เซียวจื่อหลินตกตะลึง สวรรค์ เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร? ไม่ได้ทำให้ผู้หญิงคนนั้นตกใจกลัว แต่กลับทำให้พี่สาวของนางได้รับเคราะห์แทน?! ท่านพี่ตกใจกลัวจนเป็นลมไปแล้ว?!
พี่น้องสตรีต่างมุงดู
เซียวจื่อเยว่ไม่ได้ตกใจจนเป็นลมง่ายดายเพียงนั้น ทว่าอาการป่วยของนางกำเริบ
อวี๋หวั่นรีบพลิกตัวเซียวจื่อเยว่ที่แน่นิ่งอยู่บนพื้นให้หันไปด้านข้าง และบังนางด้วยร่างของเธอ พลางหันกลับมาพูดกับบรรดาพี่น้องสตรี “ถอยออกไป!”
ทุกคนต่างสะดุ้ง
อวี๋หวั่นกล่าวด้วยเสียงเกรี้ยวกราด “ข้าฮูหยินสั่งให้พวกเจ้าถอยไป หูหนวกรึไง!”
หลายคนตกใจกับท่าทีของอวี๋หวั่น และไม่กล้าก้าวขึ้นมาด้านหน้าอีก หลังจากมองหน้ากันก็ถอยออกจากสวนด้านหลังไปด้วยความสงสัย
อวี๋หวั่นรีบสั่งการ “จื่อซู! รีบไปนำตะเกียบมา! ฝูหลิง เฝ้าสวนไว้ อย่าให้ผู้ใดเข้ามา!”
จื่อซูรีบไปโดยไม่พูดพร่ำ บุตรีไม่ทราบชื่อเดินไปมารอบๆ ทางเข้าสวนด้านหลัง พลางมองเข้ามาด้านในด้วยความร้อนใจ อยากเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเซียวจื่อเยว่ ทว่าฝูหลิงกลับทำตัวราวกับภูเขาเล็กๆ ทำให้ทุกสายตาที่จับจ้องถูกปิดกั้นไว้มิดชิด
อวี๋หวั่นนำหนอนออกจากร่างกายของเซียวจื่อเยว่ แม้ว่าพวกมันจะเป็นหนอนที่พบเห็นได้ทั่วไป และพิษไม่ร้ายแรงถึงชีวิต แต่พวกมันก็กัดผิวบริเวณหน้าอกของเซียวจื่อเยว่จนบวมใหญ่หลายจุด นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด ทว่าอาการป่วยที่กำเริบทำให้เซียวจื่อเยว่เป็นอันตรายอย่างยิ่ง
ครั้งนี้ อาการรุนแรงกว่าบนรถม้า อวี๋หวั่นรู้ดีว่า หากเธอสั่งให้ทุกคนถอยไป จะยิ่งทำให้พวกเขาเกิดความสงสัย แต่หากไม่ทำเช่นนี้ พวกเขาจะล่วงรู้ว่าเซียวจื่อเยว่ป่วยเป็นโรคใด อวี๋หวั่นเลือกที่จะเสียน้อยดีกว่าเสียมาก
อวี๋หวั่นปลดกระดุมของเซียวจื่อเยว่ออก
จื่อซูกลับมาพร้อมกับตะเกียบคู่หนึ่ง อวี๋หวั่นพันตะเกียบด้วยผ้าเช็ดหน้า และกดให้คั่นอยู่ระหว่างฟันกรามบนและล่างทั้งสองข้างของเซียวจื่อเยว่
เซียวจื่อเยว่กัดแน่น
อวี๋หวั่นสั่งจื่อซูอีกครั้ง “เจ้าไปเชิญฮูหยินใหญ่เซียวมา”
“เจ้าค่ะ!” จื่อซูเดินไปตามนาง
เซียวจื่อหลินที่ซ่อนอยู่หลังพุ่มไม้ตกใจกับฉากตรงหน้า นางไม่อยากจะเชื่อว่าพี่สาวจากภรรยาหลวงผู้สูงส่งเหนือใครจะป่วยเป็นโรคประหลาด เป็นเรื่องที่น่าตกใจเกินไปมิใช่หรือ?
ฮูหยินใหญ่เซียวเดินมาพร้อมกับซั่งกวนเยี่ยน ซั่งกวนเยี่ยนไม่ได้ไปร่วมพิธีบวงสรวงสวรรค์ นางพบกับฮูหยินเหยาที่ประตูจวน ทั้งสองพูดคุยกันสองสามประโยค ก่อนจะไปที่ห้องชุนฮุย พวกนางบังเอิญเห็นจื่อซูกำลังเอ่ยบางสิ่งบางอย่างกับฮูหยินใหญ่เซียว สีหน้าของฮูหยินใหญ่เซียวดูไม่สู้ดีนัก ซั่งกวนเยี่ยนไม่ได้รู้จักจื่อซู ทว่าจำสัญลักษณ์ของจวนคุณชายที่เอวของนางได้ เนื่องจากมันเกี่ยวข้องกับจวนคุณชาย นางจึงต้องมาดูสักหน่อย
ซั่งกวนเยี่ยนถูกฝูหลิงขัดขวางไว้
ฮูหยินน้อยให้จื่อซูมาเชิญฮูหยินใหญ่เซียวเพียงคนเดียว และไม่ได้เชิญคนอื่น!
