สวี่เสียนเฟยเห็นว่าเยี่ยนไหวจิ่งกระโดดลงไปช่วยสตรีขึ้นมาโดยไม่ลังเล นางก็คิดว่าเป็นหานจิ้งซู จึงกระวีกระวาดเข้าไป ไหนเลยจะรู้ว่าเมื่อมองให้ชัดๆ แล้วจึงพบว่าเป็นอวี๋หวั่น ทันใดนั้นเองนางก็รู้สึกราวกับสมองขาวโพลน
ในที่สุดหานจิ้งซูก็ถูกช่วยขึ้นมาได้ ทว่านางสำลักน้ำจนหมดสติไป นางกำนัลอาวุโสเข้ามาช่วยกดหน้าอกเพื่อให้นางสำลักน้ำออกมา หานจิ้งซูจึงค่อยๆ ได้สติ กระนั้นสีหน้าของนางก็ยังไม่สู้ดีนัก
ในตอนนี้สวี่เสียนเฟยมิได้สนใจอวี๋หวั่นอีกต่อไป นางรีบให้คนหามเกี้ยวพาหานจิ้งซูไปส่งยังตำหนักเสียนฝู
“เจ้าก็มาด้วย!” ก่อนจะไป สวี่เสียนเฟยตวาดใส่เยี่ยนไหวจิ่งซึ่งเนื้อตัวเปียกปอน
เยี่ยนไหวจิ่งเหลือบมองอวี๋หวั่นซึ่งกำลังหายใจหอบครั้งหนึ่ง หลีเอ๋อร์ก็ไปหาผ้ามาคลุมให้ฮูหยินบ้านตน พร้อม
กับใช้ร่างของตนกำบังสายตาของเยี่ยนไหวจิ่งเอาไว้
เยี่ยนไหวจิ่งเดินจากไปด้วยสีหน้าซับซ้อน
ทันทีทีเข้าไปในตำหนักเสียนฝู เยี่ยนไหวจิ่งก็ถูกสวี่เสียนเฟยตวาดอย่างรุนแรง “จะ…เจ้าเป็นอะไร? ซูเอ๋อร์กับสตรีคนนั้นตกน้ำไปพร้อมกัน แต่เจ้ากลับไปช่วยนางเนี่ยนะ? ซูเอ๋อร์เป็นชายาในอนาคตของเจ้า! แต่นางแต่งงานไปแล้ว! นางเป็นชายาของเยี่ยนจิ่วเฉา! ท่ามกลางสายตาผู้คน เจ้ากลับปล่อยซูเอ๋อร์เอาไว้แล้วไปช่วยนาง เจ้าคิดหรือไม่ว่าจะมีผลอย่างไรตามมา? ”
ไม่ใช่ว่าเขาไม่คิดถึงผลที่จะตามมา แต่ในตอนที่กระโดดลงน้ำไป เขาลืมทุกสิ่งทุกอย่างไปสิ้น เขารู้เพียงว่าจะไม่ยอมให้นางเป็นอะไร มิเช่นนั้นเขาจะต้องเสียใจไปชั่วชีวิต
“เจ้า…เจ้าทำให้ข้าโกรธเหลือเกิน!” เมื่อเห็นลูกชายไม่พูดไม่จา สวี่เสียนเฟยก็รู้สึกราวกับตนกำลังต่อยสำลี ถ้าหากเป็นลูกบุญธรรม นางก็คงจะตีเขาไปแล้ว แต่เขาเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขที่นางให้กำเนิด นางจะทำอย่างไรได้? นางสิ้นหวังเหลือเกิน!
สวี่เสียนเฟยกดลงบนขมับที่ปวดหนึบ “ฮูหยินหานและคุณหนูรองอยู่ในห้องบรรทมของฮองเฮา ข้าให้คนไปแจ้งข่าวแล้ว อีกครู่คงจะมา เจ้าเชื่อฟังข้าสักหน่อย อย่าพูดอะไรผิดแผก เข้าใจหรือไม่?!”
