หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 17

อิ่งลิ่วมองไปยังเยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งกำลังหลับตาทำสมาธิ เขายิ้ม แล้วบอกว่า “วางใจเถิดขอรับ คุณชายจัดการแล้ว! พวกเขาเพียงแต่มาช่วยขุดเหมือง แร่ที่ขุดออกมาล้วนเป็นของสกุลอวี๋ แต่แน่นอนว่าไม่ได้ใช้แรงของพวกเขาโดยไม่จ่ายค่าแรงนะขอรับ!”

ค่าแรงเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องจ่าย ต่อให้พวกเขาไปเชิญช่างมาที่นี่ พวกเขาก็ต้องจ่ายเงินอยู่ดี ช่างฝีมือดีที่สุดในต้าโจวล้วนอยู่ในราชสำนัก จ้างพวกเขานับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว

กลับหมู่บ้านเหลียนฮวาครั้งนี้ อวี๋หวั่นให้อิ่งสือซันนำข่าวไปส่งก่อน แต่ที่ก่อนหน้านี้เธอไม่บอกเยี่ยนอ๋องล่วงหน้า ก็เพื่อไม่ให้เยี่ยนอ๋องรู้สึกกังวล อีกทั้งเขาจะได้รู้สึกดีใจด้วยความตื่นเต้น ทว่ากับบ้านสกุลอวี๋ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น

แน่นอนว่าเยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้รังเกียจรังงอน แต่เธอก็เดาว่าสกุลอวี๋อาจตกใจจนทำอะไรไม่ถูก และกังวลว่าพวกเขาจะไม่สามารถต้อนรับเขยซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์อย่างเยี่ยนจิ่วเฉาได้อย่างเหมาะสม

ความจริงก็เป็นเช่นนั้น พวกเขาได้ข่าวนี้แต่เช้าตรู่เมื่อวาน พวกเขาทำอะไรไม่ถูกตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

อะไรนะ? อาหวั่นจะพาหลานเขยมาหรือ? เรื่องสำคัญเช่นนี้ทำไมไม่บอกล่วงหน้า?! ตอนนี้เหลือเวลาอีกวันเดียว พวกเขาจะเตรียมตัวทันได้อย่างไรเล่า!

คนสกุลอวี๋เริ่มเตรียมข้าวของจนมือไม้เป็นพัลวัน!

พวกเขาทำความสะอาดเรือนทั้งด้านนอกด้านใน นอกจากบ้านเดิมสกุลอวี๋แล้ว พวกเขายังเก็บกวาดบ้านใหม่ของเยี่ยนจิ่วเฉากับอาหวั่นด้วย เรือนหลังนั้นเดิมทีเป็นบ้านหลังเก่าและหลังใหม่ของสกุลติง หลังแต่งงาน เยี่ยนจิ่วเฉาก็ให้คนมาซ่อมแซมใหม่ และรวมเป็นเรือนหลังเดียวกัน

ช่วงที่เขาไม่อยู่ พวกเขาให้คนไปเก็บกวาดเพียงห้องใหญ่ ส่วนด้านในนั้นไม่มีผู้ใดแตะต้อง

อาม่ากลับมายังหมู่บ้านตั้งแต่วันแรกที่กลับมาถึงเมืองหลวง ดังนั้นคนสกุลอวี๋จึงรู้ว่าอวี๋หวั่นกับเยี่ยนจิ่วเฉากลับมาแล้ว ไม่ช้าก็เร็วย่อมต้องมาเยี่ยมเยียนพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่คาดคิดว่าจะรวดเร็วเช่นนี้ นี่ผ่านไปเพียงสามวัน พวกเขาไปเยี่ยมเยียนญาติในเมืองหลวงมาครบแล้วหรือ?

คนสกุลอวี๋ไม่กล้าเทียบตนเองกับญาติของเยี่ยนจิ่วเฉา พวกเขาไม่รู้ว่านอกจากฮ่องเต้ซึ่งกำลังประชวรหนักแล้ว ทั้งสองยังมิได้ออกจากจวนไปหาญาติคนใดเลย

อากาศในเมืองหลวงเย็นกว่าในหนานจ้าว เดือนเก้าตามปฏิทินจันทรคตินั้นอากาศเย็นสบาย เพียงแต่ผักนั้นควรเก็บในวันเดียวกันเพื่อความสดใหม่ ฟ้ายังไม่สาง ป้าสะใภ้ใหญ่ก็ออกไปเก็บผักในลานบ้านแล้ว จากนั้นก็ซื้อเป็ดและห่านใหญ่จากป้าจางมาอีกหลายตัว

ที่บ้านของพวกเขาก็เลี้ยงเป็ดและห่าน และพวกมันยังไม่โตเต็มที่ เนื้อยังไม่แน่นพอ

“ซื้อตั้งมากมาย ที่บ้านมีแขกหรือ?” ป้าจางถาม

ป้าสะใภ้ใหญ่ยังหุบยิ้มไม่ลง “อาหวั่นกับหลานเขยจะกลับมาแล้ว”

ป้าจางตาเป็นประกาย “ไอ้หยา! หลายเขยก็มาด้วยหรือ! เจ้ารอก่อน! ข้าให้ห่านเจ้าอีกตัว!”

