ใบหน้าของเยี่ยนจิ่วเฉาไร้ซึ่งความประหลาดใจ เขาเพียงแต่เลิกคิ้วและเอ่ยว่า “แต่งคนที่สูงส่งเช่นนี้มาเป็นอนุภรรยา คงลำบากแย่กระมัง?”
“ใครให้นางเป็นอนุภรรยา” ฮ่องเต้ตรัส “เจ้าจะขึ้นเป็นอ๋องในอนาคต นางจะเป็นพระชายาเยี่ยน ส่วนหญิงที่เจ้าแต่งงานด้วย ข้าจะมอบตำแหน่งเช่อเฟยให้นาง”
หญิงชาวบ้านกลายมาเป็นเช่อเฟยของเยี่ยนอ๋องได้ก็นับว่าปีนสูงแล้ว
เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ย “หญิงคนนั้นก็คือคนที่ฝ่าบาททรงประทานฉายาแม่ครัวมือหนึ่งในใต้หล้าให้นะพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ตรัสด้วยสีหน้าจริงจัง “นี่เป็นคนละเรื่องกัน เจ้าแต่งภรรยา มิใช่เชิญแม่ครัว!”
“นางมิใช่แม่ครัว” เยี่ยนจิ่วเฉาสีหน้าบูดบึ้ง “นางเป็นภรรยาข้า”
ฮ่องเต้ตรัสอย่างเย็นชา “ข้าไม่เห็นด้วย! ได้ผ่านประตู มีสามหนังสือหกพิธีการใหญ่โต ก็นับว่าเป็นเกียรติแก่นางมากพอแล้ว เลิกคิดจะเป็นพระชายาเยี่ยนไปเสีย!”
เยี่ยนจิ่วเฉาโยนตราประทับสีทองของเยี่ยนอ๋องลงบนโต๊ะของฮ่องเต้จนเกิดเสียงดังลั่น “ตำแหน่งเยี่ยนอ๋องนี้ ผู้ใดอยากจะรับก็รับไป!”
ฮ่องเต้ตบโต๊ะและยืนขึ้น “เยี่ยนจิ่วเฉา!”
ฮ่องเต้โกรธจัด เด็กตัวเหม็นคนนี้ไม่ต้องการกระทั่งตำแหน่งเยี่ยนอ๋องเพียงเพราะสตรีผู้เดียว เขารู้หรือไม่ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่? ที่เขาจะสละคือตำแหน่งอ๋องเช่นนั้นหรือ? นั่นคือทั้งจวนเยี่ยนอ๋อง ทั้งเมืองเยี่ยน!
“ฝ่าบาท! โปรดระงับโทสะ โปรดระงับโทสะพ่ะย่ะค่ะ…” เมื่อเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี ขันทีวังก็เดินฝ่าพายุความเสี่ยงที่จะถูกตัดศีรษะเข้าไป เขาเอ่ยกับเยี่ยนจิ่วเฉาอย่างจริงใจเพื่อปลอบพระทัยฝ่าบาท “คุณชาย ฝ่าบาททรงทำเพราะหวังดีกับท่าน”
เยี่ยนจิ่วเฉาฮึดฮัดใส่อย่างเย็นชา พลางผลักรถเข็นออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
ฮ่องเต้โกรธมาก “เจ้าดูสิ เจ้าดูสิ! นี่คือหลานชายที่แสนดีที่ข้าคุ้นเคย! กล้าสะบัดหน้าใส่ข้าต่อหน้าคนอื่น! ข้าคิดจริงๆ แล้วว่าคงต้องฆ่าเขาให้ตาย!”
“ฝ่าบาท ไยตรัสเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ” ขันทีวังกล่าวในใจ ท่านเต็มใจที่จะฆ่า คงฆ่าไปไม่รู้กี่ครั้งตั้งนานแล้ว แม้ว่าท่านจะไม่ฆ่า เด็กคนนี้ก็อยู่ไม่รอดเกินสองปี
เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้มิได้มีน้ำโห ขันทีวังจึงรีบเกลี้ยกล่อม “คุณชายเป็นคนดื้อรั้น เอ่ยเพราะๆ ดีๆ จึงจะยอมทำตาม แต่กระหม่อมคิดว่าฝ่าบาทมิต้องทรงกังวลไปหรอกพ่ะย่ะค่ะ คุณชายมิเคยมีสตรีอยู่ข้างกาย ย่อมหลงใหลในความสดใหม่ หลังจากผ่านช่วงนี้ไป เขาก็จะสนใจสตรีผู้นั้นน้อยลงเองพ่ะย่ะค่ะ ถึงตอนนั้นฝ่าบาทค่อยนำสตรีเหล่านั้นมาอยู่ต่อหน้าเขา มิจำเป็นต้องกระตุ้นเขา เขาก็จะเป็นผู้เลือกด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ตรัส “ข้าเข้าใจดี แต่ข้าแค่ทนไม่ไหวอีกแล้ว หัวรั้นเช่นเดียวกับพ่อไม่มีผิด!”
