เมื่ออวี๋หวั่นเข้ามาใกล้ นางจึงนึกออกในที่สุด นางรู้สึกโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก หัวใจที่แทบจะหลุดออกมาก็กลับไปที่เดิม นางมองเจียงไห่ แล้วก็มองไปที่อวี๋หวั่น “เป็นคนของเจ้าเองหรอกหรือ…”
“เขาเป็นสารถีของข้า ชื่อเจียงไห่” อวี๋หวั่นแนะนำเขาให้นางรู้จัก
เจียงไห่ยกมือคำนับ “ข้าฮูหยินเหยา”
ฮูหยินเหยาไม่เคยพบเจียงไห่ แต่นางรู้สึกว่าการเตะต่อยของเขาร้ายกาจกว่าองครักษ์เสียอีก ดูไม่เหมือนสารถีรถม้าแม้แต่น้อย
ฮูหยินเหยาพยักหน้าอย่างสุภาพ
อวี๋หวั่นกล่าวกับเจียงไห่ “เจ้าไปรายงานต่อทางการและให้บอกฝูหลิงมาที่นี่”
“ขอรับ” เจียงไห่หันตัวเดินกลับไป
หลังจากนั้นไม่นานฝูหลิงก็เดินมา และอุ้มสาวรับใช้ที่หมดสติอยู่ที่พื้นขึ้นมา
เมื่อเห็นสาวรับใช้ร่างสูงใหญ่กำยำ ฮูหยินเหยาก็ตกตะลึง สารถีที่ไม่เหมือนสารถีก็ว่ามากแล้ว เหตุใดแม้กระทั่งสาวใช้ก็ยังไม่เหมือนสาวใช้อีก? รสนิยมของพระชายาซื่อจื่อผู้นี้…ช่าง…ไม่เหมือนผู้ใดจริงๆ…
รถม้าของฮูหยินเหยาจอดอยู่ใกล้ๆ ทว่าตอนนี้นางยังไม่อยากขึ้นรถม้า นางอยากสงบอารมณ์อีกสักพัก
อวี๋หวั่นจับชีพจรของสาวใช้ ไม่มีสิ่งใดต้องกังวล จึงสั่งให้ฝูหลิงอุ้มสาวรับใช้กลับไปที่รถม้าของฮูหยินเหยา ส่วนตนกับฮูหยินเหยาจะไปที่ร้านน้ำชาใกล้ๆ
ฮูหยินเหยายังเสียขวัญ นางดื่มชาสมุนไพรไปสามถ้วยในรวดเดียว จากนั้นจิตใจของนางจึงค่อยๆ สงบลง “วันนี้ขอบคุณเจ้ามาก หากไม่ได้เจ้าช่วยไว้ ข้าคงต้องโชคร้ายกว่านี้”
เงินทองหายไปยังไม่สำคัญ กลัวก็แต่พวกมันจะฆ่าชิงทรัพย์มากกว่า
คนพวกนั้นล้วนเป็นพวกใจกล้าบ้าบิ่น ไม่สนใจชีวิต ไร้ความปรานี พวกเขาจะกระทำเรื่องเลวร้ายหรือไม่ ก็ไม่มีผู้ใดรับประกันได้
อวี๋หวั่นยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ฮูหยินเหยา “คราหน้าฮูหยินออกมาข้างนอกก็พาคนมาเยอะสักหน่อย”
“อืม” ฮูหยินเหยารับผ้าเช็ดหน้ามาพลางถอนหายใจ “ข้าอาศัยอยู่ในเมืองหลวงมาหลายปี แต่ก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ทั้งที่อยู่ในเมืองหลวง กลางวันแสกๆ ยังมีคนกล้ากระทำเช่นนี้…”
“ฮูหยินไปที่นั่นด้วยเหตุใด?” อวี๋หวั่นถาม
ฮูหยินเหยากล่าวด้วยความหวาดกลัว “ข้าคิดว่าจะไปเลือกเครื่องประดับสักสองสามชุดให้สะใภ้ที่ยังไม่เคยผ่านพิธี ด้วยอากาศร้อนที่ร้อนจัด บนถนนก็แดดแรง ข้าจึงไปทางซอยนั้น แต่ไหนเลยจะรู้ว่าต้องมาพบกับคนกลุ่มนั้น หากรู้แต่แรกข้าก็คงไปตามถนนใหญ่เสียดีกว่า”
หลังจากซับเหงื่อ ฮูหยินเหยาก็กลับมารู้สึกตัวว่านั่นคือผ้าเช็ดหน้าของอวี๋หวั่น จึงรีบร้อนเอ่ย “ขอบคุณมาก”
อวี๋หวั่นโค้งมุมปาก “อย่าได้เกรงใจเลยเจ้าค่ะ”
เธอเคยติดต่อกับฮูหยินเหยาอยู่หลายครั้ง ฮูหยินเหยาเป็นคนดีมาก ไม่เช่นนั้นนางก็คงไม่กลายมาเป็นสหายเพียงคนเดียวในเมืองหลวงของซั่งกวนเยี่ยน
“จริงสิ มัวแต่ห่วงเรื่องของข้า เจ้าล่ะไยถึงได้ไปทางนั้น?” ยามนี้ฮูหยินเหยาจิตใจสงบลงมากแล้ว การสนทนาจึงเริ่มเปิดกว้างมากขึ้น
อวี๋หวั่นกล่าวว่า “ข้าเพิ่งกลับจากจวนสกุลเซียว และต้องการเลี่ยงทางหลักไปใช้ถนนในร่ม จึงเดินทางผ่านตรอกนั้น”
“อ๋า ไปจวนสกุลเซียวมาหรือ?” ฮูหยินเหยาแปลกใจ “เจ้าไปที่นั่นคนเดียวหรือ?”