สกุลหานมีบุตรีสามคน คุณหนูใหญ่ออกเรือนไปแล้ว ผู้ที่นางแต่งงานด้วยก็คือบุตรชายของผู้ตรวจการเมืองหวั่น บุตรสาวคนรองได้กำหนดวันแต่งงานไว้แล้ว อีกฝ่ายเป็นหลานชายฝั่งแม่ของฮูหยินหาน หากมองในมุมนี้ สกุลหานมิได้มีสัมพันธ์ทางสายเลือดกับราชวงศ์คนอื่น ทั้งยังเกี่ยวดองกับผู้ตรวจราชการเมืองหวั่น นับว่าเป็นตระกูลที่ดีเยี่ยม ในต้าโจวจะหาตระกูลที่ดีเช่นนี้ได้ที่ใดอีก ลูกชายของนางไม่นึกเสียดายบ้างหรืออย่างไร?
สวี่เสียนเฟยปวดหัวเหลือเกิน!
ฮูหยินหานและคุณหนูรองรุดมายังตำหนักเสียนฝู สวี่เสียนเฟยก็อยู่ข้างเตียงของหานจิ้งซูแล้ว เยี่ยนไหวจิ่งรออยู่ด้านหลังฉากกั้นเพื่อหลีกเลี่ยงการพบหน้า
เขาไม่ได้ไปพบฮูหยินหาน ฮูหยินหานก็ไม่เห็นเขา จึงนำบุตรสาวคนรองเดินผ่านเขาไป
“ถวายบังคมพระสนม” ฮูหยินย่อให้สวี่เสียนเฟย บุตรสาวคนรองก็ทำเช่นกัน
สวี่เสียนเฟยจับมือของนาง “ฮูหยินหานรีบลุกขึ้นเถิด โหรวเอ๋อร์ไม่ต้องมากพิธี”
หานจิ้งโหรวคุณหนูรองสกุลหานรอให้มารดาลุกขึ้นก่อน นางจึงลุกขึ้นตาม
ฮูหยินหานเดินมาข้างเตียง มองไปยังบุตรสาวที่ได้รับความระทมทุกข์ ขอบตาของนางแดงก่ำ จากนั้นก็หันไปกล่าวกับสวี่เสียนเฟยว่า “ได้ยินว่าซูเอ๋อร์ตกน้ำ ทำให้พระสนมลำบากแล้ว”
ลำบาก? เป็นเพราะนาง หานจิ้งซูจึงตกลงไปในน้ำ แต่แน่นอนว่านางก็คงไม่พูดออกไป ไม่อาจบอกผู้ใดได้ว่านางจงใจผลักอวี๋หวั่นตกน้ำ ทำให้อวี๋หวั่นลากหานจิ้งซูลงไปด้วย ทั้งจึงสองตกน้ำไปพร้อมกัน
ยิ่งไปกว่านั้นนางก็ได้ยินน้ำเสียงที่แปลกไปของฮูหยินหาน นางไม่ได้รู้สึกว่าหานจิ้งซูสร้างความลำบากให้ตน ทว่านางกำลังโกรธที่เยี่ยนไหวจิ่งไปช่วยสตรีอื่นเอาไว้ต่างหาก
แม้ว่าจวนอัครมหาเสนาบดีจะไม่ใช่ราชนิกุล แต่ก็เป็นขุนนางชั้นสูง แม้อยู่ต่อหน้าพระพักตร์ก็ยังมีปากมีเสียง เพราะฉะนั้นหานจิ้งซูออกเรือนกับองค์ชายรองนั้นมิใช่มักใหญ่ใฝ่สูงแต่อย่างใด แต่นับว่าเหมาะสมกันดี
สวี่เสียนเฟยกล่าวด้วยสีหน้าอดสู “ข้าผิดเอง ข้ามัวแต่ชมบรรยากาศโดยรอบ จนลืมไปว่ามีตะไคร่อยู่บนพื้น ฮูหยินเยี่ยนจึงลื่นและไปชนเข้ากับซูเอ๋อร์จนตกลงไปในน้ำทั้งคู่”
คำพูดของสวี่เสียนเฟยได้ปัดความผิดออกจากตัวเสียสะอาด นางมั่นใจว่าฮูหยินหานไม่มีทางไปตามหาหลักฐานจากอวี๋หวั่น และอวี๋หวั่นก็คงไม่มีหลักฐานว่านางเป็นคนผลัก
แต่ฮูหยินหานจะสนใจเหตุผลที่หานจิ้งซูตกน้ำหรือ?
