หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 150

“ต่ำช้า! เจ้ากล่าวอันใด!” อิ่งลิ่วเอ่ยด้วยความโกรธเกรี้ยว

รู้อยู่ว่าชายผู้นี้เป็นคนต่ำทราม ทว่าไม่คิดว่าจะต่ำทรามได้ถึงเพียงนี้ เซียวเจิ้นถิงเป็นบุรุษ แล้วเรื่องตบหน้าก็เป็นเรื่องระหว่างบุรุษด้วยกัน หากจะกล่าวให้ใหญ่กว่านี้ ก็คือเรื่องของขุนนางสองประเทศ ทว่ากลับใช้วาจาล่วงเกินอิสตรีย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง

และวาจาเช่นนี้ก็ไม่ควรออกมาจากปากของขุนนาง

อิ่งลิ่วชักดาบเล่มยาวออกมาทันที

เห้อเหลียนฉีไม่แม้แต่เหลือบสายตา เขาเพียงเอื้อมมือออกไปจับใบมีดของอิ่งลิ่วไว้ได้อย่างแม่นยำ

ดาบเล่มยาวของอิ่งลิ่วถูกหนีบไว้แน่น สีหน้าของอิ่งลิ่วดูย่ำแย่เกินบรรยาย ทว่าเมื่อมองกลับไปที่เห้อเหลียนฉีซึ่งอยู่ด้านข้าง เขากลับมีท่าทีสงบนิ่งและสบายๆ

แม้วิทยายุทธ์ของอิ่งลิ่วจะไม่ดีเท่าอิ่งสือซัน ทว่าเขาก็เป็นยอดฝีมือชั้นหนึ่งเช่นกัน เห้อเหลียนฉีสามารถควบคุมเขาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าเห้อเหลียนฉีก็มีความสามารถอยู่บ้าง

อิ่งสือซันแอบรวบรวมกำลังภายใน

เห้อเหลียนฉีเย้ยหยัน “ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าได้ทำผลีผลาม ไม่เช่นนั้นข้าจะตัดมือเขา”

อิ่งสือซันกำหมัดแน่น

สีหน้าของเห้อเหลียนฉีตั้งแต่ต้นจนจบอยู่ในสายตาของเยี่ยนจิ่วเฉา ไม่ว่ายามที่เอ่ยวาจาร้ายกาจ หรือหยุดยั้งดาบของอิ่งลิ่ว ในแววตาของเขาไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆ

เห้อเหลียนฉีคลี่ยิ้มเย็นชา “ไยไม่เอ่ยสิ่งใดต่อ? นี่เจ้าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย? หากเจ้าอยากได้ชุดเกราะคืน ทว่าไม่ต้องการจ่ายสิ่งใด…มันคงเป็นไปไม่ได้ ช่างไม่มีเหตุผลเสียเลย”

เหตุผล? อิ่งลิ่วอยากตบเขาสักครา คนที่ไร้ศีลธรรมจรรยาเฉกเช่นสัตว์เดรัจฉานเยี่ยงเขามีสิทธิ์เอ่ยคำนี้ด้วยรึ?

“แม่ทัพเห้อเหลียนจริงจังหรือไม่?” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวเบาๆ

เห้อเหลียนฉีหัวเราะ “โดยธรรมชาติข้าเป็นคนจริงจัง ทว่าไม่รู้ว่าคุณชายเยี่ยนจะจริงใจเพียงใด อย่างที่ทุกคนทราบดี แม่ทัพใหญ่เซียวเห็นเจ้าเป็นบุตรแท้ๆ ของเขา เพื่อเจ้าแล้ว หลายปีมานี้เขาไม่ต้องการมีบุตรของตนเองเลยสักคนเดียว เมื่อเทียบกับมารดาแท้ๆ ของเจ้าที่ทำได้แค่แต่งงานใหม่ พ่อเลี้ยงผู้นี้ยังดูมีประโยชน์มากกว่า เจ้าลองคิดดูสิ หากนำชุดเกราะไปเป็นเกียรติแก่เขาเพื่อแสดงความกตัญญู หลังจากเขาจากไปทุกอย่างของสกุลเซียวก็จะเป็นของเจ้าทั้งหมด”

อิ่งสือซันกำหมัดดังกร๊อก

เห้อเหลียนฉีชำเลืองมองเขา “ครึ่งหน่วยกล้าตาย ข้างกายคุณชายเยี่ยนไม่มีผู้ใดให้ใช้แล้วหรือ? ถึงได้เก็บขยะเช่นนี้ไว้ ให้ข้าส่งหน่วยกล้าตายไปให้สักสองสามคน เพื่อแสดงวามจริงใจในการทำข้อตกลงของเราดีหรือไม่?”

