ระหว่างทางไปเรือนเฟยเหยียน อวี๋หวั่นได้ถามถึงสถานการณ์ของผู้บาดเจ็บกับต้ามามา
“เป็นชายหนุ่ม” ต้ามามากล่าว “เขาล้มลงระหว่างทางกลับจากห้องน้ำ ทำให้มือกระแทกกับหินประดับ ถูกบาดเป็นแผลยาวเช่นนี้”
ต้ามามาเอ่ยอย่างอกสั่นขวัญแขวนจบ ก็ทำท่าทางเสียใหญ่โต
อวี๋หวั่นคิดในใจ เกรงว่าแขนของชายผู้นั้นคงไม่ยาวถึงเพียงนี้หรอกกระมัง
ทันทีที่ชายผู้นั้นได้รับบาดเจ็บ ก็ถูกชายรับใช้ของจวนเฉิงอ๋องหามไปที่ห้องปีก เพราะเหตุการณ์ฉุกเฉิน ต้ามามาจึงพาอวี๋หวั่นเข้าทางประตูด้านหลังของเรือนเฟยเหยียน เลี้ยวซ้ายไปตามทางเดิน ผ่านลานกว้าง ก่อนจะมาถึงห้องปีกที่ผู้บาดเจ็บพักอยู่
เฉิงอ๋องรอที่หน้าประตูอยู่ก่อนนานแล้ว เห็นต้ามามาพาสตรีในชุดมงคลพระชายาท่านหนึ่งเข้ามา อันที่จริงตอนที่เขาเข้าจวน ก็เห็นครอบครัวทั้งห้าคนแล้ว ทว่าไม่มีเวลาพอจะได้สนทนากับอวี๋หวั่น
“พี่สะใภ้” เฉิงอ๋องสาวเท้ายาวก้าวไปข้างหน้า พลางยกมือคำนับทักทายอย่างสุภาพ
อวี๋หวั่นยังไม่ได้รับการอภิเษกแต่งตั้ง สถานะของเธอจึงต่ำกว่าเขา เธอน้อมกายคำนับ “เฉิงอ๋อง”
เฉิงอ๋องไม่รับการคำนับ เพียงยกมือและเอ่ยว่า “พี่สะใภ้ มิต้องมากพิธี”
เขาไม่อาจถือสาภรรยาของเยี่ยนจิ่วเฉาได้ เมื่อกล่าวจบ คล้ายกับสงสัยในความพยายามเป็นมิตร ที่แสดงออกในคำพูดของตน เขาจึงเอ่ยอย่างรีบร้อนว่า “เราคนกันเอง ไม่จำเป็นต้องทำเยี่ยงคนนอกเช่นนี้”
หลังจากเอ่ยจบ รู้สึกว่าความสงสัยในความพยายามเป็นมิตรยิ่งเพิ่มมากขึ้น เฉิงอ๋องเกาศีรษะอย่างอึดอัดใจ
อวี๋หวั่นรู้สึกขบขันกับท่าทางของเขา เมื่อได้มององค์ชายผู้นี้อย่างจริงจัง เขาเป็นองค์ชายที่ไม่โดดเด่นที่สุดในบรรดาองค์ชายที่โตแล้ว แม้องค์ชายใหญ่จะถูกทอดทิ้ง แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังครองตำแหน่งบุตรคนโตจากภรรยาหลวง เฉิงอ๋องไม่สูงไม่ต่ำ เขามีพี่ชายที่โดดเด่นกว่า และมีน้องชายที่น่ารักกว่า มารดาอวี้ผินผู้ให้กำเนิดไม่ได้สูงส่ง และไม่อาจเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ ในครั้งนี้เขาได้สร้างสันติภาพกับซยงหนู เพื่อเป็นการยกย่องเขา จึงแต่งตั้งอวี้ผินเป็นอวี้เฟย เป็นสนมอันดับสองในสนมกุ้ย ซู่ เสียน เต๋อ ทั้งสี่
เพียงแต่ไร้อำนาจไร้ความโปรดโปราน สุดท้ายก็เป็นเพียงคนที่น่าสงสารในวังลึกคนหนึ่งเท่านั้น
ในฐานะบุตรชายของนาง เฉิงอ๋องสืบทอดลักษณะของอวี้เฟยมาได้เป็นอย่างดี ไม่สร้างปัญหา และไม่เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้
จู่ๆ อวี๋หวั่นก็นึกถึงเยี่ยนไหวจิ่ง เขาเพียงพอที่จะทำให้ฮ่องเต้พอพระทัยแล้ว ทว่าอย่างไรก็ตามอวี๋หวั่นก็ไม่ชอบเขา อวี๋หวั่นรู้สึกโชคดีที่เขาถูกเยี่ยนจิ่วเฉาทารุณและเลี้ยงไว้ที่บ้าน ไม่เช่นนั้นหากพบเขาในงานเลี้ยงแต่งงานก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร
เฉิงอ๋องที่อ่อนน้อมถ่อมตนมองแล้วยังสบายตาเสียกว่า
ราวกับได้ยีนที่ดีจากบรรพบุรุษ บุตรในสกุลเยี่ยนล้วนไม่มีผู้ใดหน้าตาขี้เหร่ แน่นอนว่าผู้ที่หล่อเหลาที่สุดคือสามีและบุตรอ้วนกลมทั้งสามของเธอ ทว่าเฉิงอ๋องผู้นี้ใสสะอาดดูดีราวกับหยกอย่างหาได้ยากยิ่ง องค์หญิงแห่งซยงหนูได้แต่งงานกับเขาก็ไม่นับว่าน่าอดสูเลยจริงๆ
“พี่สะใภ้ไม่ต้องห่วง ข้าไล่คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปหมดแล้ว ส่วนท่านพี่ข้าก็ให้คนไปส่งข่าวแล้ว”
……ทว่ายังหาใครไม่พบ
คุณชายคนหนึ่งไม่อาจหยุดอวดบุตรได้ ข้าราชบริพานบู๊บุ๋นในต้าโจวไม่อาจตอบสนองความต้องการที่บ้าคลั่งของเขาได้อีกต่อไป เขาจึงไปลงกับทูตของหนานจ้าวและซยงหนู
ทูตทั้งสองประเทศมีควันออกจากหัว : พวกเราชาวทูตทำสิ่งใดให้ใครไม่พอใจ!!!