ฮูหยินหานเหลือบมองเยี่ยนไหวจิ่งซึ่งอยู่ด้านหลังฉาก
สวี่เสียนเฟยตระหนักได้ทันที นางกล่าวด้วยสีหน้าหงุดหงิดว่า “ลูกข้าคนนี้ทำให้ข้าโกรธเหลือเกิน เขาลงไปช่วยซูเอ๋อร์ แต่กลับช่วยผิดคน โชคดีที่ซูเอ๋อร์ไม่เป็นไร ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นอย่างไร!”
ความหมายโดยนัยของสิ่งที่นางพูดก็คือเยี่ยนไหวจิ่งเป็นห่วงหานจิ้งซูเสียยิ่งกว่าใคร หากไม่มีหานจิ้งซูแล้วเขาก็คงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้
เหตุการณ์ในตอนนั้นสับสนอลหม่าน ครั้นเยี่ยนไหวจิ่งมาถึงและกระโดดลงไปในน้ำ ทั้งสองก็จมน้ำไปแล้ว หากเขาจะช่วยผิดคนก็มิใช่เป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ฮูหยินหานต้องการฟังเยี่ยนไหวจิ่งยอมรับด้วยตนเอง
สวี่เสียนเฟยให้นางกำนัลดึงม่านลง กำบังหานจิ้งโหรวเอาไว้ และให้ขันทีเปิดฉากกั้นออก เยี่ยนไหวจิ่งซึ่งเนื้อตัวเปียกปอนก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน
หานจิ้งโหรวคอยอยู่เป็นเพื่อนน้องสาว ไม่ได้ไปข้องแวะกับเรื่องของผู้ใหญ่และองค์ชายรอง
สายตาของฮูหยินหานจับจ้องไปยังใบหน้าของเยี่ยนไหวจิ่ง แล้วกล่าวด้วยท่าทางน่ายำเกรงว่า “องค์ชายรอง ท่านตั้งใจไม่ช่วยซูเอ๋อร์หรือช่วยผิดคน?”
ข้าไม่ได้ช่วยผิดคน
ประโยคนี้กลับติดอยู่ที่ลำคอของเยี่ยนไหวจิ่ง
สวี่เสียนเฟยขยิบตาให้เยี่ยนไหวจิ่ง แรกเริ่มดูเหมือนการข่มขู่ ภายหลังค่อยๆ กลับกลายเป็นการอ้อนวอนว่าฮองเฮาออกมาจากตำหนักเฟิ่งชีก็ร่วมมือกับจวนคุณชาย พวกเขาไม่อาจปล่อยให้อำนาจของจวนอัครมหาเสนาบดีหลุดลอยไปได้
เยี่ยนไหวจิ่งเค้นกำปั้นแน่น เขาตัดสินใจแล้ว “ข้า…”
“ท่านแม่” หานจิ้งโหรวเอ่ยขึ้น “น้องฟื้นแล้ว”
ฮูหยินหานมองเยี่ยนไหวจิ่งอีกครา จากนั้นก็หันไปยังเตียง สวี่เสียนเฟยไม่รู้ว่าตนควรรู้สึกโล่งอกได้หรือยัง จึงโบกมือให้เยี่ยนไหวจิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
“ซูเอ๋อร์ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” นางกำนัลเปิดม่านขึ้น ฮูหยินหานนั่งลงข้างเตียง แล้วจับมืออันเย็นเฉียบของบุตรสาวไว้
หานจิ้งซูตอบอย่างอ่อนแรง “ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านแม่ ข้าอยากกลับจวน”
ฮูหยินหานตบมือของบุตรสาวเบาๆ “ได้ กลับจวน แม่จะพาเจ้ากลับจวน!”