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่หลานเขยของสกุลอวี๋ได้กลายเป็นหลานเขยของคนทั้งหมู่บ้านเหลียนฮวาไปแล้ว ข่าวว่าเขาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์นั้นยังมาไม่ถึงหมู่บ้าน ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่กล้าเรียกเยี่ยนจิ่วเฉาว่าหลานเขยได้เต็มปากเต็มคำเช่นนี้เป็นแน่

ป้าสะใภ้ใหญ่ปฏิเสธ

“เอาไปเถอะน่า!” ป้าจางดันกรงห่านใส่มือป้าสะใภ้ใหญ่

ป้าสะใภ้ใหญ่จึงส่งเงินให้นางเพิ่ม

ป้าจางเริ่มไม่สบอารมณ์ นางเท้าเอว กล่าวว่า “อะไรกัน? หลานเขยจะกลับมาทั้งที ข้าจะเลี้ยงห่านตุ๋นหลานเขยบ้างไม่ได้หรือ? คิดว่าข้าเลี้ยงเขาไม่ได้หรืออย่างไร?”

“ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น…”

“เช่นนั้นก็รับไปสิ!”

ชีวิตของชาวบ้านที่นี่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ลูกชายของป้าจางเป็นหัวหน้ากลุ่มคนงานขุดเหมือง ค่าแรงบวกกับเงินรางวัลที่ได้ในแต่ละเดือน ราวๆ สิบตำลึงเห็นจะได้! ได้ยินว่าพ่อบ้านของสกุลใหญ่ในเมืองหลวงยังไม่ได้เงินเดือนมากเท่านี้ สกุลจางจึงรื้อบ้านหลังเดิมและสร้างใหม่ ซื้อเกวียนเล่มใหม่มา พวกเขามีเงินขึ้นมาแล้ว ห่านเพียงตัวเดียว มีหรือจะให้ไม่ได้!

แน่นอนว่าอย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นเพียงคนทำงานทั่วไป ไม่ได้ใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย หากให้คนอื่นป้าจางคงปวดใจน่าดู แต่สำหรับหลานเขยแห่งหมู่บ้านเหลียนฮวา อย่าว่าแต่ห่านตัวเดียวเลย นางจะยกให้ทั้งเล้าก็ยังได้!

ป้าสะใภ้ใหญ่มองไปยังห่านที่ป้าจางส่งให้ เห็นได้ชัดว่ามันตัวใหญ่กว่าห่านที่นางซื้อสองตัวรวมกันเสียอีก จึงรู้ว่าป้าจางไม่ได้ทำเช่นนี้เพียงเพราะเกรงใจพวกตน

และหากจะบอกว่าป้าจางกำลังติดสินบนพวกเขา ก็คงไม่ถึงขนาดนั้น

ป้าสะใภ้ใหญ่เรียนมาน้อย ทว่าหนึ่งปีที่ผ่านมานี้นางได้สนทนากับพ่อค้าวาณิชจากต่างถิ่น รวมไปถึงข้าราชสำนักจำนวนมาก ความรู้ของนางจึงเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อน นางรู้ว่าพวกเขาไม่อาจพึ่งเพียงการติดสินบนอะไรเทือกนี้ ป้าจางเองก็เข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะฉะนั้นจึงให้ของซึ่งมิได้มีราคาสูง เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจ

นางชอบเยี่ยนจิ่วเฉาจริงๆ

แต่นางไม่คิดเข้าไปประจบประแจงเยี่ยนจิ่วเฉา และจะไม่ทำให้เยี่ยนจิ่วเฉาลำบากใจหรือเดือดร้อนเป็นอันขาด

“เช่นนั้นข้าก็ขอบคุณแทนหลานเขยแล้วกัน” ป้าสะใภ้ใหญ่รับของมา

เมื่อป้าจางไปซักผ้าที่บ่อน้ำหน้าหมู่บ้าน นางก็นำเรื่องนี้ไปเล่าให้ป้าไป๋ฟัง ป้าไป๋ตบเข่าฉาด หลานเขยจะกลับมาทั้งที นางก็ต้องแสดงการต้อนรับอย่างอบอุ่นสักหน่อย!

