หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 13

“อุว้า~” ยามหลับไม่รู้ฝันถึงสิ่งใด เยี่ยนเสี่ยวซื่อส่งเสียงละเมอหวานดังออกมา

โจวจิ่นรีบปิดปากเล็กๆ ของนาง กลัวว่าทหารเผ่ามารคนใดที่เดินผ่านมาจะได้ยินเข้า

ปากเล็กๆ ของเยี่ยนเสี่ยวซื่อมุ่ยไปมา นุ่มนิ่มดุจก้อนเมฆสัมผัสกลางฝ่ามือของโจวจิ่น

ความรู้สึกอุ่นยุบยิบเกิดขึ้นกลางฝ่ามือของเขา โจวจิ่นกะพริบตา ดึงมือกลับ ก้มลงมองเด็กน้อยครู่หนึ่ง

หากตัดเรื่องนิสัยติดคนและฉี่รดเขาออกไป จริงๆ นาง…ก็งดงามทีเดียว ใบหน้าขาวนวลผุดผ่อง คิ้วเรียวบาง เส้นผมนุ่มสลวยสีดำเป็นมันเงา มือเล็กกำแนบคาง ทำหน้าตาครุ่นคิด ก็ดูน่ารักแปลกๆ

“นี่ข้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่? เวลานี้ควรรีบไปช่วยคนมิใช่หรือ?”

โจวจิ่นได้สติ ตบหัวตัวเอง ก่อนจะก้าวเข้าไปยังห้องโถงที่มืดมิดแห่งนี้

เดิมทีโจวจิ่นคิดว่าโลงศพที่ถูกคุ้มกันนำมาส่งเหมือนกัน ตำแหน่งที่วางก็คงจะเหมือนกัน ทว่าในสถานการณ์จริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น โลงศพหยกของโจวจิ่นถูกวางไว้บนฐานกว้าง เขาได้รู้จากปากทหารเผ่ามารว่าฐานเช่นนั้นเรียกว่าแท่นบูชามาร จึงไม่เกินความคาดหมาย ที่นี่น่าจะมีแท่นบูชามารสักแห่งตั้งอยู่

แต่แท่นบูชามารตรงหน้าใหญ่กว่าแท่นบูชามารของเขามาก และยังมีบันไดอีกสองสามขั้นให้เดินขึ้นไป

โลงศพหยกนี้ไม่ได้มีวงแหวนเหล็กสี่มุม ทว่าใช้ทั้งแปดมุม วงแหวนเหล็กแต่ละวงผูกกับโซ่เหล็กเส้นหนึ่ง

สัญชาตญาณบอกโจวจิ่นว่า ตัวตนของผู้ที่ถูกขังในโลงศพหยกนั้น เกรงจะไม่ธรรมดา

เวลานี้เขาไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายตื่นอยู่หรือไม่ จึงจำต้องดูก่อนค่อยว่ากัน

เขาก้าวขึ้นบันไดช้าๆ ใช้พลังประมุขศักดิ์สิทธิ์เปิดฝาโลงออก สิ่งที่น่าประหลาดใจคือด้านในโลงศพหยกนั้นกลับว่างเปล่า!

ทหารเผ่ามารยกโลงศพเปล่ามา หรือว่า…

ยังไม่ทันวิเคราะห์จนได้คำตอบ โจวจิ่นก็สัมผัสถึงไอสังหารน่ากลัวที่พวยพุ่งจากด้านหลัง ไอสังหารนั้นยังห้อมล้อมด้วยกลิ่นไอโลหิตเข้มข้น หัวใจโจวจิ่นพลันตื่นตระหนก หันกลับมา มือข้างหนึ่งอุ้มทารกไว้ในอ้อมแขน มืออีกข้างก็ปล่อยพลังประมุขศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่ง

พลังประมุขศักดิ์สิทธิ์สร้างเกราะกำบังขึ้นกลางอากาศ พยายามสกัดกั้นการโจมตีของอีกฝ่าย

อย่างไรโจวจิ่นก็เป็นเพียงเด็กชายวัยสิบเอ็ดปี แม้จะสามารถจัดการกับหลัวช่าวิญญาณ และนำหลัวช่าทหารมาโจมตีเผ่าศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่เขาไม่ได้ฆ่าคนเป็นชีวิตจิตใจ จึงไม่มีสัญชาตญาณในการใช้ท่าสังหาร

แต่ด้วยกำลังของอีกฝ่ายที่เขารับรู้ พลังประมุขศักดิ์สิทธิ์ของเขาน่าจะสกัดไว้ได้

ทว่าสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงคือ เงาดำร่างเล็กที่ว่องไวเกินกว่าจะไล่จับทันแวบทะลุเกราะของเขาเข้ามา เขาไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายทำเช่นนั้นได้อย่างไร!

