ไป๋ถังตีเขาอีกครั้งหนึ่ง “หากยังกล้าตามข้ามาอีก ข้าจะถลกหนังเจ้า! ยังไม่รีบไปอีก!”
“พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่?” ไป๋ถังโยนไม้ทิ้งไปพร้อมกับปัดมือ มองไปยังสองพี่น้องที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหัน
อวี๋เฟิงกระแอมด้วยความประหม่า
อวี๋หวั่นยกยิ้มมุมปาก “พวกเรามาดูงานโคมไฟ พี่ใหญ่ข้าได้ยินเสียงของท่าน นึกว่าท่านเป็นอะไร จึงรีบวิ่งมาเร็วเสียยิ่งกว่ากระต่าย”
อวี๋เฟิงใจกระตุกวูบ
ไป๋ถังร้อง ‘อ้อ’ แล้วกล่าวว่า “ข้าจะเป็นอะไรไปได้เล่า? คนบ้ากามเช่นนี้ ข้าจำต้องจัดการเสียให้เข็ด!”
อวี๋หวั่นหัวเราะ “คุณหนูไป๋ก็มาดูโคมไฟเหมือนกันหรือ?”
ไป๋ถังพึมพำ “ใช่แล้ว แต่กลับมาเจอคนคนนั้น โชคร้ายจริง!”
อวี๋หวั่นเหลือบไปมองอวี๋เฟิง “พวกข้าเพิ่งมา ยังไม่ได้ดูเลย ถ้าคุณหนูไป๋ไม่รังเกียจละก็ ไปด้วยกันไหม?”
ทั้งสามคนเดินไปตามถนนฉีหลินซึ่งประดับประดาไปด้วยโคมไฟ ไป๋ถังเป็นคนเมืองหลวงโดยกำเนิด งานเช่นนี้นางเคยเห็นมานักต่อนักแล้ว จึงไม่รู้สึกตื่นเต้นเท่าไร แต่เมื่อมีเพื่อนมาด้วย ก็ได้อีกบรรยากาศหนึ่ง
ในตอนแรก ทั้งสามคนก็เดินอยู่ด้วยกัน ภายหลังอวี๋หวั่นค่อยๆ ถอยออกมา โดยที่ทั้งสองมิได้สังเกตแม้แต่น้อย
อวี๋หวั่นทั้งรู้สึกสนุกทั้งขบขัน แม้ว่าเธอจะตั้งใจทำเช่นนั้น เพราะไม่อยากไปเป็นก้างขวางคอของทั้งสองคน แต่ว่าเมินเธอแบบนี้ มันไม่น่าน้อยใจไปหน่อยหรือ?
“ขายโคมไฟ! โคมไฟทำใหม่! โคมดอกบัว โคมลูกท้อ โคมดอกซิ่งฮวา ลูกละแปดสิบอีแปะ!”
อวี๋หวั่นถูกเสียงของคนขายโคมไฟดึงดูด โคมของร้านนี้ไม่เลวเหมือนกัน เธอจึงตัดสินใจซื้อให้เด็กน้อยทั้งสามคนละลูก
ขณะที่อวี๋หวั่นกำลังเลือกโคมให้เด็กน้อยทั้งสามอยู่นั้น ก็มีเสียงหวีดร้องดังขึ้นท่ามกลางฝูงชน “ไอ้หยา! มีคนตกน้ำ!”
