หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 147

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 147.2 เสี่ยวเป่าหน้าจ๋อย ตบหน้า (2)
อวี๋หวั่นเคยได้ยินมาว่า ตี้จีองค์เล็กของหนานจ้าวได้เป็นประมุขหญิงอย่างในปัจจุบันเพราะของศักดิ์สิทธิ์ หากผู้คนรู้ว่าของศักดิ์สิทธิ์ของนางหายไปแล้ว เกรงว่าตำแหน่งจะสั่นคลอน

“จริงสิ เมื่อครู่ที่ข้าช่วยไว้คือคนจากฝ่ายใดหรือ?” อวี๋หวั่นถาม

เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวอย่างเฉยเมย “ไม่ใช่ฝ่ายใดเลย เป็นเพียงศิษย์คนหนึ่งของราชครู”

อวี๋หวั่นไม่รู้เกี่ยวกับราชสำนักหนานจ้าวมากนัก จึงไม่เข้าใจสถานะของราชครูในหนานจ้าว แท้จริงแล้วราชครูเป็นเสนาบดีที่ใกล้ชิดประมุข ได้รับความไว้วางพระทัยจากประมุขหนานจ้าวเป็นอย่างมาก ดังนั้นสถานะศิษย์ของเขาก็สูงส่งมากเช่นกัน

“เยี่ยนจิ่วเฉา” อวี๋หวั่นให้ความสนใจกับอีกเรื่องหนึ่ง

“มีอันใดหรือ?” เยี่ยนจิ่วเฉามองเธอขณะอุ้มบุตรชายคนเล็กที่กำลังหลับ

อวี๋หวั่นครุ่นคิด “พิษในตัวท่านถูกถอนไปแล้ว ดังนั้นราชันสัตว์พิษก็ไม่มีประโยชน์กับเราแล้ว เราควรจะมอบราชันสัตว์พิษให้พวกเขาหรือไม่?”

เยี่ยนจิ่วเฉาถาม “เจ้ารู้วิธีเอาราชันสัตว์พิษออกมาหรือ?”

อวี๋หวั่นส่ายหน้า

เธอไม่รู้ศาสตร์ของสัตว์พิษ ไม่อาจควบคุมหนอนพิษตัวนี้ได้

เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวอีกครั้ง “เช่นนั้นเจ้าก็ตัดสินใจเอา ว่าจะไปบอกคนของหนานจ้าวให้เอาราชันสัตว์พิษออกให้เจ้าหรือไม่?”

อวี๋หวั่นส่ายหน้าอีกครั้ง

เรื่องที่ประมุขหญิงแห่งหนานจ้าวสูญเสียราชันสัตว์พิษเป็นความลับที่ไม่อาจเปิดเผยต่อสาธารณชนได้ หากประมุขหญิงรู้ว่าราชันสัตว์พิษตกอยู่ในมือของพวกเขา ใครจะรู้ว่าประมุขหญิงจะฆ่าพวกเขาหรือไม่?

เยี่ยนจิ่วเฉามองเด็กชายอ้วนกลมทั้งสามที่หลับอยู่ พลางเอ่ยพึมพำ “เก็บไว้เถิด มันอาจจะมีประโยชน์ในอนาคต”

จริงสิ สิ่งนี้หนานจ้าวมองว่าเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นมันต้องมีประโยชน์เป็นแน่ บางทีนอกจากการถอนพิษแล้ว มันอาจมีวิธีใช้อื่นๆ อีกก็เป็นได้ อีกอย่างเธอก็ไม่ได้ขโมยเสียหน่อย เธอได้มาโดยบังเอิญ และไม่ใช่ว่าเธอปฏิเสธที่จะมอบมันให้พวกเขา ทว่าสถานการณ์บีบบังคับให้ไม่อาจมอบให้ได้

เมื่อคิดได้เช่นนั้น อวี๋หวั่นก็พลันรู้สึกโล่งใจ

“พวกเขาหลับไปแล้ว” อวี๋หวั่นมองดูบุตรชายในอ้อมแขน และเอ่ยด้วยดวงตาที่สดใส

เยี่ยนจิ่วเฉาส่งเสียงอืมเบาๆ และวางบุตรชายคนเล็กลงกับเตียง อวี๋หวั่นก็วางต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าลง และถอดเสื้อผ้ากับรองเท้าของทั้งสามคนออก จากนั้นจึงดึงผ้านวมบางๆ คลุมท้องพวกเขา

ยามนี้อากาศร้อน เด็กมักจะเหงื่อออก หากคลุมมากไปอาจทำให้รู้สึกอึดอัด

อวี๋หวั่นให้จื่อซูและฝูหลิงเฝ้าไว้ เยี่ยนจิ่วเฉาก็เรียกอิ่งสือซันมาเช่นกัน จากนั้นทั้งคู่จึงออกจากเรือนไปอย่างวางใจ

ทั้งสองวางแผนจะไปที่เรือนเฟยเหยียนและเรือนฉงอันตามลำดับ เดินไปตามทางเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยต้นหญ้าเขียวชอุ่ม มีเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นครั้งคราว คณะแสดงที่ฮองเฮาเลือกมาได้เริ่มแสดงแล้ว เรือนฉงอันก็มีชีวิตชีวาขึ้นมา

ได้ยินว่าตอนที่องค์ชายใหญ่กับองค์ชายสามจัดงานอภิเษกสมรสเงียบเหงากว่าที่นี่ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือมีกฎระเบียบมากกว่าที่นี่ องค์ชายห้ามักถูกรังแก คนกลุ่มนั้นจึงก่อความวุ่นวายได้โดยไม่เกรงกลัว แน่นอนว่าบางส่วนเกิดจากการแต่งงานระหว่างสองประเทศ จึงมีแขกมากกว่างานเลี้ยงแต่งงานครั้งก่อนๆ

“ฮ่าๆ! ข้ายิงโดนแล้ว!”

