พ่อครัวจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้ใดเป็นคนใส่? ทว่าอย่างไรก็ไม่ใช่เขา! ในครัวมีพ่อครัวทั้งหมดสี่คน คนรับใช้อีกแปดคน ผู้ถูกไต่ถามคือหัวหน้าพ่อครัว เขามั่นใจว่าทุกคนในครัวใจซื่อมือสะอาด ไม่มีวันทำเรื่องสกปรกเช่นนี้
เพียงแต่พวกเขาจะทำหรือไม่เป็นเรื่องหนึ่ง เหล่าเจ้านายจะเชื่อหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
พ่อครัวส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากซั่งกวนเยี่ยนที่อยู่ข้างๆ ฮูหยินผู้เฒ่าอายุมากแล้ว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องหลังบ้าน คนที่รับผิดชอบคือฮูหยินรอง พวกเขาหวังว่าฮูหยินรองจะเชื่อใจเขา
ซั่งกวนเยี่ยนเชื่อเขา แต่เกรงว่าฮูหยินใหญ่เซียวจะไม่เชื่อนาง
อารมณ์โมโหร้ายของพี่สะใภ้ผู้นี้ ซั่งกวนเยี่ยนรู้ดี จะว่าเลวร้ายมากก็ไม่ใช่ จะว่ารุนแรงก็ไม่เชิง นายท่านใหญ่เซียวมีนิสัยเกเรน่าผิดหวัง พี่สะใภ้ไปร้องไห้ที่ห้องแม่สามีแทบไม่เว้นวัน ฮูหยินผู้เฒ่าจะทำอย่างไรได้? เขาก็เป็นบุตรชายแท้ๆ ของนาง เริ่มแรกนางดูแลเขาได้ แต่ก็ไม่ได้เลี้ยงดูเขาให้เสียนิสัย นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่นางจะแต่งงานเข้ามา หลังจากแต่งงานก็เริ่มทำให้พี่สะใภ้ร้องไห้ นางบอกว่าซั่งกวนเยี่ยนเป็นน้องสะใภ้ที่ไม่เคารพพี่สะใภ้ กล่าวอย่างตรงไปตรงมา ฮูหยินใหญ่เซียวแค่ต้องการโยนหน้าที่ในการดูแลบ้านออกไป ซั่งกวนเยี่ยนอ่านความคิดของนางออก นางเป็นดูแลงานในเรือนมาหนึ่งปี และพบว่ามีข้อบกพร่องมากมาย ฮูหยินใหญ่เซียวจึงไม่ใช่สตรีที่ชอบงานบ้านงานเรือน
เมื่อพูดถึงรื่องเซียวเหยี่ยน นายท่านใหญ่เซียวพึ่งไม่ได้ ฮูหยินใหญ่เซียวในยามนี้สงบขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน ตอนที่นางยังสาว เมื่อนางโกรธนายท่านใหญ่เซียวก็มักจะระบายความโกรธกับเซียวเหยี่ยนในวัยเยาว์ น่าสงสารเด็กคนนั้นที่ยืนริมระเบียงในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บด้วยเสื้อผ้าตัวเดียว ฮูหยินใหญ่เซียวบอกว่าหากท่านไม่กลับมานางจะไม่สนใจเขา นายท่านใหญ่เซียวบอกว่าแล้วแต่เจ้า เขาหันหน้าแล้วเดินออกไปอย่างมีความสุข
เซียวเหยี่ยนตัวน้อยยืนอยู่ตรงนั้นครึ่งชั่วยาม คนรับใช้จะพาเข้ามา ทว่าฮูหยินใหญ่เซียวก็โมโห “ข้าจะดูว่าผู้ใดกล้าแตะเขา!”