สวี่เสียนเฟยนึกอยากอธิบายต่อ ทว่าดูจากสีหน้าเย็นชาของฮูหยินหานแล้วก็คงเป็นไปไม่ได้ ฮูหยินหานและบุตรสาวคนรองพาหานจิ้งซูออกไปจากตำหนักเสียนฝู สวี่เสียนเฟยกระวนกระวายใจยิ่งนัก
หากหานจิ้งซูเป็นเด็กไม่รู้ประสีประสา เมื่อครู่นางคงเชื่อสิ่งที่สวี่เสียนเฟยพูด ทว่านางสติปัญญาเฉียบแหลม เยี่ยนไหวจิ่งช่วยผิดคนหรือไม่นางคงกระจ่างดี
ก่อนหน้านี้สวี่เสียนเฟยชื่นชอบที่หานจิ้งซูฉลาดเฉลียว บัดนี้กลับคิดว่าหากนางโง่เง่าก็คงดี
สวี่เสียนเฟยถลึงตาใส่บุตรชาย “เจ้ายืนอยู่ทำไมเล่า? ยังไม่รีบไปส่งฮูหยินหาน และไปขอโทษทีจวนอัครมหาเสนาบดีอีก!”
ในตำหนักเจาหยาง อวี๋หวั่นเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วจึงเตรียมตัวกลับ เหตุการณ์ที่สระไท่เยี่ยมีเสียงดังโหวกเหวก แม่นางชุยตื่นตระหนกจึงรุดมา นางพาอวี๋หวั่นซึ่งเนื้อตัวเปียกปอนกลับไปยังตำหนักเจาหยาง ให้คนเตรียมน้ำร้อน แล้วสั่งให้นางกำนัลต้มน้ำขิงมาให้
อวี๋หวั่นมีเสื้อผ้าอยู่บนรถม้า หลีเอ๋อร์ไปหยิบเสื้อผ้า อวี๋หวั่นดื่มน้ำขิงเสร็จจึงไปอาบน้ำ ความเย็นยะเยือกในร่างกายค่อยๆ ลดลง แต่ก็ยังรู้สึกไม่ดี เธอปวดหัวเหลือเกิน!
วันนี้เธอมองเห็นองค์ชายรองจึงจงใจดึงหานจิ้งซูลงน้ำไปด้วย เพราะเธอพนันได้ว่าเยี่ยนไหวจิ่งจะเมินหานจิ้งซูแล้วมาช่วยเธอแทน
แน่นอนว่าอวี๋หวั่นว่ายน้ำเป็น และว่ายน้ำได้แข็งด้วย เธอคิดว่าจะรอให้เยี่ยนไหวจิ่งว่ายเข้ามาใกล้แล้วเธอค่อยว่ายหนีไป แค่ให้หานจิ้งซูเห็นกับตาว่าเยี่ยนไหวจิ่งไม่สนใจนางก็พอแล้ว ทว่าแผนการก็ไม่ได้เป็นดังใจหวัง วินาทีที่เธอถอยหลังไป ศีรษะก็ไปโขกเข้ากับหินก้อนใหญ่ โชคดีที่น้ำช่วยลดแรงปะทะ ทำให้ศีรษะของเธอไม่แตก เพียงแต่ปูดขึ้นเป็นลูกก็เท่านั้น
ทำเรื่องไม่ดีไม่ได้เลยใช่ไหม?
อวี๋หวั่นจับลูกกลมๆ บนศีรษะ
อูย!
เจ็บ! เจ็บจริงๆ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]