นางตะโกนเรียกบุตรชายคนเล็ก ให้เขานำปลาหลูป่าซึ่งจับมาเมื่อวานออกมา

นี่เป็นฤดูกาลแห่งการกินปลาหลู และเนื้อปลาหลูซึ่งเติบโตตามธรรมชาตินั้นจะแน่นกว่าปลาหลูเลี้ยงเล็กน้อย เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะนำไปขายในตำบล แต่หลานเขยจะมาไม่ใช่หรือ? ของอร่อยๆ เช่นนี้ก็ต้องเก็บไว้ให้พวกเขากินสิ!

มิผิด คุณชายจอมโหดบางคนนั้นเป็นที่รักของชาวหมู่บ้านเหลียนฮวา!

ด้วยเสียงดังแปดหลอดของป้าไป๋ บัดนี้คนทั้งหมู่บ้านก็รู้แล้วว่าอวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉาจะกลับมา ประเด็นสำคัญของข่าวนี้ก็คือเยี่ยนจิ่วเฉาจะกลับมา…ชาวบ้านต่างช่วยกันเก็บกวาดหมู่บ้านกันเสียยกใหญ่ ครั้นรถม้าเคลื่อนเข้ามาในหมู่บ้าน อวี๋หวั่นก็คิดว่าตนเองตาฝาดไป

“ในหมู่บ้านมีงานมงคลอะไรหรือ?”

ทำไมต้องแขวนโคมไฟเต็มไปหมด!

ปีใหม่ก็ไม่ใช่?

ต่อให้บอกว่าเตรียมงานปีใหม่ ก็ออกจะเร็วเกินไปสักหน่อยกระมัง? ยังไม่ถึงเดือนสิบเลยด้วยซ้ำ!

อวี๋หวั่นสับสนไปหมด

อย่าว่าแต่อวี๋หวั่น แม้แต่อิ่งลิ่วซึ่งมาที่นี่เมื่อวานก็ยังตะลึงงัน เมื่อวานไม่เห็นเป็นเช่นนี้! หมู่บ้านเหลียนฮวาเปลี่ยนไป! เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ!

รถม้าเคลื่อนไปท่ามกลางแสงโคมจนมาถึงประตูใหญ่หน้าบ้านเดิมของสกุลอวี๋ บ้านหลังนี้ซ่อมแซมมาแล้วจนดูใหม่เอี่ยม กระเบื้องสีเทาเข้ม กำแพงสีขาว มองดูแล้วสบายตาเหลือเกิน

คนในครอบครัวกำลังง่วนอยู่ในครัว มีเพียงเด็กหญิงตัวน้อยสวมชุดลายดอกไม้กำลังนั่งยองเล่นกับสุนัข

อวี๋หวั่นมองปราดเดียวก็จำได้ “เจินเจิน!”

เจินเจินได้ยินคนเรียกตนเอง ก็หันหน้ามาทันใด เจินเจินอายุน้อยกว่าเถี่ยตั้นหนึ่งปี ปีนี้ก็สี่ขวบแล้ว ความทรงจำของเด็กอายุสี่ขวบนั้นมีจำกัด มิหนำซ้ำอวี๋หวั่นก็ยังเปลี่ยนไปมาก…แต่ก็ยังไม่ยอมรับว่าตนอ้วน!

เจินเจินจำอวี๋หวั่นไม่ได้

แต่เจินเจินก็มิได้เฉยเมย นางลุกขึ้นยืนอย่างผึ่งผาย สายตามองไปยังอวี๋หวั่น จากนั้นก็หันไปแล้วตะโกนว่า “ท่านแม่! มีคนมา!”

อันที่จริงตอนนี้ยังนับว่าเช้าอยู่ คนสกุลอวี๋คาดเดาว่าพวกเขาจะมาถึงประมาณเที่ยงวัน เมื่อป้าสะใภ้ใหญ่ได้ยินเสียงของลูกสาว ก็คิดว่าเป็นคนมาติดต่อการค้า นางกำลังจะออกไปบอกว่าที่บ้านมีแขก ไว้ค่อยมาวันหลัง แต่กลับเห็นอวี๋หวั่น เยี่ยนจิ่วเฉา และเด็กทั้งสามยืนอยู่

“โอ้!” ป้าสะใภ้ใหญ่ร้องด้วยความตื่นเต้น “เด็กๆ! พ่อ! ออกมาเร็ว!”

