เยี่ยนจิ่วเฉามิได้สนใจ เขาดึงบังเหียนหันตัวไปด้านซ้าย
เห้อเหลียนฉีทำตัวดั่งพิษร้ายใกล้กระดูก[1] เยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ที่ใด เขาก็จะตามไปที่นั่น เยี่ยนจิ่วเฉาหมายจะยิงสิ่งใด เขาก็จะยิงสิ่งนั้นเช่นกัน และจะแย่งมาได้ทุกครั้ง
เห้อเหลียนฉีควบม้าเคียงข้างเยี่ยนจิ่วเฉา “คุณชายเยี่ยน ลูกธนูของเจ้าไม่ดีนะ!”
“ย่ะ!” เยี่ยนจิ่วเฉาเร่งฝีเท้า
เห้อเหลียนฉีเอ่ยด้วยท่าทีจองหอง “ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าไปข้างหน้าจะดีกว่า ด้านหน้ามันอันตราย”
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวอย่างเมินเฉย “หากกลัวก็ไม่ต้องตามมา”
เห้อเหลียนฉีหัวเราะขำขัน “ทำไมรึ? จงใจนำข้าไป…ที่นั่น และวางกำลังซุ่มสังหารแม่ทัพผู้นี้อย่างนั้นรึ?”
เยี่ยนจิ่วเฉามองด้วยสายตาลึกซึ้ง “เจ้ากลัวแล้วหรือยัง?”
“ฮ่าๆๆ!” เห้อเหลียนฉีหัวเราะออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่ “แม้ที่นี่จะเป็นดินแดนต้าโจวของพวกเจ้า ทว่าเจ้าก็เป็นเพียงเด็กน้อยที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม จะเอาอันใดมาทำให้แม่ทัพผู้นี้หวาดกลัวได้?”
เห้อเหลียนฉีรู้ว่าคนผู้นี้กำลังใช้กลยุทธ์ปลุกปั่นเขา ที่ไม่สนใจก็เพราะต้องการกำจัดเขาเช่นกัน สถานที่ซึ่งห้อมล้อมไปด้วยสัตว์ร้าย หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นก็ไม่มีที่ใดสมเหตุสมผลมากไปกว่านี้แล้ว แม้จะมีผู้คนสงสัย เขาก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่ทำอย่างแนบเนียนพอ ก็ไม่มีผู้ใดหาหลักฐานเอาผิดได้
ในส่วนลึกของพื้นที่ล่าสัตว์มีสัตว์ร้ายอยู่นับสิบตัว ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ไม่มีผู้ใดล่าพวกมันได้ หากไม่มีอุบัติเหตุใดพวกมันก็น่าจะยังมีชีวิตอยู่ ทหารองครักษ์ได้เตือนพวกเขาก่อนที่จะเข้ามาในพื้นที่ล่าสัตว์ ว่าอย่าเข้าไปลึก
เยี่ยนจิ่วเฉาควบม้าราวกับรอบกายไม่มีผู้ใด
“สุนัขรับใช้สองตัวของเจ้าเล่า? หายไปแล้วรึว่ารออยู่ด้านใน?” เห้อเหลียนฉีเอ่ยด้วยท่าทางหยิ่งผยอง
เยี่ยนจิ่วเฉาหยุดชะงักและเอ่ยว่า “ผู้คนกล่าวกันว่า คนใกล้ตายมักเอ่ยแต่เรื่องดี ข้าคิดว่าคำเอ่ยเหล่านี้ไม่จำเป็น”
เห้อเหลียนฉีฟังแล้วไม่เข้าใจในตอนแรก ทว่าหลังจากขบคิดอยู่นาน ก็รู้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉากำลังสาปแช่งให้เขาตายอย่างอ้อมๆ เจ้าสารเลว กล้าสาปแช่งเขา! ผู้ใดจะอยู่ผู้ใดจะตายก็ยังหารู้ไม่!
เยี่ยนจิ่วเฉากับเห้อเหลียนฉีและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเข้าไปในป่าลึกที่เงียบสงบ และปกคลุมไปด้วยร่มเงา เสียงร้องของนกดังออกมาเป็นระยะ ฟังแล้วชวนให้รู้สึกขนพองสยองเกล้า
เห้อเหลียนฉีคลี่ยิ้ม “เจ้าหนู เจ้าคุกเข่าขอร้องข้ายามนี้ยังทันนะ”
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวอย่างไม่แยแส “แต่เจ้าขอร้องข้าไม่ทันแล้ว”
เห้อเหลียนฉีตกใจ
ทันใดนั้นเอง หน่วยกล้าตายสีเงินหกคนก็กระโดดลงมาจากท้องฟ้า ล้อมรอบเห้อเหลียนฉีและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาไว้ในชั่วพริบตา
ม้าทั้งสองตัวสัมผัสได้ถึงไอสังหารที่รุนแรง พลันแผดเสียงหวีดร้องด้วยความตกใจ
เห้อเหลียนฉีรีบร้อนทรงตัวบนอานม้า มองหน่วยกล้าตายด้วยสายตาเยียบเย็น พลันหรี่ตาอย่างระแวดระวัง “มิน่าละเจ้าถึงได้มั่นใจนัก…ทว่าแค่คนพวกนี้ก็คิดว่าจะฆ่าแม่ทัพผู้นี้ได้รึ อย่าไร้เดียงสาไปหน่อยเลย!”
