หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 167

กลุ่มคนมิได้หยุดลงด้วยปัญหาเล็กๆ ในจุดนี้ และยังคงเดินหน้าต่อไป

ฮ่องเต้จิตใจกตัญญูรู้คุณ เดินแบกความร้อนแห่งคิมหันตฤดูไปอย่างไม่ย่อท้อ ทว่าเขาแบกรับความร้อนแรงไว้ ฮองเฮาไม่ยอมแสดงความอ่อนแอ และยังคงฮึดสู้ต่อไป

อวี๋หวั่นทำงานหนักมาตลอดทั้งปี การปีนเขาไม่ใช่เรื่องใหญ่ เธอเป็นคนที่เดินด้วยสีหน้าปรกติที่สุดในบรรดาสมาชิกครอบครัวที่เป็นสตรี

ทว่าคนส่วนใหญ่มิได้มีใจหรือร่างกายเช่นพวกเขา จำนวนคนที่เป็นลมแดดมีมากขึ้นเรื่อยๆ ยาของหมอหลวงก็เริ่มไม่เพียงพอ ขณะที่ฮ่องเต้กำลังคิดว่าจะหยุดพักก่อนดีหรือไม่ ข้าราชบริพารที่ทนไม่ไหวเหล่านั้นก็ยืนขึ้นอย่างเข้มแข็ง

ดูท่าทางไม่มีปัญหาอะไร

ฮ่องเต้ก็มิได้ตรัสถามสิ่งใดต่อ แรงของเขาก็เริ่มมีไม่มากแล้ว สนใจการปีนต่อไปเถิด

ในที่สุดก็มาถึงวัดต้าเจว๋ ฮ่องเต้รู้สึกว่าวิญญาณครึ่งหนึ่งหลุดออกจากร่าง หากมิใช่เพราะอยู่ต่อหน้านางสนมและขุนนางมากมาย เขาก็คงเป็นอัมพาตอยู่ตรงนี้แล้ว

ที่ทำให้ผู้คนประหลาดใจคือองค์หญิงจิ่ว เด็กคนนี้เดินขึ้นเขามาถึงครึ่งทางแรก ส่วนครึ่งทางหลังฝูหลิงเป็นคนแบกนางขึ้นมา

ฮองเฮาเหนื่อยล้ายิ่งนัก ทว่านางเป็นมารดาแผ่นดิน มิอาจมีผู้ใดมาแบกขึ้นหลังได้ แน่นอนว่านางโชคดีที่กฎถูกเปลี่ยนแปลงไปในราชวงศ์นี้ ว่ากันว่าในราชวงศ์ก่อน การขึ้นเขาเดินทางไปวัดต้าเจว๋ต้องคุกเข่าลงทุกหนึ่งก้าว เพื่อเป็นการแสดงถึงความจริงใจ

เหล่านางสนมและขุนนางทยอยมาถึงทีละคน

“ขอบพระทัยเฉิงอ๋อง”

“ขอบพระทัยเฉิงอ๋องยิ่งนัก”

“ใช่ ไม่เช่นนั้นพวกเราคงสลบไปตั้งแต่ครึ่งทางเสียแล้ว ยาดีกว่าของหมอหลวงมากนัก”

ห่างไปไม่ไกล เฉิงอ๋องถูกห้อมล้อมไปด้วยขุนนางมากมาย

เฉิงอ๋องยิ้มอย่างสุภาพ “ไม่ต้องขอบคุณข้า ยามิได้มาจากจวนของข้า ข้าแค่ยืมดอกไม้ถวายพระ[1]เท่านั้น”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ทุกคนก็ตกตะลึง พวกเขาเดินมาครึ่งทาง เป็นลมแดดจนแทบสลบ คนรับใช้ของเฉิงอ๋องก็นำยาเม็ดมาให้พวกเขา ยานั้นก็ไม่รู้ว่าทำจากสิ่งใด เพียงกินไปเม็ดหนึ่ง ก็รู้สึกว่าร่างกายเย็นลง แม้ครึ่งทางหลังจะปีนขึ้นมาตลอดไม่หยุดพัก ทว่ากลับไม่มีอาการเป็นลมแดดเลยแม้แต่น้อย

เฉิงอ๋องยิ้มและเอ่ยว่า “เป็นยาที่ข้านำมาจากท่านพี่สะใภ้ ข้าก็กินไปเม็ดหนึ่ง และรู้สึกดีขึ้น ดังนั้นข้าจึงนำมาให้ใต้เท้า”

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ ก็หน้าแดงไปตามๆ กัน ในคราแรกที่เริ่มขึ้นเขา พระชายาซื่อจื่อก็นำยามาให้พวกเขา ทว่าพวกเขารังเกียจไม่ยอมรับ แล้วยามนี้กลับเอ่ยชมยาของพระชายาซื่อจื่อ มิใช่การตบปากตนเองหรอกหรือ?