สุดท้ายเซียวเจิ้นถิงก็รู้เรื่องและพาเซียวเหยี่ยนไปโดยไม่เอ่ยสิ่งใดสักคำ
เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อนานหลายปีแล้ว ด้วยอายุที่มากขึ้น ฮูหยินใหญ่เซียวก็รู้จักแยกแยะมากกว่าเมื่อก่อน ทว่าสิ่งเหล่านี้ ความรู้สึกไม่พอใจเหล่านี้ยังไม่จางหายไปจากก้นบึ้งของหัวใจง่ายๆ เช่นการตายของเซียวเหยี่ยน เช่นอคติต่อสตรีหม้ายที่แต่งงานครั้งที่สอง
สายตาของฮูหยินใหญ่เซียวกวาดมองซั่งกวนเยี่ยน “เจ้าดูสิว่าฮูหยินรองทำสิ่งใด? หรือว่าเรื่องนี้มีสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับนาง?”
“พี่สะใภ้!” สีหน้าของเซียวเจิ้นถิงเคร่งเครียด
แม้ฮูหยินใหญ่เซียวไม่เคยทำสิ่งใดที่ทำร้ายซั่งกวนเยี่ยน ทว่านางก็มีอคติต่อซั่งกวนเยี่ยนอย่างมาก เมื่อเจอเรื่องไม่ดี นางจะเป็นคนแรกที่คิดว่าเป็นฝีมือซั่งกวนเยี่ยน
ซั่งกวนเยี่ยนเป็นนางมารร้ายในปากของคนทั่วหล้า ผู้คนไม่น้อยที่เอาแต่โทษนาง ไม่เว้นแม้กระทั่งฮูหยินใหญ่เซียว ซั่งกวนเยี่ยนกดมือของเซียวเจิ้นถิง และให้เขาออกไปด้านข้าง เซียวเจิ้นถิงก็เดินไปด้านข้างอย่างเชื่อฟัง
ซั่งกวนเยี่ยนมองฮูหยินใหญ่เซียวและเอ่ยว่า “พี่สะใภ้ ข้าจะใส่ผงสลอดให้พี่ใหญ่ด้วยเหตุใด?”
นางรู้จักสลอด หากกินสุ่มสี่สุ่มห้าอาจทำให้ท้องเสียได้ เซียวเหยี่ยนยามเป็นเด็กผู้โง่เขลา ไม่ระวังคิดว่าสลอดเป็นถั่วลิสง กินไปหลายเม็ดจนนางกลัวแทบตาย นับแต่นั้นสลอดก็ไม่เคยมีอยู่ในบ้านของนางอีกเลย
ไม่ต้องบอกว่านางไม่มีเหตุผลที่จะทำร้ายพี่ใหญ่ ถึงแม้จะมี แต่นางจะไปเอาสลอดสองสามชิ้นมาจากที่ใด?
ไม่สิ ท่านหมอบอกว่าน่าจะเป็นผงสลอด? ของแบบนั้นนางยังไม่เคยเห็นเลย
ฮูหยินใหญ่เซียวอ้ำอึ้งกับคำถาม จริงสิ นางจะทำร้ายนายท่านใหญ่เซียวด้วยเหตุใด? นายท่านใหญ่เซียวเป็นเพียงคนเกียจคร้านที่อยู่ในจวนคนหนึ่งเท่านั้น หนึ่ง เขาไม่ได้ระรานบ้านรอง สอง เขาไม่ได้แทรกแซงการตัดสินใจของบ้านรอง หากจะบอกว่ามีสิ่งใดที่ไม่ถูกใจบ้านรอง ก็คงมีแต่ความเจ้าชู้ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายของเขา ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้จัดการตั้งแต่วันแรก ช่วงแรกไม่จัดการ ช่วงหลังก็ไม่จัดการ แล้วจะมาจัดการช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้หรือ?
ฮูหยินใหญ่เซียวเริ่มหวั่นไหว เมิ่งอี๋เหนียงที่อยู่ด้านข้างก็เริ่มตื่นตระหนก เดิมทีฮูหยินใหญ่ก็ไม่ชอบนางสองแม่ลูกอยู่แล้ว หากนางรู้ว่านางทำให้นายท่านใหญ่ได้รับอันตรายโดยไม่ได้ตั้งใจ จะไม่ถลกหนักของนางเลยหรือ? ในเมื่อฮูหยินใหญ่สงสัยซั่งกวนเยี่ยน เช่นนั้นก็ให้นางสงสัยต่อไป!
