อวี๋หวั่นกล่าว “นี่ก็เรียกว่าเอาผลประโยชน์หรือ? เช่นนั้นพวกเรากินข้าวที่บ้านใหญ่ทุกวัน ไม่เรียกว่าเอาผลประโยชน์มาครึ่งปีแล้วหรือ?”
“มันไม่เหมือนกัน!” ป้าสะใภัใหญ่ไม่พอใจ
“ป้าสะใภัใหญ่ ท่านให้พี่รองไปเถิด” อวี๋หวั่นรบเร้า
ป้าสะใภัใหญ่รู้สึกละอายยิ่งนัก แต่นางก็เข้าใจว่านางต่างจากกัวอวิ๋นเหนียง แม้ว่าบ้านใหญ่กับบ้านสามจะไม่ได้อยู่ในบ้านเดียวกันแล้ว แต่ก็ดูราวกับไม่ได้แยกจากกัน นางเห็นอาหวั่นเป็นลูกสาวแท้ๆ ของนาง อาหวั่นก็ย่อมเห็นอวี๋ซงเป็นพี่ชายแท้ๆ แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขยใหม่ เขาไม่ได้รังเกียจญาติพี่น้องที่ยากจนเช่นพวกนาง และทำเพื่อพวกนางด้วยความจริงใจ
“พี่สะใภ้ ท่านให้เสี่ยวซงไปเถิด” นางเจียงเอ่ย
นางเจียงเป็นคนที่ ‘ไม่ออกความคิดเห็น’ มากที่สุดในครอบครัวสกุลอวี๋ ที่ผ่านมาสมาชิกคนอื่นตัดสินใจมาโดยตลอด นางมีหน้าที่เพียงแค่พยักหน้าเท่านั้นก็พอแล้ว ครานี้ แม้แต่นางก็ยังเอ่ยปาก ป้าสะใภ้ใหญ่ไม่อาจทำเอียงอาย ยินยอมทั้งด้วยความยินดีและวิตกกังวล
นางรู้สึกยินดีที่ในครอบครัวของนางมีคนเรียนหนังสือ แต่สิ่งที่กังวล คือนางกลัวว่าเจ้าเด็กคนนี้จะตั้งใจได้ไม่เกินสามวัน ก็กลับมาหมดความสนใจอีก
ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของอนาคต หากตอนนี้เริ่มต้นได้ดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง อวี๋หวั่นชื่นชมพี่รองมาก และรู้สึกขอบคุณเยี่ยนจิ่วเฉามากเช่นกัน เธอถามเยี่ยนจิ่วเฉาว่าเขาดูออกได้อย่างไร เยี่ยนจิ่วเฉาฮึดฮัดและตอบว่า “ไม่บอกหรอก!”
อวี๋หวั่นทั้งโกรธทั้งขำ และพาป้าสะใภ้ใหญ่ไปเก็บข้าวของพี่รองที่บ้านหลังเก่า
“อาหวั่น เจ้าบอกที ว่าข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่?” ป้าสะใภัใหญ่กลับมาถึงบ้านหลังเก่า ก็ยังไม่อยากเชื่อว่ามันเป็นความจริง ครอบครัวของพวกเขามีแต่ชาวไร่ชาวนา โดยเฉพาะเสี่ยวซงที่ถูกตีมาตั้งแต่เด็กจนโต ได้กินไม้เรียวมากกว่ากินข้าวเสียอีก ป้าสะใภ้ใหญ่จินตนาการภาพที่เขาเรียนหนังสืออย่างตั้งใจไม่ออกจริงๆ
อวี๋หวั่นคิดแล้ว ก็น่าตลกยิ่งนัก หากไม่ใช่เพราะสายตาที่แหลมคมของเยี่ยนจิ่วเฉา ครอบครัวของพวกเขาคงไม่มีวันได้รู้ว่าอวี๋ซงเป็นเด็กหัวไว
หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อย อาหารของบ้านก็ถูกนำขึ้นโต๊ะ ลุงใหญ่ลงมือทำด้วยตัวเอง อวี๋เฟิงเป็นผู้ช่วย ทำอาหารจานเด็ดมาเต็มโต๊ะ มีทั้งแกงเนื้อแพะตุ๋นน้ำใส ขาแพะยี่หร่า ห่านย่างกรอบ ปลากระพงน้ำแดง ไข่ตุ๋นดอกไม้ และผักตามฤดูกาลอีกเล็กน้อย
โต๊ะสำหรับผู้ใหญ่หนึ่งโต๊ะ และโต๊ะสำหรับเด็กๆ อีกหนึ่งโต๊ะ เถี่ยตั้นน้อยเป็นทั้งพี่ชายและน้าตัวน้อย เขาดูแลน้องสาวและหลานชายของเขาเป็นอย่างดี ลุงใหญ่ไม่รู้ว่า เยี่ยนจิ่วเฉาคุ้นเคยกับอาหารในชนบทหรือไม่ และคุ้นเคยกับการทานอาหารร่วมกับกลุ่มคนในชนบทอย่างพวกเขาหรือไม่ เขาดูกินอย่างไม่ค่อยสบายใจ แต่หลังจากถูกอวี๋เซ่าชิงรินสุราให้เพียงไม่กี่แก้ว ไม่นานก็หลงลืมว่าทิศใดเป็นทิศใดแล้ว เขาวางแขนรอบไหล่ของเยี่ยนจิ่วเฉาและร้องตะโกนออกมาราวกับเป็นพี่น้องกัน
หลังมื้ออาหาร นางเจียงก็พาเด็กน้อยทั้งสามไปดื่มนม ขณะที่อวี๋หวั่นไปหยิบของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากรถม้าและเดินไปที่บ้านสกุลจ้าว
เรื่องวุ่นวายในวันแต่งงาน เธอและเยี่ยนจิ่วเฉาตัดสินใจที่จะปิดปากเงียบ ไม่บอกคนในครอบครัว แต่อาเว่ยช่วยเธอไว้ อย่างไรเธอก็ควรมาขอบคุณเขาด้วยตนเอง
ประตูบ้านสกุลจ้าวปิดสนิท
อวี๋หวั่นยกมือขึ้นเคาะประตู
คนที่เปิดประตูคือชายชราในวัยหกสิบเศษๆ
เมื่อชายชราเห็นอวี๋หวั่น ท่าทีของเขาก็สงบนิ่ง
อวี๋หวั่นยิ้มมุมปาก “ท่านเป็นปู่ของอาเว่ยใช่หรือไม่?”