ซั่งกวนเยี่ยนกล่าวว่า “ข้าเป็นมารดาคุณชายของเจ้า!”
ฝูหลิง “ฮูหยินน้อยไม่ได้เชิญมารดาคุณชาย”
ซั่งกวนเยี่ยน “???”
เป็นหญิงที่ซื่อบื้ออันใดเพียงนี้!
อวี๋หวั่นกล่าวว่า “ฝูหลิง ให้พระชายาเข้ามา”
จากนั้นฝูหลิงจึงหลีกทางให้
การให้ซั่งกวนเยี่ยนมาด้วย เป็นการอนุญาตจากฮูหยินใหญ่เซียว อวี๋หวั่นเป็นลูกสะใภ้ของซั่งกวนเยี่ยน ในความเห็นของฮูหยินใหญ่เซียว แม้ยามนี้ตนจะปกปิดได้ ทว่ากลับไปอวี๋หวั่นก็ต้องบอกความลับแก่ซั่งกวนเยี่ยนอยู่ดี
สู้ไม่ปิดเสียดีกว่า
“เจ้ากั้นอยู่ที่นี่ อย่าให้ผู้ใดเข้าใกล้” ซั่งกวนเยี่ยนสั่งสาวใช้ที่มากับนาง
เมื่อสาวใช้ได้รับภารกิจสำคัญ นางยืดอกขึ้นในฉับพลัน และมองไปที่ฝูงชนด้วยสายตาเกรี้ยวกราด “ลองมองสิ! ข้าจะควักลูกตาเจ้าออกมา!”
ทุกคนหวาดกลัวจนยอมถอยไปเก้าสิบหลี่!
ระยะเวลากำเริบของเซียวจื่อเยว่ครั้งนี้ค่อนข้างนาน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็สามารถควบคุมไว้ได้แล้ว นางรอดพ้นจากเหตุการณ์ฉุกเฉินมาได้ โดยปราศจากการดูแลของหมอประจำจวน
ในจวนสกุลเซียวมีหมอประจำจวนอาศัยอยู่ตลอดทั้งปี โดยอ้างว่าฮูหยินใหญ่เซียวมักจะเป็นลมบ่อยๆ และไม่รู้ว่าจะกำเริบขึ้นเมื่อใด ในที่สุดซั่งกวนเยี่ยนก็เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของบ้านใหญ่
ซั่งกวนเยี่ยนถอนหายใจเบาๆ “พี่สะใภ้ เหตุใดก่อนหน้านี้ท่านถึงไม่บอก? หากท่านบอกมา พวกเราจะได้ช่วยกันคิดหาวิธี และดูว่าจะรักษาอาการของจื่อเยว่อย่างไร”
ฮูหยินใหญ่เซียวไม่เห็นวี่แววของการดูถูกเหยียดหยามใดๆ บนใบหน้าของซั่งกวนเยี่ยน นางกอดบุตรสาวในสภาพเละเทะมอมแมมด้วยความเจ็บปวดโดยไม่ตอบสิ่งใด
หากนี้มีหนึ่งคนที่สามารถเข้าใจความรู้สึกของฮูหยินใหญ่เซียว ก็ต้องเป็นซั่งกวนเยี่ยนเท่านั้น นางก็มีบุตรที่รักษาอาการเจ็บป่วยไม่หายมาหลายปีเช่นกัน นางไม่ต้องการให้ใครสักคนในใต้หล้าล่วงรู้ความลับนี้ นางใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง และใช้ชีวิตอย่างไม่สนใจหน้าตา มีชีวิตอยู่อย่างอกสั่นขวัญแขวน กลัวว่าวันใดตื่นขึ้นมาต้องพบว่าบุตรชายถูกพรากไปจากนาง ไม่มีใครรับรู้ความเจ็บปวดนี้ได้ดีไปกว่านางแล้ว
นางถอดเสื้อคลุมบนร่าง มาคลุมเซียวจื่อเยว่ที่กระอักกระอ่วน พลางเอ่ยเบาๆ “พี่สะใภ้ พาจื่อเยว่ลงไปล้างหน้าล้างตาก่อนเถิด”
ฮูหยินใหญ่เซียวกอดบุตรสาวที่อายุสิบสี่สิบห้าไม่ปล่อย อวี๋หวั่นเรียกฝูหลิง ฝูหลิงโอบเซียวจื่อเยว่ที่ห่อตัวด้วยเสื้อคลุมอย่างแน่นหนา เดินไปที่ห้องพักรับรองแขกอย่างเบามือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]