“พี่สะใภ้ เชิญ” เฉิงอ๋องกล่าว
อวี๋หวั่นเข้าไปในห้องพร้อมกับเฉิงอ๋อง
จื่อซูเดินตามอวี๋หวั่นพร้อมกับถือล่วมยา ส่วนฝูหลิงกับต้ามามายืนเฝ้าหน้าประตู
ภายในห้องคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดรุนแรง ร่างของคุณชายในชุดสีขาวนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงที่มีผ้าม่าน กลิ่นเหล้าบนร่างกลบกลิ่นของคาวเลือด เมื่อเข้าใกล้ อวี๋หวั่นจึงพบว่าชายผู้นี้ยังเด็กมาก เขาดูอายุเพียงสิบแปดหรือสิบเก้าปี หน้าตาไม่ได้นับว่าน่าทึ่ง แต่ชนะที่ความบอบบางและน่ารัก รูปร่างค่อนข้างผอม แขนข้างหนึ่งห้อยลงมาอยู่ข้างเตียง ชายรับใช้ของจวนคนหนึ่งคุกเข่าอยู่หน้าเตียง และใช้ผ้าขนหนูสะอาดกดลงบนบาดแผลของเขาไว้แน่น แต่เลือดยังคงไหลออกมาไม่หยุด
“ถอยไป” เฉิงอ๋องกล่าว
ชายรับใช้ค้อมกาย และเดินออกไปพร้อมกับผ้าขนหนูชุ่มเลือด
“ลำบากพี่สะใภ้แล้ว” เฉิงอ๋องคำนับมืออีกครั้ง
แม้จะบอกว่าแขกผู้นี้ไม่ระวังตนเอง แต่ไม่ว่าอย่างไรเรื่องก็เกิดในจวนของเขา ไม่อาจปัดความรับผิดชอบ
อวี๋หวั่นพยักหน้า และก้าวขาเดินข้ามรอยเลือดที่น่าสยดสยองไปอย่างใจเย็น
เฉิงอ๋องแอบรู้สึกประหลาดใจ เลือดบนพื้น อย่าว่าแต่สตรีเลย บุรุษร่างใหญ่เช่นเขายังตกใจคราแรกที่เห็น ไยพี่สะใภ้จึงไม่กะพริบตาแม้แต่น้อย?
อวี๋หวั่นนั่งลงข้างเตียงและเริ่มทำความสะอาดบาดแผล
จื่อซูเปิดล่วมยาอย่างเงียบขรึม
นางไม่สงบเหมือนอวี๋หวั่น อากาศที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดทำให้นางหายใจไม่ออก แต่นางก็ยังคงนึกถึงสถานะของตนอยู่เสมอ และไม่อาจทำให้ฮูหยินน้อยต้องขายหน้า
เฉิงอ๋องเห็นว่าไม่เพียงแต่พี่สะใภ้ของเขาที่ไร้ซึ่งสีหน้าตื่นตระหนก ทว่าแม้แต่สาวใช้ที่อยู่ข้างกายก็ยังใจเย็น เขาอดไม่ได้ที่จะยิ่งรู้สึกชื่นชมอีกฝ่าย
“ทำให้พี่สะใภ้หัวเราะเยาะเสียแล้ว” ทันใดนั้นเขาก็เอ่ยออกมา
เริ่มแรกเซียวจื่อเยว่ถูกแมงมุมพิษกัด จากนั้นทูตหนานจ้าวก็ได้รับบาดเจ็บในสวน ไม่ว่าจะดูอย่างไร ก็เหมือนว่าเขาละเลยในการควบคุมดูแล ถึงได้มีสิ่งอันตรายซ่อนอยู่มากมาย
อวี๋หวั่นกล่าวอย่างสุภาพ “ทั้งหมดเป็นเพียงอุบัติเหตุเท่านั้น ฝ่าบาทอย่าได้โทษตัวเองเลยเพคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]