ข้าพาเจียงไห่กับฝูหลิงไปด้วย แต่เห็นได้ชัดว่า ‘คน’ ในคำพูดของฮูหยินเหยาไม่ได้หมายถึงผู้ใต้บังคับบัญชา
อวี๋หวั่นได้แต่หัวเราะ
ฮูหยินเหยาตกตะลึง “ซื่อจื่อยอมให้เจ้าไปหรือ?”
อวี๋หวั่นยังไม่ทันจะเอ่ยตอบ ฮูหยินเหยาก็คลี่ยิ้มอย่างพอใจ “ก็ควรเป็นเช่นนี้นานแล้ว หลายปีที่ผ่านมามันไม่ง่ายเลยสำหรับจื่อจวิน พวกเขาสองคนปฏิบัติต่อซื่อจื่อด้วยความจริงใจเสมอมา”
จื่อจวิน คำเรียกของซั่งกวนเยี่ยน
อวี๋หวั่นเข้าใจว่าเซียวเจิ้นถิงกับซั่งกวนเยี่ยนทำดีต่อเยี่ยนจิ่วเฉาอย่างจริงใจ ทว่าเธอก็ไม่อาจพูดแทนสามีได้ เธอไม่เคยประสบกับสิ่งที่เขาเคยประสบมา ไม่อาจบอกให้เขาลืมเลือนมันไปหรือยอมรับมันได้
หากกล่าวตามตรง เขาเป็นคน หาใช่ท่อนไม้ ไม่ใช่เพียงเพราะมันเป็นสิ่งที่ถูกเขาก็ต้องทำเช่นนั้น เขามีหัวใจ มีความรู้สึก และมีความเจ็บปวดในวัยเด็กที่ไม่สามารถลบออกไปได้
“อันที่จริง…” ฮูหยินเหยายกถ้วยขึ้นถือ ทันใดนั้นอารมณ์ในน้ำเสียงของนางก็ลดต่ำลง
อวี๋หวั่นดึงสติกลับมาและมองไปที่นางอย่างงวยงง “ฮูหยินเหยาต้องการบอกอันใดกับข้าหรือ?”
“เรื่องนี้ค้างคาอยู่ในใจข้ามานานแล้ว ข้าไม่ได้บอกผู้ใด กระทั่งจื่อจวินข้าก็เก็บเป็นความลับ…” ฮูหยินเหยาไม่ควรบอกอวี๋หวั่น แต่วันนี้นางตกใจกลัวมากเกินไป และอวี๋หวั่นก็มาช่วยนางไว้ ในที่สุดความลับในใจของนางก็ไม่อาจปกปิดไว้ได้อีกต่อไป
นางกล่าวว่า “สามีของข้าเข้ารับตำแหน่งอยู่ที่เมืองเยี่ยน ช่วงหนึ่งข้าเคยอาศัยอยู่กับเขาที่จวนเยี่ยนอ๋องในเมืองเยี่ยนมานานกว่าครึ่งปี”
อวี๋หวั่นนั่งฟังอย่างสงบเงียบ
ฮูหยินเหยาจิบน้ำชาแล้วกล่าวต่อ “ยามนั้นซื่อจื่ออายุเจ็ดขวบ ว่ากันว่าตอนนั้นเขาเริ่มป่วยแล้ว ไม่ค่อยอยากกินสิ่งใด อารมณ์ก็ไม่ดี ลูกชายของข้าดื้อรั้น กลัวมีปัญหากับเขาจึงไม่กล้าเข้าไปรบกวน แค่พบกันเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
ครั้งหนึ่งข้าอยู่ที่ถนนและได้พบเด็กคนหนึ่งที่ดูเหมือนเขามาก ทว่าอายุน้อยกว่าเขาไม่กี่ปี ยามนั้นข้าไม่ได้เก็บมาใส่ใจ โลกกว้างออกเพียงนี้ หากจะพบคนที่หน้าตาเหมือนกันก็คงไม่แปลก จนกระทั่ง…ข้าได้พบเด็กผู้นั้นอีกครั้ง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]