ทุกคนในหมู่บ้านรู้ดีว่าคนที่ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านสกุลจ้าวมีคนถึงสามรุ่น คนหนึ่งคือปู่ อีกสองคนคือลุง และหลานคืออาเว่ย
มีเพียงความสงบเยือกเย็นในแววตาของชายชรา
“ใช่ เจ้าเป็นใคร?” เขาแกล้งถามทั้งที่รู้ดี
อวี๋หวั่นไม่แน่ใจว่าอาเว่ยได้บอกครอบครัวเรื่องที่เขาช่วยเธอไว้หรือไม่ หากเขาไม่ได้บอก และเธอบอกไปก็อาจจะทำให้เขาเดือดร้อน อวี๋หวั่นเอ่ย “ข้าชื่ออาหวั่น มาจากบ้านของสกุลอวี๋ วันนี้ข้าหุยเหมิน จึงนำของเล็กๆ น้อยๆ มาให้อาเว่ย”
อาเว่ยเคยฆ่าหัวขโมยที่แอบเข้ามาในบ้านของเธอ คนทั้งหมู่บ้านรู้เรื่องนี้ อวี๋หวั่นจึงคิดว่าต่อให้มอบของขวัญตอบแทนมากเพียงใด ก็ไม่เคยมากเกินไป
ชายชรารับมันไว้
หลังจากนั้น เขาก็ปิดประตูโดยไม่กล่าวสิ่งใด
อวี๋หวั่นเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ปู่ของอาเว่ยที่ท่าทีที่ไม่ค่อยเป็นมิตรนัก น่าสงสารอาเว่ยเสียจริง
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของอวี๋หวั่นที่เดินจากไป ชายชราก็พลันสูดหายใจเข้าลึก เผยท่าทีแปลกประหลาดที่ไม่กล้าแสดงต่อหน้าอวี๋หวั่น
เยว่โกวเดินเข้ามา “อาม่า มีอะไรหรือ?”
เยว่โกวเป็นหนึ่งในชายหนุ่มสองคนที่ติดตามชายชรามา อีกคนชื่อชิงเหยียน ชิงเหยียนกับอาเว่ยขึ้นไปล่าสัตว์บนภูเขา ทิ้งเขาไว้ให้อยู่กับชายชราที่บ้าน
ชายชราวางตะกร้าลงบนโต๊ะ พลางขมวดคิ้วและเอ่ยว่า “เมื่อครู่ข้าสัมผัสได้ถึงลมหายใจของราชาหนอนพิษ”
“อาม่าหมายถึง…” ราชาหนอนพิษที่อาเว่ยเลี้ยงเป็นเพียงหนอนแมลงตัวเล็กๆ ในสายตาของอาม่า ถูกอาม่าเรียกว่าราชาหนอนพิษ มีเพียงจู๋เป่าของพวกเขาเท่านั้น
“ใช่แล้ว คือมันเอง” ชายชราพยักหน้า
เยว่โกวชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะสงสัย “ไม่ใช่สิ จู๋เป่ามิได้ถูกส่งไปเป็นสินสอดให้หนานจ้าวแล้วหรือ? จะมาอยู่ที่จงหยวนได้อย่างไร? แล้วยังมาอยู่ที่นางอีก?”
นี่เป็นสิ่งที่ชายชราก็คิดไม่ออกเช่นกัน พวกนางไม่เคยไปที่หนานจ้าว จะเอาราชาหนอนพิษที่ราชวงศ์หนานจ้าวยกย่องว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้น ว่ากันว่าราชาหนอนพิษได้เลือกเจ้านายแล้ว ซึ่งก็คือเสี่ยวตี้จีแห่งหนานจ้าว ประมุขจึงโปรดปรานนาง และสถาปนาเสี่ยวตี้จีขึ้นเป็นประมุขหญิง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]