“ก็ลองดูสิ” เยี่ยนจิ่วเฉาข่มขู่

เห้อเหลียนฉีหัวเราะออกมา และยกมือขึ้นตบไหล่ของเยี่ยนจิ่วเฉา สายตาเยียบเย็นของเยี่ยนจิ่วเฉากวาดมอง แขนของเขาก็พลันหยุดชะงัก

เขาหัวเราะและละมือออก พลางเอ่ยกับเยี่ยนจิ่วเฉาว่า “ข้าก็ไม่ได้บังคับ เอาแบบนี้แล้วกัน ข้าจะให้เวลาเจ้าคิดสักสามวัน หลังจากสามวัน ข้าจะเอาชุดเกราะนั่น…ไปทำลายทิ้งด้วยตัวข้าเอง!”

เอ่ยจบ เขาก็ปล่อยอิ่งลิ่วแล้วเดินออกไป

กำลังภายในของคนผู้นี้ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก แขนอิ่งลิ่วชาไปครึ่งหนึ่ง

อิ่งลิ่วถูแขนพร้อมกับก่นด่า “ไอ้แก่สมควรตาย ไม่ช้าก็เร็วข้าจะฆ่าเขา!”

สีหน้าอิ่งสือซันไม่สู้ดี

อิ่งลิ่วกำลังจะเอ่ยบางอย่างกับเขา ทว่าเขากลับมองไปที่เยี่ยนจิ่วเฉาที่อยู่ข้างๆ “คุณชาย วาจาของเห้อเหลียนฉีท่านอย่าได้เก็บไปใส่ใจ…”

เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวว่า “วางใจเถิด ข้าไม่ถูกยั่วให้โกรธง่ายเพียงนั้น”

หากคนเขลาทำให้เขาโกรธได้ ก็ไม่รู้ว่าปีนี้เขาจะโกรธไปกี่ครั้งแล้ว บางคนก็สมควรถูกจัดการ เรื่องธรรมดา ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความโกรธของเขา

ตนเองอยากหาเหาใส่หัว เช่นนั้นก็โทษเขาไม่ได้

เยี่ยนจิ่วเฉาเดินลงไปชั้นล่าง

หลังจากขึ้นรถม้า อิ่งลิ่วเห็นว่าสีหน้าของอิ่งสือซันไม่ค่อยดี จึงเริ่มดึงบังเหียน และถามเยี่ยนจิ่วเฉาที่อยู่ในรถม้า “คุณชาย ยามนี้จะกลับจวนเลยหรือไม่?”

“เข้าวังหลวง”

เมื่อก่อนอิ่งสือซันเป็นคนบังคับรถม้า อิ่งลิ่วบังคับรถม้าไม่เก่งเท่าเขา เส้นทางเป็นหลุมเป็นบ่อมาก โชคดีที่คุณชายไม่ได้สนใจ เยี่ยนจิ่วเฉาเดินออกจากรถม้าและตรงไปยังห้องทรงพระอักษรของฮ่องเต้ อิ่งลิ่วจอดรถม้าที่ประตูวังด้านนอก

“เฮ้ เจ้าก็อย่าเก็บไปใส่ใจเลย” อิ่งลิ่วใช้ศอกดันแขนของอิ่งสือซัน เขารู้ดีว่าอิ่งสือซันกำลังคิดสิ่งใด อิ่งสือซันเกิดมาเป็นหน่วยกล้าตาย สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิตคือการถูกเรียกว่าครึ่งหน่วยกล้าตาย ไม่ต่างจากการด่าผู้ใดสักคนว่าเป็นหญิงก็ไม่ใช่เป็นชายก็ไม่เชิง

อิ่งลิ่วเอ่ยอีกครั้ง “ชายที่เอ่ยวาจาเหลวไหลนั่นจะไปรู้อะไร?”