ลุงใหญ่ถือมีดเดินออกมา เขากำลังจะหั่นผักอยู่พอดี ทันทีที่เห็นหลานเขย เขาก็ลืมไปเสียสนิทว่าตนเองหยิบมีดติดมือมา

“อาหวั่น? หลานเขย? โอ๊ยมีดข้าอีก!” ลุงใหญ่รีบเดินกลับเข้าไปวางมีดในห้องครัว

“ปู่ใหญ่! ย่าใหญ่!”

เสี่ยวเป่ารีบพูดขึ้นมาเป็นคนแรก

อวี๋หวั่นไม่รู้ว่าเด็กทั้งสามยังจดจำช่วงเวลาที่เคยอยู่ในบ้านของลุงใหญ่ได้หรือไม่ อย่างไรเสียระหว่างทาง เธอก็กำชับกับเด็กๆ ไว้แล้ว

เอ้อร์เป่าและต้าเป่าก็วิ่งเข้าไป เอ้อร์เป่าพูดเสียงหวานว่า “ปู่ใหญ่! ย่าใหญ่!”

ทันทีที่ได้ยินทั้งสองคนพูด ลุงใหญ่และป้าสะใภ้ใหญ่ก็ดีใจเป็นที่สุด!

พวกเขาเข้าไปกอดเด็กน้อยทั้งสาม…เอ๋…นี่มันไขมันหรืออะไรกัน?

ลุงใหญ่เดินได้อย่างคล่องแคล่ว ไม่รู้สึกเจ็บอีกต่อไป

“ลุงใหญ่ ป้าสะใภ้ใหญ่” อวี๋หวั่นจูงมือเยี่ยนจิ่วเฉาเข้าไปในบ้าน

เยี่ยนจิ่วเฉาก็เอ่ยเรียกลุงใหญ่กับป้าสะใภ้ใหญ่อย่างรู้มารยาท

ไม่ว่ากิตติศัพท์ของเขาในโลกภายนอกจะย่ำแย่เพียงใด แต่ในหมู่บ้านเหลียนฮวา เยี่ยนจิ่วเฉาก็นับว่าเป็นลูกเขยตัวอย่าง เป็นหน้าเป็นตาให้กับอวี๋หวั่น!

ในตอนนั้นเอง ร่างอรชรอ้อนแอ้นที่คุ้นเคยก็เดินออกมาจากในครัว “อาหวั่นกับน้องเขยกลับมาหรือ? ข้าเหมือนจะได้ยินเสียงเด็ก เป็นต้าเป่า เอ้อร์เป่า แล้วก็เสี่ยวเป่าใช่ไหม?”

“เสี่ยวเป่า ต้าเป่า แล้วก็เอ้อร์เป่าต่างหากขอรับ!” เสี่ยวเป่าเท้าเอว กระทืบเท้า!

เป็นที่หนึ่งมันยากขนาดนี้เชียวหรือ? พวกท่านเป็นผู้ใหญ่ ไม่เห็นหรืออย่างไรว่าข้าวิ่งเข้ามาคนแรก?

ทุกคนในห้องล้วนแต่รู้สึกขบขันกับท่าทางของเขา

พวกเขาโตขึ้นแล้ว รู้จักโมโหแล้วด้วย ก่อนหน้านี้ที่พบพวกเขาครั้งแรก พวกเขาดูเงอะๆ งะๆ ตอนนี้พวกเขาดูฉลาดหลักแหลมทีเดียว

“พี่สะใภ้ใหญ่!” อวี๋หวั่นเดินเข้าไปด้วยความตื่นเต้น ขณะที่เธอกำลังจะเข้าไปกอดไป๋ถัง ก็พบว่าไป๋ถังเดินผ่านเธอไป

แต่ทันทีที่ได้ยินว่าพี่สะใภ้ ไป๋ถังก็ชะงักไป นางหันมามองเธอ “อ๋า เจ้า…เจ้าคืออาหวั่นหรือ?”

จากเด็กสาวตัวผอมกะหร่องคนนั้น ไฉนจึงกลายเป็นก้อนกลมเช่นนี้ไปได้ เจ้าไปทำอะไรมา!

ไป๋ถังยังคิดเสียอีกว่าอวี๋หวั่นยังอยู่บนรถม้า!

“ข้าท้องน่ะ!” ดวงตารูปผลซิ่งของอวี๋หวั่นจ้องเขม็ง เธอไม่ยอมรับเด็ดขาดว่าเธออ้วน!

เธอไม่ได้อ้วน! ไม่ได้อ้วนแม้แต่นิดเดียว! เธอมีน้ำมีนวลน่ารัก!!!

น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของเธอคือน้ำหนักของเยี่ยนเสี่ยวซื่อต่างหาก!

เยี่ยนเสี่ยวซื่อซึ่งหนักไม่ถึงสิบจิน “…”

…………………..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]