“องค์ชายสี่ปรีชาการยิงธนูยิ่งนัก!”

เสียงหัวเราะดังมาจากทุ่งหญ้าที่อยู่ห่างไปไม่ไกล อวี๋หวั่นหันมองไปตามเสียง และเห็นว่าสนามหญ้าที่เดิมทีเคยว่างเปล่ากลับเต็มไปด้วยผู้คน องครักษ์จวนอ๋องตั้งเป้ายิงธนู บรรดาแขกบุรุษก็กำลังแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการยิงธนู

“อยากดูหรือ?” เยี่ยนจิ่วเฉาถามขณะที่หันมองเธอ

“ได้หรือไม่?” อวี๋หวั่นกะพริบตามองเขา

เธอไม่เคยเห็นคนสมัยก่อนยิงธนูเลย ช่างน่าตื่นตาตื่นใจ

“ตามมา” เยี่ยนจิ่วเฉาเดินก้าวยาวเข้าไปทางทุ่งหญ้า

อวี๋หวั่นขบเม้มริมฝีปาก ในช่วงเวลาเช่นนี้ควรจะจับมือหญิงสาวมิใช่หรือ?

อวี๋หวั่นยกกระโปรงขึ้นและเดินตามไปติดๆ

เยี่ยนจิ่วเฉามองร่างเล็กที่กำลังเดินตามเขามาทุกฝีก้าว จากนั้นมุมปากของเขาก็ยกให้เห็นเป็นเส้นโค้งจางๆ

เฉิงอ๋องก็อยู่ที่นี่ด้วย แน่นอนว่าเขาไม่ได้มาเพื่อมายิงธนู ทว่ากังวลว่าจะเกิดปัญหาใดขึ้นอีก ดังนั้นเมื่อแน่ใจว่าทูตหนานจ้าวปลอดภัยแล้วจึงรีบมาที่นี่

เขาเห็นอวี๋หวั่นกับเยี่ยนจิ่วเฉาที่กำลังมาทางนี้ จึงเดินไปกล่าวทักทาย “ท่านพี่ พี่สะใภ้”

เยี่ยนจิ่วเฉาพยักหน้าเบาๆ และมองฝูงชนดำทะมึนที่อยู่บนสนามหญ้า “ผู้ใดกำลังยิงธนู?”

เฉิงอ๋องตอบ “พี่ใหญ่ พี่สาม พี่สี่ กับองค์ชายรองแห่งซยงหนู และโอรสชินอ๋องรวมถึงคุณชายจากตระกูลขุนนางอีกหลายท่าน แม่ทัพใหญ่เซียวกับแม่ทัพเวยหย่วนแห่งหนานจ้าวก็อยู่เช่นกัน”

เรือนเฟยเหยียนก็จัดกลุ่มแสดงไว้เช่นกัน ทว่านายท่านเหล่านี้ไม่ชอบฟังการแสดง ในตอนแรกพวกเขาเล่นปาลูกดอกลงเป้า จากนั้นไม่รู้ว่าอย่างไรจึงเปลี่ยนมาเป็นการยิงธนูได้ โชคดีที่แม้ว่าจวนเฉิงอ๋องจะไม่หรูหรา แต่ก็กว้างใหญ่พอ เฉิงอ๋องให้คนตั้งเป้ายิงธนูบนสนามหญ้า บรรดาแขกต่างพนันกันว่าผู้ใดจะมีทักษะการยิงธนูที่แม่นยำที่สุด และเชิญเซียวเจิ้นถิงกับแม่ทัพเวยหย่วนแห่งหนานจ้าวมานั่ง เพื่อกันไม่ให้ผู้ใดเล่นตุกติก

“ผู้ใดยิงได้ดีหรือ?” อวี๋หวั่นถาม

เฉิงอ๋องยิ้มอย่างนอบน้อมและกล่าวว่า “องค์ชายรองแห่งซยงหนูมีทักษะการยิงธนูที่ดีที่สุด ทุกดอกล้วนไม่พลาด ยิงเข้ากลางเป้าทั้งหมด พี่สามกับพี่สี่ก็ไม่เลวนัก ตามมาติดๆ”

มีเพียงองค์ชายใหญ่ที่ยิงสิบดอก พลาดเป้าไปเจ็ดหรือแปดดอก

เรื่องนี้ยากจะเอ่ยให้ใครฟัง

ทว่าไม่จำเป็นต้องให้เขาเอ่ย แค่อวี๋หวั่นมองเห็นสภาพเละเทะขององค์ชายใหญ่ ก็รู้ได้ว่าเขาแพ้อย่างยับเยิน

เฉิงอ๋องไม่แน่ใจว่าลูกพี่ลูกน้องของเขากับพี่สะใภ้มาที่นี่เพื่อรับชม หรืออยากมายิงธนูกันแน่ ลูกพี่ลูกน้องของเขาไม่มีความรู้ความสามารถ ดูไม่เหมือนคนที่ยิงธนูได้ พี่สะใภ้ยิ่งไม่น่าใช่…

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]