เห้อเหลียนฉีไม่ได้เอ่ยเกินจริง แม้เขาจะสูญเสียกำลังภายในไปเกือบครึ่งหนึ่ง ทว่าวิทยายุทธ์ยังคงแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งสองฝ่ายฟาดฟันกันอย่างรุนแรง ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาถูกหน่วยกล้าตายสีเงินฟันไหล่จนสลบไป เห้อเหลียนฉีอาศัยวิทยายุทธ์ที่ล้ำลึก ต่อกรกับหน่วยกล้าตายทั้งหกคนได้อย่างสูสี
หน่วยกล้าตายสองคนประกบข้าง เห้อเหลียนฉีจับข้อมือของพวกเขาด้วยมือเปล่า ทันใดนั้นอิ่งสือซันก็ถือดาบเข้ามาหมายฟาดฟัน เขาผลักหน่วยกล้าตายไปรับดาบแทน ทว่าอิ่งสือซันก็ขว้างกริชไปทางต้นไม้ด้านหลังเขา มีดกริชชนกับต้นไม้ กระเด็นกลับมาแทงเข้าด้านหลังอย่างรวดเร็ว
เห้อเหลียนฉีคาดไม่ถึงว่าอิ่งสือซันจะมีอุบายร้ายกาจถึงเพียงนี้ กริชนั่นอาบยาพิษ ทันทีที่โดนความรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงก็แล่นเข้ามาในทันที
เห้อเหลียนฉีจ้องมองเยี่ยนจิ่วเฉาอย่างดุร้าย เจ้าเด็กนี่กล้าวางยาเขา? ไม่กลัวว่าจะมีผู้ใดล่วงรู้รึ?!
เขากดจุดตนเองเพื่อป้องกันไม่ให้พิษไหลเข้าสู่ร่างกาย หลังจากนั้นก็เขย่งปลายเท้าเล็กน้อย พลันหายวับไปจากสายตาของทุกคน
“คุณชาย เขาหนีไปแล้ว” อิ่งสือซันกล่าว
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวอย่างเฉยเมย “เช่นนั้นก็ตามไปสิ”
อิ่งสือซันไล่ตามไป
เห้อเหลียนฉีรู้สึกได้ว่ามีผู้ใดบางคนกำลังตามมา เขาพยายามสลัดให้หลุดอย่างไรก็ไม่อาจหลุดพ้น อิ่งสือซันไล่ประชิดเข้ามาเรื่อยๆ และกำลังจะตามทัน ทันใดนั้นเห้อเหลียนฉีก็มองเห็นกระท่อมร้างเล็กๆ แห่งหนึ่งอยู่ด้านหน้า
ดวงตาของเห้อเหลียนฉีทอประกาย พลันแวบกายเข้าไปในกระท่อม
ที่นี่เป็นสถานที่แวะพักสำหรับผู้มาล่าสัตว์ เนื่องจากมีภยันตรายมากมายอยู่รอบด้าน จึงไม่มีผู้ใดสามารถมาทำความสะอาดที่นี่ และยามนี้มันก็ถูกทิ้งร้างไปแล้ว
เห้อเหลียนฉีรีบปิดหน้าต่างอย่างแน่นหนา ยืนแอบอยู่ด้านหลังแผงประตูที่เต็มไปด้วยใยแมงมุม รอให้อิ่งสือซันเข้ามาและฆ่าเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว
ทว่าอิ่งสือซันคล้ายจะไม่เข้ามา และวิ่งตรงผ่านไปข้างหน้า
เห้อเหลียนฉีลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก นั่งพิงกายแนบกับกำแพง
เขาเคลื่อนย้ายลมปราณขับพิษออกจากร่างกาย กล่าวได้ว่าเขามีวิทยายุทธ์ที่แข็งแกร่งลึกล้ำไม่ธรรมดา ยอดฝีมือทั่วไปคงตายอย่างอเนจอนาถตั้งแต่ถูกพิษนี้ในช่วงแรก ทว่าเขาไม่เพียงยื้อไว้ได้ถึงยามนี้ ทว่ายังสามารถขับออกไปได้ทั้งหมด
ในท้ายที่สุดการบาดเจ็บครั้งใหม่และครั้งเก่าก็ทำให้เขาอ่อนกำลังลงเล็กน้อย ขณะนั้นอิ่งสือซันก็พบกระท่อม พลันวิ่งเข้ามาด้วยไอสังหารอันโหดเหี้ยม
เห้อเหลียนฉีรู้ว่าไม่อาจหลบซ่อนตัว เขาคว้าดาบเล่มยาวบนพื้น และแทงออกไปในจังหวะที่อิ่งสือซันพังประตูเข้ามา อิ่งสือซันหลบได้อย่างชาญฉลาด พลันสวนดาบแทงทะลุหัวใจอีกฝ่าย ซึ่งควรจะทำให้สิ้นใจตายในทันที ทว่าเห้อเหลียนฉีกลับแสยะยิ้มเย็นชาออกมา
เห้อเหลียนฉียื่นมือออกมา และใช้ฝ่ามือกระทุ้งหน้าอกของอิ่งสือซัน
อิ่งสือซันถูกฝ่ามือพลังภายในที่แข็งแกร่งผลักกระเด็นออกไป
หัวใจของคนธรรมดาอยู่ฝั่งซ้าย ทว่าของเห้อเหลียนฉีอยู่ฝั่งขวา มันคือความลับในหลายปีมานี้ที่ทำให้เขารอดพ้นจากการลอบสังหารมานับครั้งไม่ถ้วน
เขารู้ดีว่าการบาดเจ็บที่ได้รับนี้ มิใช่เพราะอิ่งสือซันเป็นคู่ปรับที่เก่งกาจ ทว่าเพราะเขาจงใจปล่อยให้อิ่งสือซันแทงเข้าที่หัวใจ ซึ่งจะทำให้อิ่งสือซันไม่ทันระวังตัว เผยช่องโหว่ให้เขาโจมตีประชิดร่าง
ผลเป็นดังคาด เขาทำสำเร็จ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]