หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 136

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 136 จุดจบและความจริง
อวี๋หวั่นไม่ได้แตะต้องซูมู่ แต่เธอแตะต้องพระชายาต่างหาก ซูมู่คงไม่รู้ว่าเครื่องรางที่นางหมายจะขโมยจากพระชายานั้นไม่ใช่ของจริงตั้งแต่แรกแล้ว

ส่วนอวี๋หวั่นคาดเดาได้อย่างไรว่าซูมู่จะขโมยเครื่องรางของพระชายา ทั้งยังเตรียมของปลอมเอาไว้อย่างดิบดีนั้น เป็นความลับที่ไม่อาจเปิดเผยได้

ซูมู่มีความสามารถในแบบของซูมู่ อวี๋หวั่นก็มีท่าไม้ตายของอวี๋หวั่นมิใช่หรือ?

อวี๋หวั่นค่อยๆ พยุงซูมู่ขึ้นมา

ซูมู่ซ่อนกำปั้นซึ่งกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อไว้ในแขนเสื้อ

ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นคลื่นใต้น้ำระหว่างทั้งสอง คิดเพียงว่าซูมู่ถูกกล่าวโทษ จื่อซูกลับคิดว่าซูู่มู่ทำให้ฮูหยินน้อยโกรธเข้าแล้ว

อวี๋หวั่นรู้ว่าตนกดขี่ซูมู่มานานถึงเพียงนี้ เมื่อใดที่ซูมู่มีโอกาส นางก็จะโต้กลับอย่างรุนแรง

อวี๋หวั่น ‘จูง’ ข้อมือของซูมู่ เธอยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “เห็นชัดแล้วหรือไม่ นี่สิถึงเรียกว่าใส่ร้าย”

ซูมู่หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ ยังไม่ทันรอให้ซูมู่ตอบสนองต่อคำพูดของอวี๋หวั่น อวี๋หวั่นก็ดึงมือกลับมาอย่างรวดเร็ว และ

ตอนนั้นเองอัญมณีขนาดประมาณไข่นกพิราบก็หล่นออกมาจากแขนเสื้อของซูมู่

อัณมณีสีแดงก่ำดุจโลหิต ส่องสะท้อนวาววับอยู่บนพื้น

ฮองเฮาคิ้วขมวดแน่น

แม่นางชุยจดจำของสิ่งนี้ได้ ในห้องนอนของพระชายามีรูปปั้นนกหลวน[1]ซึ่งทำจากทองคำ อัญมณีชิ้นนี้คือลูกตาของนกหลวนตัวนั้น

มันตกมาจากแขนเสื้อของซูมู่ แต่เมื่อครู่แม่นางชุยยังค้นมาไม่ถึงตรงนี้

เพราะฉะนั้นจึงไม่นับว่าฮองเฮากล่าวโทษนางอย่างเลื่อนลอย สาวใช้คนนี้มิได้ใสซื่อมือสะอาดแต่อย่างใด เพียงแต่ว่านางไม่ได้ขโมยเครื่องรางของพระชายา หากแต่ขโมยอัญมณีล้ำค่าไป

หากของที่ขโมยไปเป็นเครื่องราง ฮองเฮาก็คงสงสัยว่าอวี๋หวั่นเป็นคนบงการ แต่อัญมณีชิ้นนี้…เมืองเยี่ยนร่ำรวย

ล้นฟ้า ว่าที่ชายาของเยี่ยนอ๋องจะถึงกับหาไม่ได้เชียวหรือ? เครื่องประดับศีรษะของอวี๋หวั่นเพียงชิ้นเดียวก็สามารถซื้ออัญมณีอย่างนี้ได้หลายสิบชิ้น

ดูแล้วสาวใช้ผู้นี้คงจะเป็นขโมย!

ซูมู่กำหมัดแน่น สายตาจ้องอวี๋หวั่นเขม็ง

อวี๋หวั่นยืนกระซิบข้างหูนาง “พูดไปสิ พูดไปว่าข้าเป็นคนนำมาใส่ไว้ ดูซิว่าจะมีใครเชื่อเจ้า?”

ลักขโมยของในวังหลวงนับเป็นโทษสถานหนัก กล่าวโทษเจ้านายของตนก็เพิ่มโทษไปอีกสถานหนึ่ง ในตอนนี้อวี๋หวั่นไม่จำเป็นต้องลงมือเองแล้ว ปล่อยให้ฮองเฮาใช้กฎของวังหลวงจัดการนาง

“ฮองเฮา! ฮองเฮา! หาเครื่องรางเจอแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” ขันทีน้อยคนหนึ่งวิ่งมาอย่างดีอกดีใจ

“หาเจอที่ใด?” ฮองเฮาเอ่ยถาม

ขันทีน้อยตอบว่า “หาเจอที่พระชายา! เหน็บอยู่ในรอยต่อบนชุดของพระชายาพ่ะย่ะค่ะ!”