เมิ่งอี๋เหนียงกล่าว “ฮูหยินรอง ไม่ว่าท่านจะขัดตาบ้านใหญ่อย่างไร ก็ไม่ควรมาลงกับนายท่านมิใช่หรือ?”
ซั่งกวนเยี่ยนกล่าวอย่างเย็นชา “ข้ากับฮูหยินคุยกัน ถึงคราที่เจ้าต้องเอ่ยปากแล้วรึ?”
เมิ่งอี๋เหนียงรวบรวมความกล้ายืดตัวขึ้น “ฮูหยินรอง ถึงแม้ท่านจะไม่ชอบ ทว่าข้าก็จำต้องเอ่ย!”
ซั่งกวนเยี่ยนคลี่ยิ้มแผ่วเบา “ได้ เจ้าอยากเอ่ย ข้าฮูหยินผู้นี้ก็จะให้เจ้าเอ่ยจนพอใจ เจ้าบอกว่าข้าไม่ชอบบ้านใหญ่ เช่นนั้นเหตุใดข้าต้องใส่ผงสลอดให้นายท่านใหญ่กับพวกเจ้าสองแม่ลูก แล้วไม่ได้ใส่ให้ฮูหยินใหญ่สองแม่ลูก?”
ซั่งกวนเยี่ยนเอ่ยอย่างไม่รีบร้อน “เช่นนั้น ใบมันเทศเป็นสิ่งที่คุณหนูรองสั่งพ่อครัวให้ทำ?”
“ขอรับ” พ่อครัวพยักหน้า
ซั่งกวนเยี่ยนกล่าวอย่างเฉยเมย “เดิมทีนายท่านใหญ่เซียวจะไปรับประทานอาหารที่เรือนของฮูหยินใหญ่ ทว่าเปลี่ยนเป็นเรือนของเมิ่งอี๋เหนียงกะทันหัน ผู้ติดตามจึงยกอาหารจากห้องครัวออกไปโดยไม่ฟังคำค้านของพวกเจ้า และหนึ่งในนั้นก็มีใบมันเทศที่เพิ่งผัดเสร็จรวมอยู่ด้วย?”
พ่อครัวรีบเอ่ย “ใช่ขอรับ อาหารของบ้านใหญ่ยังเตรียมไม่เสร็จ ฮูหยินใหญ่กำชับมา ว่าให้ทำให้คุณหนูรองก่อน จึงค่อยทำให้บ้านใหญ่”
ซั่งกวนเยี่ยนลูบผ้าเช็ดหน้าในมือ “ข้าจะเข้าใจเช่นนี้ได้หรือไม่ หากผู้ติดตามของนายท่านไม่นำอาหารไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ใบมันเทศที่ใส่สลอดจานนั้นก็จะถูกยกขึ้นโต๊ะของห้องปี้สยา?”
เมิ่งอี๋เหนียงคิ้วกระตุก!
ฮูหยินใหญ่เซียวมีสีหน้าอึ้งไป
ซั่งกวนเยี่ยนหันไปมองฮูหยินใหญ่เซียว “พี่สะใภ้ ข้าว่าแม้จะเป็นเทพเซียน ก็ยังคาดไม่ถึงว่าพี่ใหญ่จะไปแย่งอาหารมาจากห้องครัว”
ซั่งกวนเยี่ยนไม่จำเป็นต้องเอ่ย ฮูหยินใหญ่เซียวก็คิดได้แล้ว อาหารจานนี้มีไว้สำหรับเหล่าสตรีที่ห้องปี้สยา และสะใภ้ของซั่งกวนเยี่ยนก็อยู่ที่นั่น ต่อให้ซั่งกวนเยี่ยนเป็นบ้าสติฟั่นเฟือนก็ยังไม่ถึงกับกล้าลงมือกับสะใภ้ แล้วใครๆ ก็เห็นว่าซั่งกวนเยี่ยนพึงพอใจกับสะใภ้ของนางยิ่งนัก
หากไม่ใช่ซั่งกวนเยี่ยน ก็เหลือแต่นางคนนี้!
……………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]