การแต่งงานของเยี่ยนอ๋องกับซั่งกวนเยี่ยนก็ถูกคัดค้านเช่นกัน ไม่มีเหตุผลอื่นใด สถานะของซั่งกวนเยี่ยนสูงส่งเกินไป ฮ่องเต้องค์ก่อนมิต้องการให้ ‘ลูกชายชู้’ มีบุคคลเบื้องหลังที่มีอำนาจเช่นนี้ ฮ่องเต้องค์ก่อนเลือกการแต่งงานที่ไม่สูงหรือต่ำเกินไปสำหรับเยี่ยนอ๋อง เยี่ยนอ๋องวัยหนุ่มจึงอาละวาดยกเลิกการแต่งงานจนเป็นที่โจษจันกันไปทั้งเมือง แต่ไม่ว่าอย่างไร ซั่งกวนเยี่ยนกับเยี่ยนอ๋องก็นับว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกัน ดังนั้นฮ่องเต้คนปัจจุบันจึงไม่คัดค้านการแต่งงานของทั้งสอง
“ข้าทำเพราะหวังดีกับเขา”
ขันทีวังถอนใจอีกครั้ง “ฮ่องเต้ทรงทำเพราะหวังดีกับคุณชาย คุณชายยังเด็กไม่รู้เรื่องอันใด หากฮ่องเต้ทรงอนุญาตให้เขาแต่งงานกับสตรีผู้ต่ำต้อยในฐานะพระชายาเยี่ยน เยี่ยนอ๋องผู้ล่วงลับทราบเข้าคงยากที่จะตายตาหลับ”
แววตาของฮ่องเต้เนือยนิ่ง ไม่ตรัสสิ่งใดอีก
………..
หลังจากเยี่ยนจิ่วเฉาออกจากห้องทรงงานของฮ่องเต้ก็ตรงไปยังตำหนักเฟิ่งชี อวี๋หวั่นก็บังเอิญออกมาจากตำหนักเฟิ่งชีพอดี ทั้งคู่ชนกันอย่างแรง
เมื่อมองเห็นมือที่ว่างเปล่าของเธอ เยี่ยนจิ่วเฉาจึงถามว่า “มิได้รับตราประทองคำหรือ? ฮองเฮาต้องการสิ่งใดกัน?”
อวี๋หวั่นไม่แปลกใจที่เขาเดาได้ เขามีชีวิตอยู่มาได้จนถึงตอนนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะโชค
อวี๋หวั่นเอ่ยเบาๆ “นางต้องการให้เราช่วยนางออกจากตำหนักเฟิ่งชีเจ้าค่ะ”
เยี่ยนจิ่วเฉาตอบอย่างเรียบง่าย “มิใช่เรื่องยาก เจ้าไปบอกฮองเฮา ภายในสามวัน นางจะได้ตามที่นางต้องการ”
“อื้อ” อวี๋หวั่นหมุนตัวเตรียมจะไปยังตำหนักเฟิ่งชี เยี่ยนจิ่วเฉารีบคว้าข้อมือเธอไว้ “มิใช่เจ้า”
อวี๋หวั่นชะงัก และเห็นลุงวั่นเดินผ่านเธอไปอย่างขัดเขิน
อวี๋หวั่นมองมือที่จับอยู่บนข้อมือของเธอ นอกจากตอนที่เขาช่วยเหลือเธอ ดูเหมือนนี่จะเป็นครั้งแรกที่เยี่ยนจิ่วเฉาเริ่มสัมผัสเธอก่อน? แม้จะถูกคั่นด้วยแขนเสื้อก็ตาม แต่…
เยี่ยนจิ่วเฉาเห็นสายตาของอวี๋หวั่น จึงรีบปล่อยมือและเอ่ยอย่างเย็นชา “มัวทำอันใด? ผลักรถเข็นสิ!”
