อจื่อ! พระชายา!”

ทั้งสองรีบเข้ามาต้อนรับ

พวกนางคิดว่าซื่อจื่อดูน่าเกรงขามกว่าเดิม อย่าว่าแต่มองหน้าเขาตรงๆ พวกนางไม่กล้าเข้าใกล้ด้วยซ้ำ พวกนางจึงมองไปยังอวี๋หวั่นซึ่งอยู่ด้านข้างของเยี่ยนจิ่วเฉา ทันใดนั้นพวกนางก็ตื่นตะลึง

“พระชายา…ท่าน…” เถาเอ๋อร์จ้องมองท้องกลมของอวี๋หวั่นด้วยความตกใจ

หลีเอ๋อร์อายุมากกว่านางหนึ่งปี รู้ความมากกว่า นางรีบย่อลงครั้งหนึ่ง “ยินดีด้วยเจ้าค่ะ พระชายา”

“อ๋า ใช่ๆๆ! ยินดีด้วยเจ้าค่ะ พระชายา!” เถาเอ๋อร์ได้สติ และคำนับครั้งหนึ่งเช่นกัน

สาวใช้ทั้งสองคนขอบตาแดงก่ำ นั่นเป็นเพราะพวกนางน้อยใจ ก็ไม่แปลก เห็นได้ชัดว่าพวกนางเป็นกลุ่มแรกที่มาอยู่ที่นี่ ทว่าสุดท้ายแล้วคนที่ได้ติดตามอวี๋หวั่นไปกลับเป็นจื่อซูและฝูหลิงซึ่งมาทีหลัง

สาวใช้ทั้งสองกลัวว่าพวกตนทำสิ่งใดผิดพลาด ทำให้เธอไม่พอใจ เธอจึงไม่โปรดปรานพวกนางอีก

อวี๋หวั่นยิ้ม “ข้ากับซื่อจื่อหิวแล้ว ให้ห้องครัวเตรียมอาหารสักหน่อย แล้วก็เตรียมน้ำร้อนด้วย ข้าจะอาบน้ำ”

ครั้นอยู่บนเรือ พวกเขากินแต่ปลา จนตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเธอมีกลิ่นคาวเสียแล้ว

เมื่อเห็นว่าเจ้านายยังเรียกใช้พวกนางเหมือนเดิม ทั้งสองคนดีใจเป็นที่สุด พวกนางยิ้มร่าและรุดรีบไปทำงาน

เยี่ยนจิ่วเฉากลับห้องไปเป็นเพื่อนอวี๋หวั่น

ในห้องนั้นเหมือนกับก่อนที่พวกเขาจะจากไปไม่มีผิดเพี้ยน ความทรงจำของที่นี่ต่างจากสกุลเห้อเหลียนอยู่บ้าง อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นเรือนหอของพวกเขาทั้งสอง เป็นช่วงเวลาอันมีค่าในวัยเยาว์ช่วงหนึ่งในชีวิตของพวกเขา

อวี๋หวั่นนั่งอยู่บนเตียง ดวงตาของเธอมองไปรอบๆ ห้องของพวกเขาด้วยความสงสัย

“เยี่ยนจิ่วเฉา” อวี๋หวั่นยิ้ม “ข้ารู้สึกเหมือน…ได้กลับมาวันที่แต่งงานกับท่าน”

“เหอะ”

ยังกล้าพูดเรื่องงานแต่งด้วยหรือ ไม่รู้ว่าใครที่กินอิ่มหนำสำราญในคืนเข้าหออย่างเต็มอิ่มเสียจนดื่มน้ำแกงเนื้อไม่ลง!

อวี๋หวั่นนอนแผ่ลงบนเตียงนุ่ม

รู้สึกดีเหลือเกิน

ได้กลับมาในรังน้อยคอยรักของพวกเขา!

อวี๋หวั่นไม่ได้ยินว่าสามีของตนพูดว่าอะไร เมื่อหันไปมองอีกครั้ง ก็เห็นเขาทำหน้าบูดบึ้งเสียแล้ว

เธอกลอกตา แล้วถามว่า “เยี่ยนจิ่วเฉา ท่านยังไม่หายแค้นเรื่องในคืนนั้นอีกหรือ? เรื่องนั้นโทษข้าไม่ได้นะ วันแต่งงาน ท่านก็เป็นคนกำหนด ใครให้ท่านไม่แต่งกับข้าก่อนหน้านั้นหรือหลังจากนั้น ดันมาแต่งในวันที่ข้ามีระดู”

เธอควบคุมมันไม่ได้สักหน่อย ใช่ไหมละ?

“อีกอย่าง ท่านก็ร่วมเรียงเคียงหมอนกับข้ามาไม่รู้กี่ครั้ง ครั้งก่อนยังไม่พอหรือ? ท่านพ่อข้าเรียก ท่านก็ยังไม่ยอมปล่อย ท่านนั่นแหละที่ใจดำ!”

…………………..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]