อิ่งสือซันหลุบตาลง “ที่เขากล่าวก็ไม่ผิด ข้าเป็นครึ่งหน่วยกล้าตาย ข้าไม่ได้แข็งแกร่งเยี่ยงหน่วยกล้าตาย”

อิ่งลิ่วเอ่ย “เจ้าฆ่าหน่วยกล้าตายของสวี่ส้าวได้เลยนะ”

อิ่งสือซันกล่าว “นั่นเป็นเพียงกลุ่มหน่วยกล้าตายระดับแรกสุดเท่านั้น”

อิ่งลิ่วอ้าปากค้าง ไม่รู้ว่าจะปลอบโยนเขาอย่างไร กล่าวตามตรงเขาก็เป็นหน่วยกล้าตายเช่นกัน ทว่าก็ไม่นานเท่าอิ่งสือซัน และไม่ได้มีอิทธิพลมากเท่ากับอิ่งสือซัน ดูจากภายนอกเหมือนอิ่งสือซันยอมรับตัวตนในปัจจุบันได้ ทว่าในใจกลับคิดอยู่เสมอว่าตนเองไม่แข็งแกร่งพอ ทว่าหากเขากลายเป็นหน่วยกล้าตายอย่างจริงจัง ก็คงไม่มีอิ่งสือซันในยามนี้

“หากได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง” อิ่งลิ่วกล่าวอย่างเบาใจ “ทว่าอย่างไร ข้าก็เชื่อว่าวันหนึ่ง เจ้าจะสามารถเอาชนะพวกเขาได้”

ณ จวนคุณชาย

หลังจากที่อวี๋หวั่นทานมื้อกลางวันกับไป๋ถังและเด็กชายตัวอ้วนทั้งสามแล้ว ไป๋ถังก็เสนอว่าจะพาเด็กอ้วนทั้งสามไปเดินเล่น ร้านขนมแห่งใหม่ที่เปิดอยู่ตรงข้ามหอจุ้ยเซียนมีรสชาติดียิ่ง ทว่าทันใดนั้นจื่อซูก็เดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับถือกล่องขนมที่ทำสดใหม่จากครัว “ฮูหยินน้อย ของสำหรับคุณชายอวี๋พร้อมแล้วเจ้าค่ะ”

พี่รอง?

อวี๋หวั่นตีหัวตนเอง พี่รองของเธออยู่ในสำนักบัณฑิตกั๋วจื่อเจียนมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว วันนี้เป็นวันที่กั๋วจื่อเจียนจัดสอบประจำเดือน เธอบอกว่าจะไปเยี่ยมเขา ทว่าพอเกิดเรื่องของเห้อเหลียนฉี เธอก็ลืมไปเสียสนิท

“ข้าลืมแม้กระทั่งเรื่องสำคัญเช่นนี้ไปได้อย่างไร?” อวี๋หวั่นพึมพำ

“เจ้าคงมิใช่ว่ามีแล้วกระมัง?” ไป๋ถังเอนตัวลงมาดูหน้าท้องแบนราบของเธอ “ท้องหนึ่งคนโง่สามปี”

อวี๋หวั่นแปลกใจ “แค่เดือนแรกจะท้องได้อย่างไร”

“เดือนแรกรึ” ไป๋ถังส่งสายตาที่แฝงรอยยิ้มให้อวี๋หวั่น แค่คืนแรกก็ท้องแล้ว ทว่ายามนี้ทั้งเดือน ยังไม่พอจะเก็บเกี่ยวผลผลิตอีกรึ?

อวี๋หวั่นลูบท้องของเธอ ช่วงนี้เธอเบื่ออาหาร คงไม่ใช่ว่ามีจริงๆ กระมัง? ระดูของเธอก็เหมือนจะไม่มา แต่รอบเดือนของเธอมักมาไม่สม่ำเสมออยู่แล้ว มาบ้างไม่มาบ้างก็คงไม่ได้ผิดปกติอะไร…

สรุปแล้วท้องหรือไม่ท้องเนี่ย?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]