อวี๋หวั่นนึกได้ว่าระหว่างทางมาถนนฉีหลินนั้นมีสระน้ำ สระน้ำนั้นห่างออกไปไม่ไกลนัก
เมื่ออวี๋หวั่นไปถึง สระน้ำนั้นก็รายล้อมไปด้วยผู้คน เพียงแต่ว่าไม่มีใครว่ายน้ำเป็น มีชายฉกรรจ์คนหนึ่งยื่นลำไม้ไผ่ออกมา หมายจะให้คนที่ตกน้ำจับเอาไว้ ทว่าคนผู้นั้นกลับค่อยๆ จมลงไปเรื่อยๆ
ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้ อวี๋หวั่นไม่ได้ใส่ใจความหนาวเย็นของน้ำในแรกฤดูใบไม้ผลิอีกต่อไป เธอกระโดดลงไปช่วยคนขึ้นมา เขาคือชายชราซึ่งมีผมสีขาวแกมดำ
อวี๋หวั่นกดหน้าอกของเขา ชายชราสำลักน้ำออกมา
สตรีสูงวัยคนหนึ่งกล่าวว่า “เมื่อครู่ข้ายังเห็นเขายืนอยู่ตรงนี้ ที่แท้ก็ฆ่าตัวตายหรอกหรือ”
อายุมากเช่นนี้ยังคิดฆ่าตัวตาย ต้องเจอกับเรื่องร้ายมาเป็นแน่ ผู้คนต่างเห็นอกเห็นใจเขา
ไหนเลยจะรู้ว่าชายชราสูดลมหายใจเข้า แล้วด่ากราดสตรีคนนั้นว่า “เจ้าน่ะสิตาย! ไปตายทั้งบ้านเลยไป!”
สตรีสูงวัยตะลึง “จะ…จะ…เจ้าแก่ไร้สติ!”
ชายชราสวนกลับ “เจ้านั่นแหละแก่ไร้สติ!”
สตรีสูงวัยโทสะพลุ่งพล่าน!
ฝูงชนรู้สึกว่าพูดเพียงครั้งเดียวก็พอแล้ว ไม่ได้ฆ่าตัวตายก็ไม่ได้ฆ่าตัวตาย ไยต้องบริภาษกันเช่นนี้?
ผู้คนซึ่งเดิมทีรู้สึกเห็นใจเขา ต่างแยกย้ายกันเดินออกไปด้วยท่าทางรังเกียจ
คนแก่ประเภทนี้ อยากตายที่ไหนก็ไปตายเถอะ!
“ข้าหิว” ชายชราเนื้อตัวเปียกปอนบอกกับอวี๋หวั่น เขาตัวสั่นเทิ้ม น้ำเสียงก็สั่นเล็กน้อย “ข้ายืนไม่ไหว จึงตกน้ำ”
อวี๋หวั่นตอบเพียง “อ้อ”
ชายชราตัวสั่นระริกด้วยความหนาว เขาถามอวี๋หวั่นว่า “มีของกินหรือไม่?”
อวี๋หวั่นหยิบขนมน้ำตาลกรอบออกมาจากกระเป๋า แกะเปลือกออกแล้วส่งให้เขา “ขนมนี้ได้หรือไม่?”
ชายชราหยิบขนมมา รีบสวาปามลงไปจนไม่เหลือให้อวี๋หวั่นแม้แต่ชิ้นเดียว “ไม่อร่อยเลย!”
อวี๋หวั่น “…”
ด้วยความยินดี
ช่างเป็นคนแก่ที่ประหลาดเหลือเกิน อวี๋หวั่นไม่อยากสนใจเขา เธอลุกขึ้นจะเดินออกไป
“เจ้าจะไปเช่นนี้รึ?” เขาเรียกอวี๋หวั่น
ฉันยังต้องรับผิดชอบอะไรคุณอีก?
ชายชรากล่าวว่า “ที่ที่ข้าอยู่ไม่ไกล เจ้าพยุงข้าไปหน่อย”
อวี๋หวั่นตอบว่า “ถ้าข้าไม่พยุงท่านไปล่ะ?”
ชายชราตอบโดยมิได้หยุดคิด “ข้าก็จะบอกคนอื่นว่าเจ้าผลักข้าตกน้ำ”
อวี๋หวั่นจะบ้าตาย “…ท่านผู้เฒ่า ท่านจะมาเล่นแง่แบบนี้ไม่ได้นะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]