หากไม่ใช่เพราะความซื่อสัตย์เสมอต้นเสมอปลายของเฉิงอ๋อง พวกเขาก็เกือบคิดว่าเฉิงอ๋องจงใจออกหน้าแทนพระชายาซื่อจื่อ

“หากพวกท่านอยากขอบคุณ ก็ไปขอบคุณพระชายาซื่อจื่อเถิด” เฉิงอ๋องคลี่ยิ้มกล่าวอย่างไร้พิษสง

กินก็กินแล้ว ชื่นชมก็ชื่นชมแล้ว หากมิได้ไปกล่าวขอบคุณต่อหน้าด้วยตนเองก็ดูไม่สมเหตุสมผลเกินไป

อวี๋หวั่นที่กำลังถักเปียให้องค์หญิงจิ่วมองเห็นกลุ่มคนมากมายที่ไม่ต้องการยาของตนเดินเข้ามา และกล้ำกลืนกล่าวคำขอบคุณเธอ

เดิมทีคิดว่าอวี๋หวั่นจะใช้โอกาสนี้เยาะเย้ยพวกเขากลับ ทว่าอวี๋หวั่นเพียงพยักหน้าเบาๆ เท่านั้น “ใต้เท้าทั้งหลายไม่เป็นไรก็นับว่าดีแล้ว”

ทุกคนมองหน้ากัน ยามโดนดูถูกดูแคลนไม่โกรธเคือง ยามได้เชิดหน้าชูตาไม่หยิ่งผยอง อารมณ์สงบเยือกเย็นเช่นนี้ ช่างไม่เหมือนกับสตรีในชนบท วีรบุรุษไม่ถามหาที่มา เกิดเป็นสตรีมิได้เป็นรองบุรุษ

นาทีนี้ทุกคนต่างมองอวี๋หวั่นด้วยสายตาแห่งความชื่นชม

มิใช่เพราะยาที่ดีของเธอ หากแต่เป็นเพราะบุคลิกลักษณะนิสัยที่แท้จริงของเธอมากกว่า

อย่าบอกว่าเธอเป็นเพียงสตรีอายุสิบแปดที่แต่งงานแล้ว แม้แต่คนชราที่คลุกคลีอยู่กับวงชนชั้นราชการมานานหลายปีก็ยังไม่อาจมีจิตใจไม่ยินดีในวัตถุ ไม่ทุกข์ในเรื่องของตนเองได้เช่นเธอ

ครานี้แม้กระทั่งข้าราชการบุ๋นบู๊ก็ต่างออกไปเคลื่อนไหว โดยปกติไม่เพียงเพื่อถวายตะเกียงสว่างนิรันดร์กาลแด่ไทเฮาเท่านั้น เจ้าอาวาสวัดต้าเจว๋ก็ได้เริ่มพิธี ฮ่องเต้พร้อมกับเหล่าขุนนางก็ขึ้นมาด้านหน้าเพื่อฟังกถามรรคเทศนา

เจ้าอาวาสเข้ามาอยู่ที่วัดต้าเจว๋ตั้งแต่อายุสี่ขวบ กระทั่งถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาหกสิบปี เขาได้บำเพ็ญตบะสำเร็จมานานแล้ว ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้า แม้แต่ฮ่องเต้ยังต้องปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพเป็นอย่างสูง

เจ้าอาวาสในชุดจีวรนำกลุ่มภิกษุไปต้อนรับฮ่องเต้ ใบหน้าของฮ่องเต้หาได้มีความเย่อหยิ่งทระนงตน กลับยังนมัสการเจ้าอาวาสเยี่ยงผู้เคร่งศาสนา

ฮ่องเต้ให้บุตรชายที่โตแล้วเข้าเยี่ยมนมัสการเจ้าอาวาส เป็นที่น่าสังเกตว่าเยี่ยนไหวจิ่งยังคงไม่มาเข้าร่วมงาน ว่ากันว่าเขายังรักษาตัวอยู่ที่จวน เขากำลังรักษาตัวจริงๆ หรือว่ารู้สึกหดหู่ใจ ก็ไม่อาจทราบได้

หลังจากเข้าเยี่ยมนมัสการ ภิกษุรูปหนึ่งก็พาฝูงชนไปที่ห้องพักรับรอง

ห้องพักรับรองของฮ่องเต้และภรรยาน้อยใหญ่อยู่ในพื้นที่ที่แยกออกมาต่างหาก บรรดาขุนนางบุ๋นบู๊และองค์ชายกระจายกันอยู่ในลานที่เหลือ การเดินทางครั้งนี้ เหล่าองค์ชายและขุนนางมิได้นำสตรีมาด้วย ส่วนอวี๋หวั่น เธอเป็นตัวแทนความกตัญญูของเยี่ยนจิ่วเฉา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]