หวั่นเจาอี๋เก็บพุทรากลับมา
เซียวเจิ้นถิงมองทิศที่กลุ่มองค์หญิงจิ่วจากไป ก่อนจะเอ่ยกับหวั่นเจาอี๋ “หากพระสนมหวั่นเจาอี๋ไม่มีสิ่งใดแล้ว…”
หวั่นเจาอี๋ถอนหายใจขัดจังหวะเขา “ข้าพลัดหลงกับหญิงรับใช้หวัง รบกวนพี่ใหญ่เซียวไปส่งข้าสักหน่อยได้หรือไม่?”
เซียวเจิ้นถิงมีสีหน้าตะลึงงัน
หวั่นเจาอี๋กล่าวอย่างละอายใจเล็กน้อย “ข้าได้ยินภิกษุบอกว่าด้านหลังมีสวนที่ปลูกผลไม้อยู่มากมาย แต่ไหนเลยจะรู้ว่าในสวนมีผลไม้น้อยยิ่งนัก ข้ากับหญิงรับใช้จึงเข้ามาเดินเล่นในป่า ไม่รู้ว่าพลัดหลงกันได้อย่างไร ข้าเดินหาทางกลับมาหนึ่งเค่อแล้ว ทว่าก็หาไม่พบเสียที”
ระยะทางจากตรงนี้ไปถึงสวนหลังวัดต้าเจว๋จะว่าไกลก็ไม่ไกล แต่จะว่าใกล้ก็ไม่ใกล้ แม้ว่าจะไม่เจอกับจิ้งจอก หมาป่า เสือและเสือดำ ทว่าก็ยังมีแมลงและงูพิษมากมาย อวี๋หวั่นมีประสบการณ์และรู้วิธีหลีกเลี่ยง ทว่าหวั่นเจาอี๋ไม่มีความสามารถถึงเพียงนั้น
เซียวเจิ้นถิงยกมือขึ้นคำนับ “พระสนมโปรดอภัย ภรรยาและสะใภ้ของกระหม่อมอยู่ด้านหน้า กระหม่อมไม่อาจละทิ้งพวกนางได้ หากพระสนมไม่รังเกียจ โปรดไปตามหาพวกนางกับกระหม่อมสักหน่อย แล้วกระหม่อมจะไปส่งพระสนมกลับห้องพ่ะย่ะค่ะ”
หวั่นเจาอี๋เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เผยยิ้มและเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ดี”
เซียวเจิ้นถิงหันหน้าเดินไปยังทิศที่กลุ่มองค์หญิงจิ่วอยู่ ฟ้าก็ช่างไม่เป็นใจ เมื่อเดินไปได้เพียงครึ่งทางก็เกิดฟ้าแลบฟ้าร้อง พื้นดินสั่นสะเทือนราวกับจะแยกภูเขาออกเป็นสองส่วน หลังจากนั้นท้องฟ้าก็เปิด และเกิดฝนตกหนักซู่ลงมา
เซียวเจิ้นถิงต้องการเร่งฝีเท้า แต่ทันใดนั้นหวั่นเจาอี๋ก็ร้องออกมา ขาของนางตกลงไปในบ่อโคลน
“พระสนม!” เซียวเจิ้นถิงหยุดชะงัก
หวั่นเจาอี๋ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดหนทาง และเอ่ยด้วยความเจ็บปวด “ข้อเท้าของข้าเคล็ด”
ข้อเท้าของนางเคล็ดจริงๆ นางรู้สึกเจ็บปวดข้อเท้าขวายิ่งนัก
ฝนตกหนัก ฟ้าร้องฟ้าผ่า หวั่นเจาอี๋ก็หลั่งน้ำตาด้วยความเจ็บปวด
เซียวเจิ้นถิงคิ้วมุ่นขมวด “ท่านยืนไหวหรือไม่?”
หวั่นเจาอี๋ส่ายหัวอย่างเจ็บปวด “ข้าไม่รู้”
เซียวเจิ้นถิงมองไปรอบๆ “มีกระท่อมเล็กๆ อยู่ตรงนั้น กระหม่อมจะพยุงพระสนมไป”
หวั่นเจาอี๋พยักหน้า
เซียวเจิ้นถิงกำหมัด “กระหม่อมล่วงเกินแล้ว!”
สิ้นเสียง เขาก็ประคองร่างของหวั่นเจาอี๋ขึ้นมา
เท้าขวาของหวั่นเจาอี๋ไม่สามารถรับแรงใดๆ ได้แม้แต่น้อย คนทั้งคนเกือบต้องพิงกับแขนของเซียวเจิ้นถิง เซียวเจิ้นถิงซื่อตรง กระทั่งลมหายใจก็ไม่ติดขัดแม้แต่น้อย
หลังจากช่วยหวั่นเจาอี๋เข้าไปในกระท่อมหลังเล็กๆ ที่ถูกทิ้งร้างได้ เซียวเจิ้นถิงก็วางตะกร้าลง “กระหม่อมจะไปตามหาภรรยาก่อน แล้วอีกครู่หนึ่งจะพาพระสนมกลับไป”
หวั่นเจาอี๋นั่งบนเก้าอี้เย็นๆ มองท้องฟ้าที่มืดสว่างสลับกัน พลางเอ่ยด้วยความวิตกกังวล “ด้านนอกฟ้าร้องฝนตกหนักอันตราย ท่านรออีกสักพักแล้วค่อยไปเถิด”
เซียวเจิ้นถิงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ภรรยาและสะใภ้ของกระหม่อมยังอยู่ด้านนอก อีกทั้งองค์หญิงจิ่วก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน”
หวั่นเจาอี๋เป็นพระสนมของฮ่องเต้ ทว่าองค์หญิงจิ่วเป็นธิดา หากเทียบบรรดาศักดิ์ เจาอี๋ไม่อาจเทียบกับองค์หญิงจิ่วได้ แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดก็คือในใจของบุรุษผู้นี้ มีเพียงซั่งกวนเยี่ยนและบุตรชายกับสะใภ้ของนางเท่านั้น
แววตาของหวั่นเจาอี๋หม่นลง
“หากพระสนมหิว โปรดกินพุทราประทังความหิวไปก่อนพ่ะย่ะค่ะ” เซียวเจิ้นถิงวางตะกร้าพุทราเขียวไว้บนโต๊ะ แล้วหันตัวเดินออกไปจากประตู
ตลอดชีวิตนี้ของนาง นี่อาจเป็นโอกาสเดียวของนาง ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางรอวันนี้มานานเพียงใด และไม่มีผู้ใดรู้ว่านางมีอนาคตอีกหรือไม่…
อารมณ์นับพันฉายผ่านดวงตาของหวั่นเจาอี๋ ขณะที่เซียวเจิ้นถิงกำลังจะผลักประตูออกไป นางก็ไม่สนใจความเจ็บปวดที่เท้า พลันลุกขึ้นวิ่งเข้าโผกอดเขาจากด้านหลัง!
ร่างกายของเซียวเจิ้นถิงแข็งทื่อ
เกือบเป็นเวลาเดียวกัน ประตูบานนั้นก็ถูกเปิดออก ทว่าเซียวเจิ้นถิงไม่ใช่ผู้ที่เปิด กลับเป็นกลุ่มของอวี๋หวั่นที่ทั้งตัวเปียกปอนเพราะเจอฝนตกหนัก จึงวิ่งกลับมาหลบฝนที่กระท่อมเล็กหลังนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]