หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 135

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 135 วิธีของหวั่นหวั่น (2)
ทั้งสองออกไปแล้ว

ทั้งสองนำผลไม้ไปให้พระชายาองค์ใหญ่ที่ห้อง อวี๋หวั่นสนทนากับฮองเฮาอยู่ครู่หนึ่งก็เตรียมตัวกล่าวลา ทว่าขณะที่เธอกำลังจะเดินออกจากตำหนักเจาหยางนั้นเอง นางกำนัลซึ่งคอยรับใช้ข้างกายของพระชายาก็กระวีกระวาดเข้ามา

ฮองเฮามองนาง “มีอะไรหรือ?”

นางกำนัลตอบว่า “กราบทูลฮองเฮา เครื่องรางของพระชายาหายไปแล้วเพคะ!”

ฮองเฮาหน้าถอดสี “หายไปก็รีบไปหาสิ ไปหาเร็ว!”

อวี๋หวั่นมองฮองเฮาด้วยความมึนงง

ฮองเฮารู้ดีว่าตนตกใจมากไปสักหน่อย เรียกว่าเสียอาการก็เห็นจะได้ กระนั้นนางจะไม่วิตกก็ไม่ได้ นั่นเป็น

เครื่องรางที่นางให้ลูกชายไปขอที่วัดผู่จี้ด้วยตนเอง ได้รับการปลุกเสกจากเจ้าอาวาสของวัดผู่จี้เพื่อให้ปกป้องคุ้มครองพระชายา ให้นางให้กำเนิดโอรสอย่างปลอดภัย

“ปลุกเสกแล้ว ใช้คุ้มครองสองแม่ลูกให้ปลอดภัย” ฮองเฮาบอกกับอวี๋หวั่น

อวี๋หวั่นพยักหน้า คนโบราณเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ ของสำคัญเช่นนี้หายไปย่อมต้องรู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจเป็นธรรมดา

“เป็นอย่างไรหรือเพคะ? ประเดี๋ยวพวกหม่อมฉันช่วยหา” เธอบอก

ฮองเฮาเอ่ยขึ้น “เป็นถุงสีแดง ข้างในมียันต์กระดาษและหยกฝังทอง หยกนั่นปลุกเสกแล้วเช่นกัน”

หินผายังแตกหักได้ ความพยายามก็ทำให้มีบุตร

อวี๋หวั่นมองไปยังจื่อซูและซูมู่ “พวกเจ้าไปหาในลานบ้าน ดูว่าพระชายาทรงทำหล่นไว้ระหว่างทางหรือไม่”

ทั้งสองรับคำสั่งแล้วเดินออกไป

เครื่องรางนี้มีความสัมพันธ์กับครรภ์ของพระชายา เมื่อหายไปจึงเป็นเรื่องใหญ่ ต่อให้ตกลงไปในหลุมลึกสามฉื่อ ก็จำต้องขุดขึ้นมา อย่างไรก็ดี คนทั้งตำหนักเจาหยางล้วนแต่มาช่วยกันหาเครื่องรางที่หายไป ทั้งด้านนอกและด้านในตำหนัก

ฮองเฮารู้สึกร้อนรนเหลือเกิน

นางยังหวังให้ในครรภ์ของพระชายามีหลานชายคนโตของนาง เหตุใดของที่เพิ่งเห็นอยู่เมื่อครู่กลับหายไปได้? พระชายาก็ตื่นตระหนกเช่นกัน นางจับท้องด้วยความรู้สึกผิด ฮองเฮามิได้ต่อว่านางด้วยกังวลว่าจะกระทบต่อทารกในครรภ์ แต่ในใจก็กล่าวโทษนางไปตั้งแต่แรกแล้ว ไม่รู้หรือว่าเรื่องรางนี้สำคัญยิ่งนัก? ให้เจ้าเก็บไว้เจ้ากลับไม่เก็บให้ดี!

ในขณะที่ฮองเฮากำลังรู้สึกร้อนใจ นางกำนัลอาวุโสนางหนึ่งก็เอ่ยขึ้นว่า “หรือว่าจะ…ถูกคนขโมยไปเพคะ?”

ตอนที่พระชายาเข้ามาในตำหนักเจาหยาง ฮองเฮาก็ทรงเห็นเครื่องรางชิ้นนี้แล้ว หลังจากนั้นนางก็อยู่แต่ในตำหนักเจาหยาง ฮองเฮาจึงมั่นใจว่าเครื่องรางจะต้องอยู่ในตำหนักเจาหยาง

ฮองเฮาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “อารักขาประตูใหญ่ ตั้งแต่บัดนี้ให้เข้าแต่ไม่ให้ออก! เรียกทุกคนไปที่ห้องโถงกลาง!”

“พวกเราก็อยู่ที่นี่ก่อนเถอะ” อวี๋หวั่นพูด

แม้ว่าฮองเฮาจะมิได้นึกสงสัยอวี๋หวั่น แต่นี่เป็นเรื่องใหญ่…เธอชิงออกปากก่อนว่าจะอยู่ที่นี่ย่อมเป็นการดี

คนในตำหนักล้วนถูกเรียกมารวมตัวกัน แม่นางชุยให้ขันทีสองคนและนางกำนัลอาวุโสค้นตัวทุกคน ผลก็คือไม่พบสิ่งที่กำลังค้นหา

“น่าแปลก ไม่อยู่ในตำหนัก และไม่อยู่ที่คนในตำหนัก” ฮองเฮาขมวดคิ้ว

ทันใดนั้นเอง ซูมู่ก็ตัวสั่นเทิ้มขึ้นมา

ฮองเฮาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติในฉับพลัน!

สายตาของฮองเฮาไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าของนาง นางมิได้แสดงสีหน้าวิตกกังวลแต่อย่างใด กระนั้นมือของนางกลับกำแน่น และมองดูสั่นเล็กน้อย…

ฮองเฮาใบหน้าเย็นเยียบ แม้ว่านางจะเป็นสาวใช้ของจวนคุณชายเยี่ยน แต่เรื่องนี้เกี่ยวโยงถึงหลานชายของนาง นางไม่จำเป็นต้องไว้หน้าจวนคุณชาย “จับตัวนางมา”

อวี๋หวั่นและจื่อซูมองตามสายตาของฮองเฮา แล้วเผยสีหน้างุนงงขึ้นพร้อมกัน

อวี๋หวั่นเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “ฮองเฮาเพคะ ท่านทรงสงสัยหรือว่าสาวใช้ของหม่อมฉันขโมยเครื่องรางของพระชายา?”

ฮองเฮาตอบด้วยน้ำเสียงปกติว่า “ข้าก็เพียงขจัดความเคลือบแคลงในตัวพวกเจ้าก็เท่านั้น”

จะว่าไป พวกเธอก็เป็นผู้ต้องสงสัยเช่นเดียวกัน สาวใช้สองคนนำตะกร้าเข้าไปในห้องของพระชายา หากจะลงมือก็ย่อมมีโอกาส

“เช่นนั้นก็ค้นตัวทั้งคู่ รบกวนแม่นางชุยค้นตัวข้าด้วย” อวี๋หวั่นบอก

“เอ่อ…” แม่นางชุยหันไปมองฮองเฮาด้วยความลำบากใจ ค้นตัวสาวใช้หาใช่เรื่องใหญ่ไม่ แต่ให้ค้นตัวฮูหยินน้อยแห่งจวนคุณชายนั้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปคงจะฟังดูไม่ดีนัก

ฮองเฮาย่อมตระหนักถึงเหตุผลข้อนี้ ทว่านางกลับมิได้โต้แย้งแต่อย่างใด เห็นได้ชัดว่านางให้ความสำคัญกับเครื่องรางมาก ทางที่ดีคนจากจวนคุณชายควรจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย มิเช่นนั้น…ความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองฝ่ายก็คงถึงคราวขาดสะบั้น

จื่อซูยืนนิ่งให้แม่นางชุยค้นตัว

ซูมู่ดูประหนึ่งรู้สึกขลาดกลัวในที่สุด นางพูดขึ้นเบาๆ ว่า “เป็นฮูหยินน้อย”

หัวใจของจื่อซูหล่นวูบ…

ทุกคนล้วนหันขวับไปมองอวี๋หวั่นเป็นตาเดียว

นางบงการซูมู่รึ? นางต้องการอะไร? นางกำลังปองร้ายทารกในครรภ์ของพระชายารึ?

สายตาซับซ้อนและเย็นเยียบของฮองเฮาไปหยุดที่ใบหน้าของอวี๋หวั่น “เป็นเจ้า?”

อวี๋หวั่นลุกขึ้นยืน ย่อกายเล็กน้อย “เป็นหม่อมฉัน เครื่องรางนี้หม่อมฉันเป็นคนมอบให้ซูมู่เองเพคะ”

มอบให้?

ฝูงชนต่างตะลึงงัน

อวี๋หวั่นกล่าวอย่างไม่รีบร้อนว่า “ซูมู่ตกน้ำและตื่นกลัว หม่อมฉันจึงซื้อเครื่องรางให้นาง หวังว่าภายภาคหน้าจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกเพคะ”

ฮองเฮาขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เปิดถุงเครื่องราง พร้อมกับเทของข้างในออกมาดู กลับพบว่าหาใช่เครื่องรางที่องค์ชายใหญ่ไปขอให้พระชายาไม่ หากแต่เป็นหินอัคนีสีดำก้อนหนึ่งและยันต์กระดาษที่แสนจะธรรมดาอีกใบหนึ่ง

หินชนิดนี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าหลงจิง เล่ากันว่าใช้ขับไล่สิ่งชั่วร้าย ผู้คนมักพกเอาไว้ในถุงเครื่องรางเพื่อนำพาโชคดีและหลีกหนีโชคร้าย

เมื่อพินิจพิจารณาถุงเครื่องรางนี้อีกครั้ง ก็พบว่าคล้ายกับถุงเครื่องรางของพระชายามาก ด้านล่างมีชื่อของซูมู่ปักไว้ หากจะบอกว่านางสับเปลี่ยนของด้านในก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ใครจะสามารถปักชื่อของตนเองบนถุงเครื่องรางได้ในเวลาอันสั้นเช่นนั้น?

ฮองเฮาถอนหายใจ “ข้าเข้าใจเจ้าผิด ลุกขึ้นเถิด”

ครานี้ กลับเป็นซูมู่ที่ยืนงงร่างแข็งทื่อ

อวี๋หวั่นเดินเข้าไปหาซูมู่ ค่อยๆ พยุงนางขึ้นมา เธอหัวเราะถากถางข้างหูซูมู่เบาๆ ว่า “คิดจะใส่ความข้าหรือ?”

ซูมู่มองไปยังอวี๋หวั่นอย่างไม่อยากเชื่อ ราวกับกำลังถามว่าอวี๋หวั่นทำได้อย่างไร เห็นอยู่ว่าเครื่องรางอยู่ที่นาง อวี๋หวั่นมิได้แตะต้องมันเลยสักนิด จะสับเปลี่ยนถุงเครื่องรางได้อย่างไรกัน?

…………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]