มิน่าเล่าถึงหาไม่เจอ

ฮองเฮาพินิจพิจารณาเครื่องราง เมื่อมั่นใจแล้วว่าเป็นเครื่องรางที่ได้มาจากวัดผู่จี้ ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“โล่งอกไปที” อวี๋หวั่นเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าปีติยินดี

เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่เกือบกล่าวโทษอวี๋หวั่น ฮองเฮาก็พลันรู้สึกละอายใจ เมื่อคิดดูแล้ว หากสาวใช้คนนั้นพูดให้ชัดเจนตั้งแต่แรก นางจะสงสัยอวี๋หวั่นได้อย่างไรกัน? ในตอนที่แม่นางชุยเจอเครื่องรางบนตัวนาง หากนางเอ่ยปากบอกไปว่า ‘นี่ไม่ใช่เครื่องรางของพระชายา แต่เป็นเครื่องรางที่ฮูหยินให้มา ไม่เชื่อก็เปิดดู’ เรื่องคงไม่ยุ่งยากถึงเพียงนี้

“ครั้นอยู่ในโรงละคร ข้าเห็นนางมีไหวพริบปฏิภาณดี แต่ในช่วงเวลาคับขันกลับไม่พูดออกมาให้รู้เรื่อง!” ฮองเฮาไม่รู้ถึงเรื่องบาดหมางระหว่างอวี๋หวั่นกับซูมู่ ย่อมไม่มีทางสงสัยอวี๋หวั่น ทว่านางรู้สึกผิดหวังในตัวซูมู่เหลือเกิน

นางมองไปยังอวี๋หวั่น “นางเป็นคนของเจ้า ตามหลักแล้วเจ้าก็ควรเป็นคนลงโทษนาง เพียงแต่นางขโมยของของวังหลวง ย่อมต้องใช้กฎของวังหลวง…”

ฮองเฮากล่าวพลางสังเกตท่าทีของอวี๋หวั่น

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สมควรลงโทษ แต่หากอวี๋หวั่นไม่ยินดี นางก็จะไว้หน้าอีกฝ่ายสักหน่อย

อวี๋หวั่นค้อมกายเล็กน้อย “หม่อมฉันไม่ดูแลบ่าวให้ดี หม่อมฉันน้อมรับโทษจากฮองเฮาเพคะ”

ฮองเฮารีบตอบว่า “มิใช่ความผิดของเจ้า ลุกขึ้นเถิด”

นี่เป็นการปกป้องสาวใช้ใช่หรือไม่?

ฮองเฮารู้สึกผิดหวังเหลือเกิน

แม้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด แต่ระหว่างตนกับสาวใช้ซึ่งขโมยของมีค่าของตน อวี๋หวั่นกลับเลือกปกป้องสาวใช้ นั่นทำให้ฮองเฮารู้สึกประหนึ่งถูกผลักไส

โชคดีที่อวี๋หวั่นพูดต่อ “สาวใช้ผู้นี้ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ กล้าขโมยของในตำหนักของฮองเฮา ฮองเฮาโปรดตัดสินนางอย่างยุติธรรมตามเห็นสมควรเถิดเพคะ”

ฮองเฮารู้สึกพึงพอใจ

ซูมู่โมโหจนแทบขาดใจ

โจรร้องตะโกนว่าให้จับโจร ยังกล้าเรียกร้องความยุติธรรมอีกรึ? เห็นทีคงไม่มีผู้ใดไร้ยางอายกว่านี้อีกแล้ว!

ซูมู่ไม่อาจโต้แย้ง ฮองเฮาสนใจเครื่องราง แต่หาได้สนใจอัญมณีชิ้นนั้นไม่ ต่อให้อวี๋หวั่นขโมยไปแล้วอย่างไร? ฮองเฮาจะลงโทษเธอเพราะเรื่องนี้หรือ? ยิ่งไปกว่านี้ฮองเฮาก็คงไม่เชื่อ ของอย่างนี้อวี๋หวั่นต้องการเท่าไร เยี่ยนจิ่วเฉาก็คงซื้อให้มากเท่านั้น ไม่มีความจำเป็นจะต้องขโมยเสียด้วยซ้ำ หากบอกไปว่าทำไปเพื่อแก้แค้นซูมู่ก็ไม่ได้ สาวใช้คนเดียว ไหนเลยจะมีค่ามากพอให้นายหญิงลงแรงเพียงนี้? ไม่ใช่สายลับของหน่วยกล้าตายสักหน่อย!