อวี๋หวั่นยิ้มมุมปาก พลางเดินไปที่รถเข็น และโน้มกายลงเอ่ยข้างหู “เยี่ยนจิ่วเฉา ตอนนี้ท่านรู้แล้วว่าข้าดีมากใช่หรือไม่?”
เยี่ยนจิ่วเฉาสัมผัสถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่คุ้นเคยอีกครั้ง ลูกกระเดือกของเขาเคลื่อนขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฟ้าครามตะวันส่อง…สำรวมหน่อย”
มุมปากปรากฏรอยยิ้มที่ยากจะควบคุม อวี๋หวั่นมองใบหูของเขาที่อยู่ชิดกับเธอ พลางส่งเสียงอืมและยืดกายขึ้นอย่างสำรวม
ในที่สุดลมหายใจที่ร้อนระอุก็เคลื่อนออกไป ร่างกายของเยี่ยนจิ่วเฉาผ่อนคลายลง ทว่าวินาทีถัดมา อวี๋หวั่นก็โน้มกายลงอีกครั้งและกระซิบด้วยเสียงต่ำ “ท่านหน้าแดงหมดแล้ว ท่านพี่”
ความลับของราชวงศ์นี้ได้ยินมาจากปากของเซียวเจิ้นถิง เรื่องนี้ไม่ได้ปกปิดเยี่ยนจิ่วเฉาและก็ปกปิดไม่ได้ เยี่ยนจิ่วเฉาที่กึ่งหลับกึ่งตื่นในเวลานั้น ได้ยินเรื่องราวมามากมาย เธอไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้
“ไม่มีทางหรอก” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว
“ไยจึงไม่มีทางเล่า?” อวี๋หวั่นเอ่ยถาม
“หนานจ้าวไม่มีองค์ชาย” เยี่ยนจิ่วเฉาตอบ
“หือ?” อวี๋หวั่นหันไปมองเขาอย่างงงงวย
เยี่ยนจิ่วเฉาจ้องมองขึ้นไปด้านบน ใบหน้าด้านข้างหล่อเหลาสะกดให้ผู้คนลืมหายใจ
เขากล่าวว่า “หมอผีเคยยืนยันว่า ประมุขแห่งหนานจ้าวจะไร้ซึ่งองค์ชาย ดังนั้นเขาจึงมีเพียงตี้จีสององค์เท่านั้น”
“ตี้จี?” อวี๋หวั่นงงงวย
“ก็คือองค์หญิง” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว “ทว่าแม้เป็นตี้จีเฉกเช่นเดียวกัน แต่กลับมีชีวิตที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง”
“อย่างไรรึ?” อวี๋หวั่นเริ่มสนใจ
เยี่ยนจิ่วเฉาแทบไม่เคยเห็นเธอทำตัวราวกับเด็กน้อยขี้สงสัย จึงอดทนพูดกับเธออีกสองสามประโยค “คนหนึ่งเป็นดาวแห่งหายนะ อีกคนหนึ่งเป็นดาวประทานพร ตี้จีองค์โตซึ่งเป็นดาวหายนะถูกส่งตัวออกจากหนานจ้าวไปตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าน้องสาวของนางกลับได้รับความรักและความเอ็นดูทั้งหมดจากองค์ประมุข ได้ยินมาว่านางได้รับตำแหน่งประมุขหญิงเมื่อไม่นานมานี้”
“ตี้จีองค์โตถูกส่งไปที่ใดหรือ?” อวี๋หวั่นไม่ได้สนใจประมุขหญิงผู้นั้น กลับอยากรู้อยากเห็นเรื่องตี้จีองค์โตยิ่งนัก
เยี่ยนจิ่วเฉาส่ายศีรษะ “ไม่อาจทราบ บางคนบอกว่าหนานไห่ บางคนก็บอกว่าเผ่าปีศาจ”
“นางยังไม่ได้กลับไปอีกหรือ?”
“ยัง”
…………………………………………
[1] หมี่กึง 面筋 เป็นสำเนียงแต้จิ๋ว ใช้เรียกแป้งหมี่ที่นำมาทำอาหารเจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]