เขาใช้พลังประมุขศักดิ์สิทธิ์สร้างเกราะกำบังอีกแห่ง ทว่าเงาดำร่างเล็กนั้นก็พุ่งทำลายพลังประมุขศักดิ์สิทธิ์ของเขาจนเกิดเสียงดังสนั่น

นี่ นี่มันการออกท่าที่ไม่คิดชีวิตอะไรกัน?

ขณะปะทะพลังประมุขศักดิ์สิทธิ์ หัวของอีกฝ่ายดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เลือดสองหยดร่วงสู่พื้น ทว่าคู่ต่อสู้กลับไม่มีท่าทีหวาดกลัวหรือจะหยุดโจมตีเลยแม้แต่น้อย

เงาดำร่างเล็กนั้นดุร้ายเกินไป กระทั่งโจวจิ่นสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่ไม่หยุดจนกว่าจะตายกันไปข้างจากร่างของอีกฝ่าย

หากกล่าวถึงความแข็งแกร่ง โจวจิ่นย่อมไม่อ่อนด้อยไปกว่าอีกฝ่าย ทว่าสิ่งที่แตกต่างคือโจวจิ่นเป็นคนมีเหตุผล สุขุมเยือกเย็น มิได้ชอบการต่อสู้ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายเกิดมาเพื่อสังหาร ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะอ่อนแอหรือแข็งแกร่ง กระทั่งหมดสิ้นหนทางเอาชนะ ก็จะกัดฉีกเนื้ออีกฝ่ายออกมาให้ได้ก่อนที่ตัวจะตาย

เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นนี้ โจวจิ่นต้องปวดหัวอย่างไม่ต้องสงสัยแน่

โจวจิ่นอุ้มเยี่ยนเสี่ยวซื่อกระโดดไปอีกด้านของโลงศพหยก เงาดำร่างเล็กใช้กำปั้นทุบโลงศพหยกจนแตกกระจาย!

นี่คือหยกเย็นพันปี ไม่เช่นนั้นจะใช้มันขังโจวจิ่นได้อย่างไร? ความแข็งแรงของมัน แม้แต่พลังประมุขศักดิ์สิทธิ์ก็ยังยากจะทำลาย

โจวจิ่นถึงกับปวดฟัน

เงาดำร่างเล็กนี้คือคนในโลงศพไม่ผิดกระมัง? ตนเป็นพันธมิตร เหตุใดพบหน้ากันก็จะฆ่าฟันอย่างเดียว?

“นี่! หยุดก่อน!” โจวจิ่นยกมือทำท่าหยุด “ข้าไม่ได้เป็นพวกเขา ข้าก็เหมือนกับเจ้า ถูกพวกนั้นจับมาเหมือนกัน!”

ทันทีที่สิ้นเสียง เงาดำร่างเล็กก็หยุดโจมตีเขา

เวลานี้โจวจิ่นถึงได้พบว่าอีกฝ่ายก็คือเด็กน้อยอายุราวๆ สามขวบ เขาถึงกับผงะไปทันที

ไอโลหิตเข้มข้นเช่นนั้นคงเป็นหลัวช่าโลหิตไม่ผิดกระมัง? จะมีหลัวช่าโลหิตอายุน้อยเช่นนี้ในโลกได้อย่างไร?

“ผู้ใดบังอาจบุกรุกเผ่ามาร!”

ด้านนอกห้องโถงมืด จู่ๆ เสียงคำรามของทหารเผ่ามารก็ดังขึ้น ทหารเผ่ามารทั้งสี่ได้ยินเสียงการต่อสู้ในห้องโถงจึงรีบมาที่นี่

ทันทีที่พวกเขาก้าวเข้ามาในโถงมืด หลัวช่าน้อยทำตัวราวกระบอกปืนเล็กพุ่งใส่อย่างไร้ความปรานี ไม่ใช่เพื่อทำให้กระเด็น แต่ทำลายอวัยวะตันทั้งห้า กล้ามเนื้อและกระดูก ดับสลายไอปราณของพวกเขา!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]