ซูมู่ไม่อาจเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงเพียงเพื่อพิสูจน์ความผิดของอวี๋หวั่น หากทำเช่นนั้น ชะตากรรมของนางก็คงไม่ได้ดีไปกว่าตอนนี้เท่าไร

ฮองเฮาอ้างอิงตามกฎของวังหลวง สั่งโบยซูมู่สามสิบครั้ง

เรื่องที่ซูมู่ขโมยของได้แพร่ไปทั่วจวนคุณชายเยี่ยน

“จื่อซู” เถาเอ๋อร์ดึงหลีเอ๋อร์เข้าไปในห้องของจื่อซูและปั้นซย่า “เป็นเรื่องจริงหรือ?”

จื่อซูวางผ้าที่เพิ่งพับไปได้เพียงครึ่งเดียว “เรื่องอะไร?”

เถาเอ๋อร์เอ่ยถามด้วยความสงสัย “เรื่องที่ซูมู่ถูกฮองเฮาลงโทษ”

“อืม” จื่อซูพยักหน้า

เถาเอ๋อร์อายุยังน้อย และช่างสงสัยมากที่สุด จื่อซูหันหลังกลับมา นางก็คว้ามือของจื่อซูไว้ “ซูมู่ขโมยของในวังหลวงจริงหรือ?”

จื่อซูคิดว่าซูมู่ไม่ได้ขโมย เหมือนกับที่นางรู้ว่าฮูหยินน้อยไม่ได้สั่งให้ซูมู่ขโมยเครื่องราง เรื่องนี้เป็นเพียงแผนการของฮูหยินน้อยเท่านั้น แต่ในฐานะคนสนิทของฮูหยิน นางไม่อาจและไม่กล้าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง

จื่อซูพยักหน้า

เถาเอ๋อร์กระทืบเท้า “ไอ้หยา ดูไม่ออกเลยจริงๆ ที่แท้ก็เป็นขโมย!”

หากข่าวนี้แพร่ไปเมื่อไม่กี่วันก่อน คงไม่มีใครเชื่อ แต่ในจวนเกินเรื่องติดต่อกันมากมาย รวมไปถึงเรื่องลอบวางยาอวี๋หวั่น ภาพลักษณ์ของซูมู่ในสายตาของผู้คนมีแต่จะตกต่ำลง หาจะมีเรื่องลักขโมยอีกเรื่องหนึ่งก็คงยอมรับได้ไม่ยาก

หลีเอ๋อร์ขมวดคิ้ว “วาดตัวเสือวาดหนังสือแต่ไม่อาจวาดกระดูกเสือ รู้หน้าไม่รู้ใจ!”

จื่อซูเห็นท่าทางรังเกียจเดียดฉันท์ของผู้คน จึงพอเข้าใจว่าเพราะเหตุใดฮูหยินจึงพาซูมู่เข้าวัง มันคือหลุมพราง หลุมพรางที่พร้อมจะฝังซูมู่จนมิด ซูมู่นับว่าฉลาด แต่นางไม่รู้ว่านางได้ตกลงไปในกับดักของฮูหยินน้อยตั้งแต่แรกแล้ว

เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ฮูหยินน้อยไม่จำเป็นต้องออกปากเอง ก็จะมีผู้คนนับไม่ถ้วนที่ไล่ซูมู่ออกไปจากจวนเอง

เป็นดังคาด หลังจากที่อวี๋หวั่นกลับมาจากจวน เหล่าพ่อบ้านก็ทยอยกันมาขอพบ

คนแรกที่มาก็คือพ่อบ้านหู

ซูมู่เป็นคนที่เขาพามา พาคนที่ไม่ได้เรื่องมาเช่นนี้ ก็นับเป็นความผิดของเขาเช่นกัน “เป็นที่ข้ามองคนไม่ออก…”

อวี๋หวั่นใช้คำพูดของฮองเฮามาบอกกับเขาว่า “ไม่ใช่ความผิดของท่าน ลุกขึ้นเถิด”

พ่อบ้านหลายคนต่างออกความเห็นว่าซูมู่ไม่ควรอยู่ในจวนอีกต่อไป มิเช่นนั้นหากแพร่งพรายออกไปผู้คนจะพูดเอาได้ว่าจวนคุณชายเยี่ยนไร้กฎระเบียบ

อวี๋หวั่นมีสีหน้าลำบากใจ “เรื่องนี้…”

พ่อบ้านอู๋กล่าวว่า “หากยังปล่อยให้นางอยู่ที่นี่ จะควบคุมคนได้ยาก วันหลังผู้ใดคันไม้คันมือก็ขโมยของ สุดท้ายแล้วฮูหยินก็จะไม่อาจลงโทษสถานหนักพวกเขาได้”

อวี๋หวั่นถอนหายใจ “ในเมื่อทุกท่านกล่าวเช่นนี้ ชะ…เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ ข้ายังอายุน้อย มีเรื่องที่ยังคิดไม่ถี่ถ้วนอยู่บ้าง ภายภาคหน้าก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกท่านจะแนะนำข้า”

ครั้งนี้ แม้แต่ลุงวั่นก็ยังต้องเงียบ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]