สตรีนางนั้นเห็นว่าตนเองมีบุญคุณกับจวนคุณชาย จึงกล้ารังแกคนจากจวนแม่ทัพ ใจดีด้วยหน่อยก็กำเริบเสิบสาน บัดนี้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของคุณชายเยี่ยน ไม่รู้ว่าจะตายอนาถเพียงใด
“น้องสาว!”
เหยียนหรูอวี้เข้าไปในห้อง คุณชายสวมอาภรณ์ปักดิ้นก็สาวเท้าเข้ามา เป็นเหยียนเซี่ย นายท่านแห่งจวนสกุลเหยียนผู้ซึ่งนางมิได้เห็นหน้าค่าตามานานหลายวัน
หลังจากถูกซั่งกวนเยี่ยนกำราบ เขาก็อยู่ในบ้านมาตลอด จะกล่าวให้น่าฟังสักหน่อยก็คือรักษาอาการป่วยและบาดเจ็บ ความจริงก็คือถูกฮูหยินเหยียนลงโทษด้วยการขังไว้ในห้องเพื่อให้ทบทวนตนเอง
ทบทวนตนเองนานจนแผลหายดี ตัวของเขาก็แทบจะมีรากงอกออกมาแล้วเหมือนกัน
“มีเรื่องอันใดทำให้น้องข้ามีความสุขถึงเพียงนี้?” เขานั่งลงข้างๆ เหยียนหรูอวี้ รินชาใส่ถ้วย แล้วยกดื่มรวดเดียวหมด
เหยียนหรูอวี้กล่าวว่า “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้ามีความสุข?”
เหยียนเซี่ยวางถ้วยชาลง “อ้อ ใช่สิ ทัพใหญ่ซีเป่ยขับไล่พวกซยงหนู ท่านพ่อเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็มิอาจรู้ได้ ท่านแม่ก็เดือดร้อนกับเรื่องนี้ หากน้องข้ายังคงมีความสุข ก็คงจะใจร้ายไปสักหน่อยกระมัง”
เหยียนหรูอวี้จ้องเขาด้วยสายตาเย็นเยียบ แทบอดรนทนไม่ไหวที่จะไล่เขาออกไป “ดึกดื่นป่านนี้ ท่านมาหาข้ามีอะไร?”
เหยียนเซี่ยหัวเราะ “วันนี้มีงานโคมไฟที่ถนนฉีหลิน ไปดูไหม?”
เหยียนหรูอวี้กล่าวเสียงสูง “มิใช่ว่าท่านพ่อเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้ ท่านแม่ก็เดือดร้อนไปด้วย ไม่มีกะจิตกะใจออกไปเที่ยวเล่นไม่ใช่รึ?”
“เหอะ” แววตาของเหยียนเซี่ยกระตุกวูบหนึ่ง “ก็ข้ากลัวว่าเจ้าจะเป็นทุกข์ จึงอยากพาเจ้าออกไปเดินเล่นให้สบายใจ มิได้หรืออย่างไร?”
เหยียนหรูอวี้ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าท่านจะทำอะไร ท่านอยากให้ข้าโกหกท่านแม่แทนท่าน อยากไปก็ไปเองสิ!”
เหยียนเซี่ยจะไปกล้าได้อย่างไร? หากท่านแม่ของเขารู้ว่าเขาแอบออกจากจวนโดยพลการ เขาต้องโดนตีตายเป็นแน่
เขาจับข้อมือของน้องสาวเอาไว้ แล้วพูดอย่างระทมทุกข์ “ไอ้หยา น้องสาวคนดี เจ้ารับปากพี่ใหญ่สักครั้งเถิด ตอนที่เจ้ายังเด็ก พี่ใหญ่ดีกับเจ้าที่สุด พี่รองและพี่สามล้วนแต่รังแกเจ้า มีครั้งไหนบ้างที่พี่ใหญ่คนนี้ไม่ออกรับแทนเจ้า?”
เหยียนหรูอวี้ดึงมือกลับไปอย่างเย็นชา “ใช้ไม้นี้กับข้าไปก็ไร้ประโยชน์ อยากออกจากจวน ก็หาวิธีเอาเองสิ!”
นางไม่อยากสนทนากับเขาตอนนี้ อีกอย่าง ในคืนนี้นางมีเรื่องอื่นต้องทำ
เหยียนเซี่ยเห็นว่าให้ตายก็ชักจูงน้องสาวไม่ได้ จึงเดินออกไปพร้อมกับความผิดหวัง
……
อวี๋หวั่นและอวี๋เฟิงพักอยู่ในเรือน เยี่ยนจิ่วเฉากลับมิได้อยู่ในนั้นด้วย ไม่ว่าอย่างไร คุณชายผู้นี้ก็รู้ดีว่าอาจทำให้สตรีเสื่อมเสียชื่อเสียงได้
เมื่อเขาออกไป อวี๋เฟิงก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แม้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะไม่เคยทำร้ายน้องสาวของเขา แต่ข่าวลือที่เคยได้ยินมาล้วนน่ากลัวเหลือเกิน ในหมู่บ้านมีสายตาหลายคู่คอยมองมา ทว่าที่นี่เป็นอาณาเขตของเยี่ยนจิ่วเฉา หากเขานึกอยากทำอะไรขึ้นมา อวี๋หวั่นจะไปสู้ได้อย่างไร?
หลังจากที่เด็กน้อยแต่ละคนถูกหอมแก้ม พวกเขาก็กลับจวนไปกับท่านพ่ออย่างว่าง่าย
สองพี่น้องจัดตำรับยาอยู่ในห้องลุงใหญ่ นอกจากพวกเขาแล้ว ก็ยังมีบ่าวอีกคนหนึ่ง ชื่อว่า ‘ซันเอ๋อร์’
ซันเอ๋อร์เป็นบ่าวที่ลุงวั่นส่งมาดูแลลุงใหญ่โดยเฉพาะ เมื่อก่อนเขาเคยเป็นคนหยิบยาในคฤหาสน์ของหมอจาง พอจะมีความรู้เรื่องยาอยู่บ้าง
หมอจางคือหนึ่งในหมอสองท่านซึ่งอยู่ๆ ก็มาตรวจคนไข้ที่เป่าจือถัง อีกท่านหนึ่งคือหมอเหลียง หมอทั้งสองเป็นหมอที่เยี่ยนจิ่วเฉาเชิญมา เหตุที่ชาวบ้านทั้งหมดได้ตรวจรักษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายก็เพราะเยี่ยนจิ่วเฉาควักกระเป๋าออกเองทั้งหมด อวี๋หวั่นและอวี๋เฟิงไม่รู้เรื่องนี้
ไม่ไกลออกไปก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น
อวี๋เฟิงยังคงทำเป็นเยือกเย็นและจัดยาต่อไป แต่สายตาของเขาก็ยังคงเหลือบออกไปด้านนอก
อวี๋หวั่นเหลือบมองไปยังเขาแล้วหัวเราะ เอ่ยถามบ่าวซึ่งอยู่ด้านข้าง “ซันเอ๋อร์ ตรงนั้นมีอะไรหรือ?”
ซันเอ๋อร์ตอบว่า “เรียนแม่นางอวี๋ ด้านนอกคือถนนฉีหลิน มีงานโคมไฟขอรับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]