เตียงที่ว่างเปล่าราวกลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันที แต่ก็ไม่ทำให้รู้สึกรำคาญ
เยี่ยนจิ่วเฉาผู้คุ้นเคยกับการอยู่อย่างสงบเงียบ ค่อยๆ หลับตาลงและเข้าสู่นิทราด้วยความสบายใจ
วันรุ่งขึ้น อวี๋หวั่นไม่ได้ไปที่ใด อยู่แต่ในบ้าน เรียนรู้กฎระเบียบกับลุงวั่น
ไม่นานก็มาถึงวันหุยเหมิน[1] อวี๋หวั่นตื่นแต่เช้าตรู่ แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าเยี่ยนจิ่วเฉาตื่นแล้ว แปลกจริง คุณชายผู้รากมากดีเช่นเขา มิใช่ว่านอนจนดวงตะวันโด่งฟ้า ไม่เรียกไม่ตื่นหรอกรึ? ความจริงแล้ว ตั้งแต่แต่งงานกันมา เธอก็ยังไม่เคยเห็นเขานอนอยู่ข้างๆ เธอเลยสักครั้ง ไม่ว่าเธอจะตื่นเช้าเพียงใด เขาก็ตื่นเช้ากว่าเธอเสมอ
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้า อวี๋หวั่นก็มานั่งวาดคิ้วอยู่หน้ากระจกทองเหลือง คิ้วของเธอหนาได้รูปอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องวาด ทว่าลุงวั่นซื้อหมึกเขียนคิ้วมาแล้ว หากไม่ใช้คงน่าเสียดาย เมื่อเธอหันศีรษะกลับไป ก็เห็นเยี่ยนจิ่วเฉานั่งอยู่ข้างหลัง
เธอหันตัวกลับมาและยื่นหมึกเขียนคิ้วให้เขา “ท่านอยากช่วยข้าวาดคิ้วหรือไม่?”
ใครๆ ก็บอกว่าบุรุษสมัยโบราณจะเขียนคิ้วให้กับสตรีที่เขารักมากเท่านั้นมิใช่หรือ?
เช่นนั้น นี่ก็น่าจะเป็นเรื่องที่โรแมนติกมากเลย?
เยี่ยนจิ่วเฉาถือใบรายการของขวัญสำหรับหุยเหมินไว้ในมือ สายตาของเขาเบนออกจากใบรายการ มาตกกระทบบนร่างของอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นสวมชุดที่แม่นางเมิ่งกับลูกศิษย์ทำขึ้นในชั่วข้ามคืน กระโปรงผ้าโปร่งแขนกว้างสีแดงสลับขาว ช่วงเอวรัดแน่น ปลายแขนเสื้อกว้างใหญ่ สาบเสื้อทับกันในแนวทแยง เอวเรียวคาดด้วยเข็มขัดสีหยกแน่นหนา ทับด้วยเสื้อคลุมบางเบา เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าบอบบาง ด้านล่างกระดูกไหปลาร้า ผ้ารัดอกสีขาวที่คล้ายกับจะพันไม่อยู่ ผ่านไปไม่กี่เดือน ก็โตขนาดนี้แล้ว…
เยี่ยนจิ่วเฉากระอักกระอ่วน จับที่เท้าแขนของรถเข็น แล้วหมุมตัวกลับ “วาดเอง!”
อวี๋หวั่นเก็บหมึกเขียนคิ้วกลับคืน “วาดเองก็วาดเอง ต้องดุไปไยเล่า?”
หน้าอกของเยี่ยนจิ่วเฉาเลื่อนขึ้นลงอย่างรุนแรง พลันผลักรถเข็นออกไป
หลังจากอวี๋หวั่นวาดคิ้วเสร็จแล้ว เด็กๆ ก็ตื่นแล้วเช่นกัน เมื่อพวกเขาลืมตาแล้วเห็นอวี๋หวั่นก็รู้สึกมีความสุขมาก ทั้งสามคลานลงจากเตียงด้วยร่างอันเปลือยเปล่า มาออดอ้อนขอจุมพิตใหญ่ๆ คนละทีจากอวี๋หวั่น
หลังอาหารเช้า ทั้งหมดก็ขึ้นรถม้ากลับไปยังหมู่บ้าน
สกุลอวี๋รู้ว่าวันนี้อวี๋หวั่นจะกลับมา จึงรีบตื่นมาเตรียมตัวตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง ตอนนี้โรงงานได้ย้ายไปที่ใหม่แล้ว จึงสามารถต้อนรับแขกที่บ้านได้โดยไม่ต้องหยุดงาน
อวี๋เฟิงและอวี๋ซงไปซื้ออาหารในตำบล ขณะที่เถี่ยตั้นน้อยยืนอยู่บนทางเดินนอกทางเข้าหมู่บ้าน มองไปยังเมืองหลวงด้วยสายตาที่เฝ้ารอ
สือโถวใช้กิ่งไม้สะกิดมดที่อยู่บนพื้น และถามว่า “พี่สาวเจ้าจะกลับมาได้หรือ? แม่ข้าบอกว่าเมืองหลวงอยู่ห่างไกลนัก!”
เถี่ยตั้นน้อยเท้าเอวตอบ “พี่สาวของข้าต้องกลับมาแน่! นางสัญญากับข้าไว้แล้ว!”
เถี่ยตั้นน้อยมาเร็วเกินไป หลังจากรอมาเนิ่นนาน ก็ยังไม่เห็นรถม้าของจวนคุณชาย รถม้าของหอจุ้ยเซียนผ่านไปสองคันแล้ว ทำให้เถี่ยตั้นน้อยรู้สึกผิดหวังยิ่งนัก หลังจากนั้นอีกชั่วยาม ในที่สุดก็มองเห็นเงารถม้าคันที่คุ้นเคย เถี่ยตั้นน้อยกลับทำท่าทางกระฟัดกระเฟียด และวิ่งหนีไปโดยไม่หันกลับมา
งานแต่งงานเมื่อสามวันก่อนลือกันไปทั่วพื้นที่แถบนี้ วันนี้อวี๋หวั่นกลับบ้าน ผู้คนมากมายถูกดึงดูดให้มาดูความตื่นเต้นร่วมกัน
ผู้คนในหมู่บ้านเหลียนฮวารู้แล้วว่าคุณชายวั่นไม่ได้แซ่วั่น แต่เป็นแซ่เยี่ยน กล่าวกันว่าเขาเป็นคุณชายจากตระกูลข้าหลวง
“ครอบครัวของเขาเป็นขุนนางชั้นสูงในเมืองหลวง!” ป้าจางเอ่ยราวกับเป็นเช่นนั้น
ชุ่นฮวาเอ่ยด้วยดวงตากลมโต “ขุนนางชั้นสูงแค่ไหนรึ?”
ป้าจางถูกขอร้องให้หยุดเกาหัว “สูง สูงกว่านายอำเภอ!”
ในสายตาของพวกเขา นายอำเภอคือท้องฟ้าที่อยู่บนหัว ยังสูงกว่าท้องฟ้า นั่นก็สุดยอดมากๆ แล้ว
“นายอำเภออะไรกันละ? เขาเป็นพระญาติกับฮ่องเต้ ไม่รู้รึ?”
จู่ๆ เสียงของนางเสี่ยวเฉินก็ดังขึ้นข้างหลังทุกคนอย่างเงียบๆ ทุกคนตกใจตัวสั่นรีบหันไปมอง ป้าไป๋ถลึงตาใส่นาง “ข้าบอกกี่ครั้งแล้ว เดินมาให้สุ้มให้เสียงหน่อยไม่ได้หรือไร?!”
นางเสี่ยวเฉินกะเทาะเมล็ดแตง “…อ้อ”
รถม้าหยุดลงที่หน้าประตูบ้าน อวี๋หวั่นเดินไปนำรถเข็นมา ทว่าเยี่ยนจิ่วเฉากลับปฏิเสธ เขารั้นที่จะเดินลงไป หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ก้าว ร่างกายของเขาก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
อวี๋หวั่นเข้าใจว่าเขาไม่ต้องการให้ครอบครัวของเธอกังวล หากกังวลเรื่องสุขภาพของเขา ก็ต้องกังวลว่าเธอได้แต่งงานกับสามีที่ไร้ความสามารถ อวี๋หวั่นรับน้ำใจของเขาและมองเขาด้วยความซาบซึ้ง
ภายในห้องโถง อวี๋หวั่นเห็นท่านพ่อ ท่านแม่ ลุงใหญ่ ป้าสะใภ้ใหญ่ และเด็กหญิงตัวเล็กๆ
“แล้วพวกพี่ใหญ่เล่า?” อวี๋หวั่นถาม
ป้าสะใภ้ใหญ่ยิ้มและเอ่ยว่า “ไปจ่ายกับข้าว เดี๋ยวก็กลับมา”
อวี๋หวั่นเปลี่ยนไปสวมชุดของคนเมือง พวกเขาแทบจำเธอไม่ได้เมื่อแรกเห็น และยังคิดว่าเป็นสตรีสูงศักดิ์จากตระกูลใหญ่โตคนใด ไม่ใช่สิ สตรีสูงศักดิ์คนใดที่สามารถนั่งรถม้าของลูกเขยได้?
ป้าสะใภัใหญ่จับมืออวี๋หวั่น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความปลื้มปีติยินดี
นางเจียงมองบุตรสาวอย่างอ่อนโยน
มีเพียงอวี๋เซ่าชิงเท่านั้นที่ขมขื่นใจ และอยากจะโยนลูกเขยออกไป!
ลุงใหญ่นำขนมเหนียวออกมา
นี่เป็นประเพณีของหมู่บ้าน ในวันหุยเหมิน คู่หนุ่มสาวต้องกินขนมเหนียวชามโตที่ปรุงด้วยน้ำตาลทรายแดง ขนมเหนียวก้อนกลมๆ นี้ทำจากแป้งข้าวเหนียว ขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ นำไปทอดในกระทะก่อน จากนั้นจึงนำมาต้มในน้ำตาลทรายแดงให้ดูดน้ำ สัมผัสนุ่มนวล รสชาติเหนียวหวานมัน อวี๋หวั่นไม่ชอบอาหารหวาน แต่เพราะเป็นธรรมเนียมให้เกิดความเป็นมงคล อวี๋หวั่นจึงกินอย่างเชื่อฟัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]